เผยแพร่ |
---|
แม้ผักบุ้งจีนจะได้รับความนิยมมากกับผู้บริโภคในประเทศไทย แต่ด้วยราคาที่ไม่คงที่ของตลาด มักแปรผันไปตามปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งยังต้องส่งผ่านผลผลิตให้พ่อค้าคนกลาง บางครั้งทำให้รายจ่ายของต้นทุนไม่พอกับรายรับที่ได้มา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกเอง ขายเอง เพื่อเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้มั่นคง และอยู่รอดของคุณวรวิทย์ ศิริกรรณิกา จากอดีตผู้รับจ้างเข็นผักสู่เกษตรกรเต็มตัว พืชเศรษฐกิจ โตเร็ว ตัดง่าย รายได้ไม่ขาดมือ สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน
จุดเริ่มต้นของการปลูกเอง-ขายเอง
ก่อนที่จะมาปลูกผักบุ้งจีนขาย คุณวรวิทย์ เล่าให้ฟังว่า เคยรับจ้างเข็นผักที่ตลาดสี่มุมเมืองมาก่อน ตอนนั้นอายุ 20 กว่าๆ ก็เริ่มมารับจ้างเข็นผัก ทำอยู่ประมาณ 4 ปี ก็มาเจอภรรยา เขามาขายผักบุ้งจีนกับแม่ที่ตลาดนี้ พอแต่งงานก็เลยผันตัวมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว
เคล็ดลับการปลูกและการเก็บเกี่ยว
คุณวรวิทย์ บอกว่า หัวใจหลักของการปลูกผักบุ้ง คือเรื่องการรดน้ำ ที่ต้องให้ในปริมาณที่พอดี ควรรดน้ำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าวันไหนฝนตก ก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำ สิ่งที่สำคัญอย่าให้ผักบุ้งจีนขาดน้ำ เพราะจะทำให้ผักบุ้งจีนขาดการเจริญเติบโต และห้ามรดน้ำเยอะเกินไปจนน้ำขัง เพราะทำให้ผักของเราไม่มีคุณภาพ ไม่น่ารับประทาน และราคาตก
ส่วนขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผักบุ้งจีนที่พร้อมเก็บเกี่ยว อายุเฉลี่ยประมาณ 25-30 วัน หรือต้นสูงประมาณ 30-35 เซนติเมตร ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ที่สำคัญ ก่อนเก็บเกี่ยวควรรดน้ำแปลงดินให้ชุ่ม เพื่อการเก็บเกี่ยวผักบุ้งจะง่ายขึ้น ทำให้รากผักบุ้งจีนไม่ขาดมาก วิธีการคือสะบัดดินออก และนำไปล้างน้ำอีกรอบ ไม่ควรน้ำผักบุ้งไปตากแดด เพราะจะทำให้ผักบุ้งเหี่ยว จัดการมัดผักบุ้งเป็นมัดๆ และนำไปจำหน่ายต่อไป อย่างที่ผมนำมาจำหน่ายที่ตลาด จะมัดละ 5 กิโลกรัม
ปลูกเอง-ขายเอง สร้างรายได้หลักแสน
สมัยก่อนที่ครอบครัวภรรยาเริ่มต้นธุรกิจนี้ คุณวรวิทย์ บอกว่า เมื่อก่อนยังไม่ได้ขยายธุรกิจใหญ่โตเท่าทุกวันนี้ พอตนเองได้มาช่วย ก็มีหัวเรี่ยวหัวแรงเพิ่ม สามารถสลับกันมาขายได้ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันเป็นทั้งเกษตรกรปลูกเองด้วย และมีลูกสวนอยู่ประมาณ 40 ไร่ เน้นปลูกผักบุ้งจีนโดยเฉพาะ อยู่ที่อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถทยอยตัดผลผลิตมาขาย “ยกตัวอย่างปลูก 10 ไร่ จะได้ผักบุ้ง 10 ร่อง 1 วันเก็บเกี่ยว 7.5/10 ร่อง จะได้ราว 1.5 ตัน หรือ 300 มัด (1 มัด = 5 กิโลกรัม) ต่อวัน สำหรับระยะเวลาที่ปลูก อยู่ที่ 20 วัน ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้”
ลูกค้าคือใคร และรายได้เป็นอย่างไร
สำหรับตลาดของผักบุ้งมีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งลูกค้าหลัก คือ พี่ๆ รถเร่ 40% และร้านอาหาร 40% อีก 10% จะเป็นลูกค้าแผงผักที่มารับไปขายต่อ รายได้เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 20,000-30,000 บาท (ยังไม่หักต้นทุน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ) ราคาผักบุ้งจะขึ้นลงในแต่ละวัน ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับจำนวนผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ ส่วนพวกปัจจัยอื่นๆ เช่น น้ำมันขึ้น ค่าครองชีพขึ้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเอามาบวกเพิ่ม อยากจะช่วยลูกค้า เป็นไปได้จะไม่ค่อยขึ้นราคานอกจากจำเป็นจริงๆ ต้นทุนไม่ได้แล้วถึงจะขึ้น
โดยราคาของผักบุ้งจะแบ่งตามเกรด เกรดดีที่สุด ราคาเฉลี่ยประมาณมัดละ 80 บาท หรือกิโลละประมาณ 16 บาทเท่านั้น วิธีดูคือ ต้นต้องสวย และดูตรงข้อ ต้องมีจำนวนน้อย ไม่ถี่ ไม่มีรอยช้ำ ปล้องของต้นจะยาว ส่วนใบ ต้องไม่มีจุด ไม่เขียว ไม่เหลือง ไม่มีราแป้ง ส่วนเกรดที่ถูกที่สุด ส่วนใหญ่จะมีคนเหมาเอาไปเป็นอาหารให้ปลา จะอยู่ที่มัดละ 10 บาท เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 2 บาทเท่านั้น
หากท่านใดสนใจผักบุ้งจีนของคุณวรวิทย์ ตามมาได้ที่อาคารรถผัก หรือโทร. 081-399-7737