รวม 4 เทคนิคเพาะเลี้ยงไข่ผำ พื้นที่น้อย ต้นทุนต่ำ โตเร็ว

“ผำ” หรือ “ไข่น้ำ” อาหาร super foods ของโลก ฉายาว่า “Green Caviar” ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เพราะมีโภชนาการครบถ้วนสูงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนทางอาหาร ทำให้ปัจจุบันมีผู้สนใจเข้าวงการเพาะเลี้ยงไข่ผำกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อก่อนไข่ผำจะนิยมทานกันมากในภาคเหนือและภาคอีสาน มีขึ้นอยู่ตามแหล่งน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น บึงและหนองน้ำธรรมชาติทั่วไป โดยปกติจะมีมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารเคมีเจือปน เนื่องจากผำธรรมชาติจะเจริญเติบโตแพร่พันธุ์ได้ดีก็ต่อเมื่อแหล่งน้ำนั้นเป็นน้ำสะอาด ปัจจุบันมีการนำมาเพาะเลี้ยงสร้างรายได้กันมากขึ้น โดยวิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำมีหลากหลายวิธีดังนี้

1.การเพาะเลี้ยงในกะละมัง หรือกระบะผสมปูน

การเพาะเลี้ยงไข่ผำในกะละมังถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่น้อยกำลังเริ่มต้นหัดเลี้ยง เพื่อศึกษา ลองผิดลองถูก ใช้เงินลงทุนไม่มาก เริ่มต้นด้วยเงิน 20 บาท ก็สามารถเพาะเลี้ยงไข่ผำไว้ทานเองในครัวเรือนได้

ขั้นตอนการเพาะเลี้ยง

ขั้นตอนที่ 1 ให้เริ่มจากการเตรียมบ่อหรือภาชนะที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงไข่ผำ หากเพาะเลี้ยงในกะละมังให้ใส่น้ำลงไปครึ่งกะละมัง โดยน้ำที่ใส่จะเป็นน้ำประปา หรือน้ำบาดาลก็ได้ หากใช้น้ำประปาแนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วันก่อนปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยง

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อเตรียมบ่อสำหรับเลี้ยงผำเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการผสมปุ๋ย โดยที่นี่จะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 เป็นปุ๋ยเม็ดปริมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงไปในขวดผสมกับน้ำเปล่าเขย่าให้ปุ๋ยละลายแล้วเทปุ๋ยลงไปในบ่อที่เตรียมไว้

Advertisement

ขั้นตอนที่ 3 ปล่อยพันธุ์ผำที่เตรียมไว้ลงในกะละมัง ประมาณ 1 ขีด คนให้กระจาย จากนั้นนำไปตั้งไว้ที่แสงแดดรำไร แล้วใช้ตาข่ายมาคุมทับกะละมังเพื่อป้องกันแมลงต่างๆ มาวางไข่

ขั้นตอนการดูแล

Advertisement

ในขั้นตอนการดูแล หลักๆ ขอแค่มีเวลาว่างช่วงเช้าเดินมาเปิดบ่อคนเพื่อให้เกิดออกซิเจนในบ่อแค่นั้นเอง จากนั้นไม่เกิน 7-15 วัน ไข่ผำจะขยายพันธุ์ขึ้นเต็มบ่อสามารถตักออกมาทาน หรือตักไปจำหน่ายได้ โดยวิธีการตักให้ตักขึ้นมาประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ แล้วที่เหลือทิ้งไว้ให้ขยายพันธุ์ให้เก็บในครั้งถัดไป

2.การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์

การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ขนาด 80 เซนติเมตร และขนาด 100 เซนติเมตร หากเป็นบ่อซีเมนต์ที่ซื้อมาใหม่ ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง โดยการเอาต้นกล้วยมาตัดเป็นท่อนให้ขนาดพอสำหรับวางลงในบ่อซีเมนต์ได้ จากนั้นนำมูลวัวมาเททับต้นกล้วยลงไปจำนวน 1 กระสอบต่อบ่อ แล้วเปิดน้ำใส่บ่อแช่ทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์ แล้วปล่อยน้ำทิ้ง ตักเอามูลวัวและเอาต้นกล้วยออก จากนั้นล้างบ่อให้สะอาดอีกครั้ง โดยต้นกล้วยและมูลวัวจะช่วยกัดปูน แก้ด่างในบ่อซีเมนต์

