เผยแพร่ |
---|
ในยุคปัจจุบัน การทำเกษตรไม่ใช่เรื่องที่จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่ขนาดใหญ่อีกต่อไป แม้ว่าคุณจะมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยในเมือง บนดาดฟ้า ระเบียง หรือสวนหลังบ้าน คุณก็สามารถเริ่มต้นทำเกษตรและสร้างรายได้ได้เช่นกัน ที่สำคัญคือการวางแผนและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม เพื่อให้พื้นที่จำกัดนี้สามารถสร้างผลผลิตที่คุ้มค่าและมีรายได้ตลอดทั้งปี
ตัวอย่างเหล่ากูรูที่เนรมิตพื้นที่ของตัวเอง จนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้
– สาวไอที ปลูกผักเคล พื้นที่ข้างบ้าน 40 ตารางวา เริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนแรกที่ปลูก
– ปลูกองุ่นในเข่ง บนพื้นที่ 20 ตร.ม. อยู่ที่ไหนก็ปลูกได้ แค่มีแดด ฟันรายได้หลักล้านต่อเดือน
– “ปลูกผักในกะละมัง” ต้นทุนต่ำ ดูแลง่าย สร้างรายได้กะละมังละร้อย
– สาวแพร่ ทำเกษตรข้างบ้าน ปลูกพืชหลากหลาย เก็บกิน เก็บขาย สร้างรายได้เข้ากระเป๋าทุกวัน
– ปลูกผักในกล่องโฟม ใช้พื้นที่แค่ 6 ตร.ม. วางแผนการผลิตให้เป็น จับเงินแสนทุกเดือน
- ปลูกพืชผสมผสาน สร้างรายได้ตลอดทั้งปี
การทำเกษตรผสมผสาน เป็นการทำเกษตรหลายๆ อย่างรวมกันที่มีการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์หลายๆ ชนิดในพื้นที่เดียวกัน ลักษณะของเกษตรผสมผสาน มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น การปลูกพืชผสมผสาน , การเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน , การปลูกพืชผสมผสานกับการเลี้ยงสัตว์
เริ่มต้นการทำเกษตรผสมผสาน การแบ่งสัดส่วนจัดการพื้นที่ เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถใช้พื้นที่ในการทำเกษตรอย่างคุ้มค่า สร้างรายได้หลากหลายช่องทาง และเพิ่มความยั่งยืนให้กับระบบการผลิต ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรินี้ ารจัดการพื้นที่แบ่งได้เป็น 4 ส่วน คือ 30:30:30:10 ดังนี้
- ขุดสระเก็บกักน้ำ พื้นที่ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้ สม่ำเสมอตลอดปี โดยเก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ และพืชน้ำต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด โสน ฯลฯ
- ปลูกข้าว พื้นที่ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี โดยไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง เป็นการลดค่าใช้จ่าย และสามารพึ่งตนเองได้
- ปลูกผลไม้ ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก พื้นที่ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก พืชสมุนไพร ฯลฯ อย่างผสมผสานกัน และหลากหลายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือจากการบริโภคก็นำไปขายได้
- ที่อยู่อาศัย และอื่น ๆ พื้นที่ประมาณ 10% ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง คันดิน โรงเรือนและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ รวมทั้งคอกเลี้ยงสัตว์ เรือนเพาะชำ ฉางเก็บผลิตผลการเกษตร ฯลฯ นี่เป็นทฤษฎีปฏิบัติจริง พื้นที่เป็นนาทั้งหมดหรือไร่สวนด้วย
ตัวอย่างเหล่ากูรูที่เนรมิตพื้นที่ของตัวเอง จนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้
– เกษตรกรน่าน ทำเกษตรผสมผสาน ขายทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ มีรายได้หลักแสนต่อปี
– ชาวสวนรุ่นใหม่ ทำเกษตรแบบอิสราเอล ปลูกพืชผสมผสาน สวนสวย-ระบบน้ำเป็นเลิศ
– เกษตรกรยะลา ทำเกษตรอินทรีย์ เน้นปลูกพืชผสมผสาน มีรายได้ตลอดปี
- เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก
การเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดสามารถทำได้หากมีการวางแผนและจัดการที่ดี ไม่ว่าจะมีพื้นที่เล็กๆ ข้างบ้านหรือสวนหลังบ้าน ก็สามารถเลี้ยงสัตว์เพื่อสร้างรายได้เสริมหรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ได้
1. เลือกสัตว์ที่เหมาะสมกับพื้นที่
