ทำเกษตรยังไง? ให้คุ้มค่าในพื้นที่จำกัด มีรายได้ตลอดทั้งปี

ในยุคปัจจุบัน การทำเกษตรไม่ใช่เรื่องที่จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่ขนาดใหญ่อีกต่อไป แม้ว่าคุณจะมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยในเมือง บนดาดฟ้า ระเบียง หรือสวนหลังบ้าน คุณก็สามารถเริ่มต้นทำเกษตรและสร้างรายได้ได้เช่นกัน ที่สำคัญคือการวางแผนและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม เพื่อให้พื้นที่จำกัดนี้สามารถสร้างผลผลิตที่คุ้มค่าและมีรายได้ตลอดทั้งปี

วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านได้รวมกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่จำกัด ที่สามารถทำเกษตรแบบครบวงจรได้อย่างน่าทึ่ง โดยใช้พื้นที่ในสวนสร้างรายได้ตลอดทั้งปี ควบคู่กับการทำอาชีพอื่นๆ หากคุณกำลังมองหาวิธีเริ่มต้นทำเกษตรในพื้นที่จำกัดและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี มาดูเหล่ากูรูที่เนรมิตพื้นที่เกษตรให้มีรายได้กันเลย!

  • พื้นที่ข้างบ้านมีน้อย ถ้ารู้จักการบริหารจัดการที่ดี ก็ทำรายได้ได้ไม่ยาก

ในพื้นที่จำกัด ก็สามารถทำเกษตรได้หลายแบบที่เหมาะกับการใช้งานพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือบางแนวคิดและไอเดียในการทำเกษตรในพื้นที่เล็กๆ เริ่มจากสิ่งที่เราชอบละศึกษาเรียนรู้ไปกับมันจะทำให้ผลผลิตออกมาดี มีคุณภาพ

มือใหม่ต้องรู้ก่อนที่จะเริ่มต้น

  1. วางแผน ก่อนจะเริ่มทำเกษตรในพื้นที่จำกัด สิ่งสำคัญคือการวางแผน เขียนแผนงานลงในกระดาษและลองออกแบบเลเอาท์พื้นที่คร่าวๆ ว่าจะจัดสรรพื้นที่อย่างไร เช่น การปลูกพืชในแนวตั้ง ใช้กระถางหรือชั้นวาง วางตำแหน่งที่มีแสงแดดพอเพียง สิ่งนี้ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและคาดคะเนปริมาณผลผลิตที่จะได้จากพื้นที่เล็กๆ
  2. เลือกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ การเลือกพืชที่เติบโตได้ดีในพื้นที่จำกัดเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกพืชที่ใช้พื้นที่น้อยและให้ผลผลิตเร็ว เช่น
    • ผักสวนครัว: ผักบุ้ง กะเพรา โหระพา
    • ผักใบเขียว: ผักสลัด ผักคะน้า ผักชี
    • พืชสมุนไพร: ตะไคร้ ข่า ขิง เหล่านี้สามารถปลูกในกระถางหรือแปลงเล็กๆ ได้
  3. ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม การหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการปลูก ดูแล และจัดการพื้นที่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น เช่น วิธีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ระบบน้ำหยด การปลูกผักในแนวตั้ง หรือระบบไฮโดรโปนิกส์ นอกจากนี้ ยังควรศึกษาเรื่องศัตรูพืชและวิธีป้องกันแบบธรรมชาติ เพื่อลดการใช้สารเคมีในพื้นที่จำกัด หรือแม้กระทั่งสอบถามกูรูเฉพาะทาง ที่สามารถให้คำตอบและเทคนิคที่นำไปใช้ที่สวนได้
  4. การตลาด หากทำเกษตรเพื่อสร้างรายได้ ควรเริ่มคิดเรื่องการตลาดตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นการขายให้คนในชุมชน การเปิดตลาดออนไลน์ หรือส่งขายที่ตลาดสด การตลาดสำคัญมากเพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายผลผลิตที่ปลูกไว้ นอกจากนี้ ควรดูแนวโน้มของพืชที่ตลาดต้องการ
  5. แปรรูป นอกจากการขายผลผลิตสดแล้ว การแปรรูปเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตในพื้นที่จำกัด เช่น แปรรูปสมุนไพรเป็นน้ำมันหอมระเหย ทำผักดอง หรือทำเครื่องดื่มจากสมุนไพร ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้เก็บรักษาไว้ได้นานขึ้น

ตัวอย่างเหล่ากูรูที่เนรมิตพื้นที่ของตัวเอง จนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้

สาวไอที ปลูกผักเคล พื้นที่ข้างบ้าน 40 ตารางวา เริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนแรกที่ปลูก