เมื่อล้างบ่อซีเมนต์จนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป แต่ถ้าบ้านไหน ฟาร์มไหน มีเครื่องกรองน้ำ ก็สามารถปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงได้เลย

“ผำ” เป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน

การบำรุงธาตุอาหาร

อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ

หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละฟาร์ม

การดูแล

หลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด

เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว

3.การเพาะเลี้ยงในบ่อพลาสติก

ขนาดของบ่อพลาสติก กว้าง 4 เมตร ยาว 12 เมตร เป็นรูปแบบการเลี้ยงที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มชำนาญ ต้องการเพาะเลี้ยงเพื่อสร้างรายได้ สามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 15-20 กิโลกรัมต่อ 7 วัน

ขั้นตอนการเพาะเลี้ยง

ขั้นตอนที่ 1 ให้เริ่มจากการเตรียมบ่อพลาสติก ให้ใส่น้ำลงบ่อความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ในกรณีที่เริ่มต้นเลี้ยงครั้งแรกให้ทำการล้างทำความสะอาดพลาสติกรองบ่อก่อน โดยน้ำที่ใส่จะเป็นน้ำประปา หรือน้ำบาดาลก็ได้ หากใช้น้ำประปาแนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วันก่อนปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยง

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อเตรียมบ่อสำหรับเลี้ยงผำเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการผสมปุ๋ย โดยที่นี่จะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 เป็นปุ๋ยเม็ดปริมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงไปในขวดผสมกับน้ำเปล่าเขย่าให้ปุ๋ยละลายแล้วเทปุ๋ยลงไปในบ่อที่เตรียมไว้

ขั้นตอนที่ 3 ปล่อยพันธุ์ผำที่เตรียมไว้ลงในบ่อ ในอัตราส่วน พื้นที่ 1 ตารางเมตรต่ออัตราไข่ผำ 2 ขีด

ขั้นตอนการดูแล

ในขั้นตอนการดูแล หลักๆ ขอแค่มีเวลาว่างช่วงเช้าเดินมาเปิดบ่อคนเพื่อให้เกิดออกซิเจนในบ่อแค่นั้นเอง จากนั้นไม่เกิน 7-15 วัน ไข่ผำจะขยายพันธุ์ขึ้นเต็มบ่อสามารถตักออกมาทาน หรือตักไปจำหน่ายได้ โดยวิธีการตักให้ตักขึ้นมาประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ แล้วที่เหลือทิ้งไว้ให้ขยายพันธุ์ให้เก็บในครั้งถัดไป

4.การเพาะเลี้ยงแนวตั้งในโรงเรือนระบบปิด

เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดพื้นที่ เก็บผลผลิตได้เยอะ และเป็นวิธีการเลี้ยงที่สะอาดปลอดภัยมากที่สุด เหมาะสำหรับการต่อยอดเป็นอาหาร super foods ด้วยกรรมวิธีเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิด เลี้ยงในระบบน้ำวน

โดยที่สวนได้เริ่มต้นการเพาะเลี้ยงด้วยวิธีนี้มาประมาณ 3 เดือน ในขนาดความกว้างของราง 34 เซนติเมตร ยาว 3 เมตร ปริมาณผลผลิตที่เก็บได้ 1 กิโลกรัมต่อ 1 ราง เพาะเลี้ยงทั้งหมด 24 ราง ใช้พื้นที่เพียง 5×6 ตารางเมตร ถือเป็นวิธีช่วยประหยัดพื้นที่มากๆ

ไข่ผำถือเป็นพืชมหัศจรรย์มากๆ เนื่องจากเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว เพาะเลี้ยงครั้งเดียวสามารถเก็บขายได้ทุก 7-15 วัน สำหรับขั้นตอนการเลี้ยงจะคล้ายกันเกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเลี้ยงในภาชนะอะไร ต่างกันที่การดูแลเพียงเล็กน้อย