การเลือกสัตว์ที่ขนาดตัวไม่ใหญ่และเลี้ยงง่ายเหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด สัตว์ที่ควรพิจารณามีดังนี้:
- ไก่ไข่หรือไก่เนื้อ: ไก่สามารถเลี้ยงในพื้นที่เล็กๆ เช่น ลานข้างบ้านหรือในกรงชั้นเดียวหรือสองชั้น เพื่อประหยัดพื้นที่
- เป็ด: เป็ดไข่หรือเป็ดเนื้อก็เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากใช้พื้นที่ไม่มากและให้ผลผลิตที่ดี
- นกกระทา: นกกระทาเลี้ยงง่ายในพื้นที่จำกัดและสามารถเก็บไข่ได้เป็นประจำ
- กระต่าย: กระต่ายเลี้ยงเพื่อเนื้อหรือเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง สามารถเลี้ยงในกรงยกพื้นได้
- ปลา: การเลี้ยงปลาดุก ปลานิล หรือปลาหางนกยูงในบ่อซีเมนต์ขนาดเล็กหรือระบบน้ำหมุนเวียนก็เป็นตัวเลือกที่ดีในพื้นที่เล็กๆ
2. วางแผนการจัดพื้นที่เลี้ยงสัตว์
ในพื้นที่จำกัด คุณต้องออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
- กรงชั้นหรือโรงเรือนขนาดเล็ก: ใช้กรงชั้นสำหรับไก่หรือกรงแบบแนวตั้งสำหรับนกกระทา จะช่วยประหยัดพื้นที่
- บ่อเลี้ยงปลา: หากมีพื้นที่ไม่มาก ลองใช้บ่อซีเมนต์หรือแทงก์พลาสติกเพื่อเลี้ยงปลา วิธีนี้ไม่ต้องใช้พื้นที่กว้างขวาง
- เลี้ยงสัตว์ร่วมกับการปลูกพืช: ถ้าคุณมีสวนผักอยู่แล้ว สามารถปล่อยไก่เลี้ยงในพื้นที่ผักบางส่วนเพื่อช่วยกำจัดแมลงและเพิ่มปุ๋ยอินทรีย์จากมูลไก่ได้
3. จัดการอาหารและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบอาหารอัตโนมัติ: ติดตั้งเครื่องให้อาหารและน้ำแบบอัตโนมัติเพื่อลดการใช้แรงงานและประหยัดเวลา
- การใช้เศษอาหาร: เลี้ยงสัตว์บางชนิด เช่น ไก่ เป็ด ด้วยเศษอาหารที่เหลือจากครัวเรือน เพื่อลดต้นทุนการเลี้ยง
4. การจัดการมูลสัตว์
มูลสัตว์เป็นทรัพยากรที่มีค่าในเกษตร การเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดทำให้คุณสามารถเก็บมูลสัตว์มาใช้ทำปุ๋ยอินทรีย์สำหรับปลูกพืชได้ ซึ่งจะช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างระบบการหมุนเวียนทรัพยากรภายในสวน
5. เริ่มจากจำนวนน้อยๆ ก่อน
สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นจากจำนวนน้อย เช่น เลี้ยงไก่ 5-10 ตัว หรือเลี้ยงนกกระทาในกรงเล็กๆ เพื่อให้คุณได้เรียนรู้วิธีการดูแลสัตว์และปรับตัวกับการจัดการพื้นที่ เมื่อชำนาญแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนสัตว์มากขึ้น
6. ศึกษากฎระเบียบและข้อกฎหมาย
หากคุณอยู่ในพื้นที่ชุมชน ควรตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่นหรือข้อกำหนดการเลี้ยงสัตว์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเรื่องของกลิ่นและเสียงรบกวน
7. สร้างรายได้จากผลผลิตสัตว์
- ขายไข่: ไก่ไข่ นกกระทา และเป็ดไข่สามารถเก็บไข่ขายได้ทุกวัน
- ขายเนื้อ: ถ้าคุณเลี้ยงไก่เนื้อ เป็ด หรือกระต่าย คุณสามารถขายเป็นเนื้อสัตว์หรือขายตัวสัตว์ที่พร้อมชำแหละได้
- แปรรูปผลผลิต: การแปรรูปไข่หรือเนื้อสัตว์ เช่น การทำไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า หรือเนื้อแปรรูป เป็นอีกทางที่เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของคุณ
ตัวอย่างเหล่ากูรูที่เนรมิตพื้นที่ของตัวเอง จนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้
– ลาออกจากงานประจำ สู่เจ้าของฟาร์มปูนา ทำเงิน 60,000 บาทต่อเดือน
– กล้าพอไหม! สร้างรายได้ จากการเลี้ยง “แมลงสาบดูเบีย” โอกาสทองสำหรับผู้กล้าลอง
การทำเกษตรในพื้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีการวางแผนและใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ไม่เพียงแต่คุณจะได้พืชผักสดปลอดสารสำหรับใช้เอง แต่ยังสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวได้ตลอดทั้งปี ลองเริ่มต้นจากพืชที่ง่ายและดูแลไม่ยาก ค่อยๆ ขยายขอบเขตไปยังพืชที่มีมูลค่าสูงขึ้น เมื่อคุณคุ้นเคยกับระบบการจัดการแล้ว ความคุ้มค่าและรายได้ที่คุณได้จะตามมาอย่างแน่นอน!
ขอบคุณที่มา : https://www.sgethai.com/