Advertisement

ปลูกองุ่นในเข่ง บนพื้นที่ 20 ตร.ม. อยู่ที่ไหนก็ปลูกได้ แค่มีแดด ฟันรายได้หลักล้านต่อเดือน

“ปลูกผักในกะละมัง” ต้นทุนต่ำ ดูแลง่าย สร้างรายได้กะละมังละร้อย

Advertisement

สาวแพร่ ทำเกษตรข้างบ้าน ปลูกพืชหลากหลาย เก็บกิน เก็บขาย สร้างรายได้เข้ากระเป๋าทุกวัน

ปลูกผักในกล่องโฟม ใช้พื้นที่แค่ 6 ตร.ม. วางแผนการผลิตให้เป็น จับเงินแสนทุกเดือน

  • ปลูกพืชผสมผสาน สร้างรายได้ตลอดทั้งปี

การทำเกษตรผสมผสาน เป็นการทำเกษตรหลายๆ อย่างรวมกันที่มีการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์หลายๆ ชนิดในพื้นที่เดียวกัน ลักษณะของเกษตรผสมผสาน มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น การปลูกพืชผสมผสาน , การเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน , การปลูกพืชผสมผสานกับการเลี้ยงสัตว์

เริ่มต้นการทำเกษตรผสมผสาน การแบ่งสัดส่วนจัดการพื้นที่ เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถใช้พื้นที่ในการทำเกษตรอย่างคุ้มค่า สร้างรายได้หลากหลายช่องทาง และเพิ่มความยั่งยืนให้กับระบบการผลิต ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรินี้ ารจัดการพื้นที่แบ่งได้เป็น 4 ส่วน คือ 30:30:30:10 ดังนี้

  • ขุดสระเก็บกักน้ำ พื้นที่ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้ สม่ำเสมอตลอดปี โดยเก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ และพืชน้ำต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด โสน ฯลฯ
  • ปลูกข้าว พื้นที่ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี โดยไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง เป็นการลดค่าใช้จ่าย และสามารพึ่งตนเองได้
  • ปลูกผลไม้ ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก พื้นที่ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก พืชสมุนไพร ฯลฯ อย่างผสมผสานกัน และหลากหลายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือจากการบริโภคก็นำไปขายได้
  • ที่อยู่อาศัย และอื่น ๆ พื้นที่ประมาณ 10% ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง คันดิน โรงเรือนและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ รวมทั้งคอกเลี้ยงสัตว์ เรือนเพาะชำ ฉางเก็บผลิตผลการเกษตร ฯลฯ นี่เป็นทฤษฎีปฏิบัติจริง พื้นที่เป็นนาทั้งหมดหรือไร่สวนด้วย

ตัวอย่างเหล่ากูรูที่เนรมิตพื้นที่ของตัวเอง จนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้

เกษตรกรน่าน ทำเกษตรผสมผสาน ขายทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ มีรายได้หลักแสนต่อปี

ชาวสวนรุ่นใหม่ ทำเกษตรแบบอิสราเอล ปลูกพืชผสมผสาน สวนสวย-ระบบน้ำเป็นเลิศ

เกษตรกรยะลา ทำเกษตรอินทรีย์ เน้นปลูกพืชผสมผสาน มีรายได้ตลอดปี

  • เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก

การเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดสามารถทำได้หากมีการวางแผนและจัดการที่ดี ไม่ว่าจะมีพื้นที่เล็กๆ ข้างบ้านหรือสวนหลังบ้าน ก็สามารถเลี้ยงสัตว์เพื่อสร้างรายได้เสริมหรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ได้

1. เลือกสัตว์ที่เหมาะสมกับพื้นที่

การเลือกสัตว์ที่ขนาดตัวไม่ใหญ่และเลี้ยงง่ายเหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด สัตว์ที่ควรพิจารณามีดังนี้:

  • ไก่ไข่หรือไก่เนื้อ: ไก่สามารถเลี้ยงในพื้นที่เล็กๆ เช่น ลานข้างบ้านหรือในกรงชั้นเดียวหรือสองชั้น เพื่อประหยัดพื้นที่
  • เป็ด: เป็ดไข่หรือเป็ดเนื้อก็เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากใช้พื้นที่ไม่มากและให้ผลผลิตที่ดี
  • นกกระทา: นกกระทาเลี้ยงง่ายในพื้นที่จำกัดและสามารถเก็บไข่ได้เป็นประจำ
  • กระต่าย: กระต่ายเลี้ยงเพื่อเนื้อหรือเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง สามารถเลี้ยงในกรงยกพื้นได้
  • ปลา: การเลี้ยงปลาดุก ปลานิล หรือปลาหางนกยูงในบ่อซีเมนต์ขนาดเล็กหรือระบบน้ำหมุนเวียนก็เป็นตัวเลือกที่ดีในพื้นที่เล็กๆ
2. วางแผนการจัดพื้นที่เลี้ยงสัตว์

ในพื้นที่จำกัด คุณต้องออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • กรงชั้นหรือโรงเรือนขนาดเล็ก: ใช้กรงชั้นสำหรับไก่หรือกรงแบบแนวตั้งสำหรับนกกระทา จะช่วยประหยัดพื้นที่
  • บ่อเลี้ยงปลา: หากมีพื้นที่ไม่มาก ลองใช้บ่อซีเมนต์หรือแทงก์พลาสติกเพื่อเลี้ยงปลา วิธีนี้ไม่ต้องใช้พื้นที่กว้างขวาง
  • เลี้ยงสัตว์ร่วมกับการปลูกพืช: ถ้าคุณมีสวนผักอยู่แล้ว สามารถปล่อยไก่เลี้ยงในพื้นที่ผักบางส่วนเพื่อช่วยกำจัดแมลงและเพิ่มปุ๋ยอินทรีย์จากมูลไก่ได้
3. จัดการอาหารและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบอาหารอัตโนมัติ: ติดตั้งเครื่องให้อาหารและน้ำแบบอัตโนมัติเพื่อลดการใช้แรงงานและประหยัดเวลา
  • การใช้เศษอาหาร: เลี้ยงสัตว์บางชนิด เช่น ไก่ เป็ด ด้วยเศษอาหารที่เหลือจากครัวเรือน เพื่อลดต้นทุนการเลี้ยง
4. การจัดการมูลสัตว์

มูลสัตว์เป็นทรัพยากรที่มีค่าในเกษตร การเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดทำให้คุณสามารถเก็บมูลสัตว์มาใช้ทำปุ๋ยอินทรีย์สำหรับปลูกพืชได้ ซึ่งจะช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างระบบการหมุนเวียนทรัพยากรภายในสวน

5. เริ่มจากจำนวนน้อยๆ ก่อน

สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นจากจำนวนน้อย เช่น เลี้ยงไก่ 5-10 ตัว หรือเลี้ยงนกกระทาในกรงเล็กๆ เพื่อให้คุณได้เรียนรู้วิธีการดูแลสัตว์และปรับตัวกับการจัดการพื้นที่ เมื่อชำนาญแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนสัตว์มากขึ้น

6. ศึกษากฎระเบียบและข้อกฎหมาย

หากคุณอยู่ในพื้นที่ชุมชน ควรตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่นหรือข้อกำหนดการเลี้ยงสัตว์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเรื่องของกลิ่นและเสียงรบกวน

7. สร้างรายได้จากผลผลิตสัตว์
  • ขายไข่: ไก่ไข่ นกกระทา และเป็ดไข่สามารถเก็บไข่ขายได้ทุกวัน
  • ขายเนื้อ: ถ้าคุณเลี้ยงไก่เนื้อ เป็ด หรือกระต่าย คุณสามารถขายเป็นเนื้อสัตว์หรือขายตัวสัตว์ที่พร้อมชำแหละได้
  • แปรรูปผลผลิต: การแปรรูปไข่หรือเนื้อสัตว์ เช่น การทำไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า หรือเนื้อแปรรูป เป็นอีกทางที่เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของคุณ

ตัวอย่างเหล่ากูรูที่เนรมิตพื้นที่ของตัวเอง จนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้

หนุ่มชลบุรี เลี้ยงไส้เดือนในถาดไดโซะ เลี้ยงง่าย โตดี เก็บมูลขายได้ทุกอาทิตย์ สร้างรายได้ชิลๆ เดือนละเกือบครึ่งแสน

ลาออกจากงานประจำ สู่เจ้าของฟาร์มปูนา ทำเงิน 60,000 บาทต่อเดือน

กล้าพอไหม! สร้างรายได้ จากการเลี้ยง “แมลงสาบดูเบีย” โอกาสทองสำหรับผู้กล้าลอง

การทำเกษตรในพื้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีการวางแผนและใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ไม่เพียงแต่คุณจะได้พืชผักสดปลอดสารสำหรับใช้เอง แต่ยังสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวได้ตลอดทั้งปี ลองเริ่มต้นจากพืชที่ง่ายและดูแลไม่ยาก ค่อยๆ ขยายขอบเขตไปยังพืชที่มีมูลค่าสูงขึ้น เมื่อคุณคุ้นเคยกับระบบการจัดการแล้ว ความคุ้มค่าและรายได้ที่คุณได้จะตามมาอย่างแน่นอน!

ขอบคุณที่มา : https://www.sgethai.com/