ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เกษตรอินทรีย์นอกจากจะเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพแล้ว เกษตรอินทรีย์ยังนับเป็นนวัตกรรมการเกษตรอีกรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากมีลักษณะเด่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการผลิตใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความยั่งยืน และในบางแง่มุมสามารถเกี่ยวโยงกับเทคโนโลยีได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
การฟื้นฟูธรรมชาติ ใช้กระบวนการที่ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น การใช้ปุ๋ยหมักแทนปุ๋ยเคมี หรือการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อรักษาคุณภาพดิน การปรับกระบวนการผลิต ใช้เทคนิคการจัดการศัตรูพืชโดยไม่พึ่งพาสารเคมี เช่น การใช้ชีวภัณฑ์หรือศัตรูธรรมชาติ การมุ่งเน้นความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างระบบเกษตรที่ยั่งยืน
แม้เกษตรอินทรีย์จะไม่ได้พึ่งพาเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเหมือนเกษตรสมัยใหม่ แต่สามารถรวมกับเทคโนโลยีบางอย่างได้ เช่น การตรวจสอบคุณภาพดิน ใช้อุปกรณ์วัดค่าความเป็นกรด-ด่างในดินเพื่อปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับพืช การจัดการข้อมูล ใช้แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มดิจิทัลในการวางแผนการผลิตและจัดการผลผลิต และ การตลาดออนไลน์ เชื่อมโยงเกษตรอินทรีย์กับผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

คุณแอม พรมศักดิ์ หรือ พี่แอน เจ้าของฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งเขาเขียว อยู่ที่บ้านห้วยกรุ ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เกษตรกรหัวใจสีเขียวผู้หลงใหลในธรรมชาติ และมีความปรารถนาอันแรงกล้าในการปลูกผักอินทรย์เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ และฟื้นฟูธรรมชาติให้อยู่คู่กับโลกไปได้อีกยาวนาน
จุดเริ่มต้นของการปลูกผักอินทรีย์ของพี่แอน เริ่มต้นจากที่พี่แอนเริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพ หากย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ค่อนข้างที่จะทำงานหนักมีเวลาพักผ่อนน้อยเป็นเวลาสะสม ทำทุกอย่างที่ได้เงิน แต่ลืมคำนึงถึงสุขภาพ
“อาชีพหลักของพี่แอนสมัยก่อนคือเป็นแม่ค้าขายข้าวมันไก่ แล้วพอเวลาว่างเราก็ไปขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ๊อบเสริม ทำวนเวียนอยู่แบบนี้มาเกือบ 20 ปี ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบมาตลอด เพราะการเป็นแม่ค้าต้องตื่นแต่เช้า ตี 2 ตี 3 ก็ต้องออกไปตลาดซื้อของมาทำขาย แล้วตอนนั้นขายดีมากๆ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาได้พักผ่อน เพราะเราอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากจะประสบความสำเร็จ มีเงินเก็บเยอะๆ เหลือกินเหลือใช้ แต่เราไม่ได้นึกถึงเรื่องสุขภาพร่างกาย ยิ่งเรื่องอาหารการกินไม่ต้องพูดถึง มีอะไรก็กินอันนั้นเพราะเน้นความรวดเร็ว ทำให้เรามีปัญหาสุขภาพ ตรวจพบว่ามีไขมันในเส้นเลือดสูง ต้องกินยาเพื่อรักษาตัว แต่ด้วยความที่เราเป็นคนที่ไม่ชอบกินยาก็เลยต้องหันมาดูแลเรื่องอาหารการกินของตัวเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่พอเราหันมาใส่สุขภาพมากขึ้น กินอะไรแล้วจะทำให้สุขภาพเราดีขึ้น ก็ต้องเป็นผักผลไม้สด และต้องเป็นผักปลอดสารเคมี แต่ผักที่ซื้อมาจากตลาดทั่วไปจะหาแบบปลอดสารเคมีก็เป็นไปได้ยาก เราเลยเริ่มมาศึกษาเรื่องการปลูกผักกินเองแบบปลอดสารเคมี โดยในช่วงแรกเริ่มจากการปลูกผักไว้กินเองที่บ้านทาวน์เฮ้าส์ มีพื้นที่น้อย ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องการปลูกที่ไม่สามารถปลูกผักได้เยอะมากนัก ทำได้เพียงการปลูกผักในกระถาง ประเภทต้นอ่อนต่างๆ ที่จะมาใช้ในการกิน ซึ่งในตอนนั้นจะศึกษาเรื่องการกินน้ำผักผลไม้ปั่น สำหรับลดไขมันในเลือด เป็นที่มาของการปลูกผัก” พี่แอนกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการปลูกผักอินทรีย์
ฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งบางเขน
จุดเริ่มต้นแรกของการทำเกษตรอินทรีย์
ก่อนที่จะเป็นฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งเขาเขียว พี่แอนเล่าให้ฟังว่า ทำฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งบางเขน มาก่อน โดยฟาร์มแห่งนี้เกิดจากที่ตนเองเข้าไปเจอพื้นที่ว่างที่อยู่ซอยเดียวกับร้านขายข้าวมันไก่ที่ขายอยู่ แล้วก็มีเพื่อนที่ทำเกษตรทำปศุสัตว์เรียกให้เข้าไปดู ตอนนั้นยังไม่ได้มีความสนใจเรื่องการทำเกษตร แต่พอถึงเวลาที่ร่างกายต้องการอาหารที่มีประโยชน์และปลอดภัย จึงได้มานึกย้อนถึงเพื่อนและพื้นที่ท้ายซอยแห่งนี้
จนได้เริ่มเข้ามาในวงการเกษตรที่ละก้าว เริ่มจากการศึกษาเรื่องการทำปุ๋ย การปรุงดิน การหมักดิน และนำไปสู่การไปขอเช่าพื้นที่ท้ายซอยสำหรับปลูกผักอินทรีย์ แล้วพอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าการปลูกผักทำให้เรามีความสุข เริ่มจากปลูกกินเอง ก็ได้เก็บขาย จนเริ่มเปิดสอนการปลูกผักอินทรีย์ จากที่บางเขนก็ใช้มาประมาณ 5 ปีกว่า แล้วทำไมต้องย้าย? มาอยู่ที่ทุ่งเขาเขียว
“ก็เพราะว่า ณ จุดหนึ่งพอเราทำเกษตรอยู่ที่บางเขนจนเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่งแล้ว กลายเป็นว่าเราก็วนกลับมาสู่ที่เดิม คือมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น แต่จะมีเหตุผลที่ว่าเราไม่ค่อยได้พักผ่อนอีกแล้ว เพราะคนให้ความสนใจเยอะ เราก็เปิดสอน ก็กลายเป็นว่าเราไม่มีเวลาพักผ่อน มาประกอบกับที่เราได้ศึกษาเรื่องธรรมชาติเยอะขึ้น ทำให้เราอยากจะอยู่ในพื้นที่สงบๆ แต่ด้วยพื้นที่ของกรุงเทพฯ ความเงียบหาได้ยาก พี่กับสามี จึงมีความคิดเห็นตรงกันว่าเราอยากมีพื้นที่เงียบสงบในช่วงบั้นปลายชีวิตสักที่หนึ่ง ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ จึงเป็นที่มาและจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ๆ และฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งเขาเขียว”
บุกเบิกพื้นที่แห้งแล้ง “ปลูกผักอินทรีย์”
สร้างความมั่นคงด้านอาหาร ฟื้นฟูสุขภาพ
“ฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งเขาเขียว ที่นี่เริ่มจากเจ้าของที่ดินมาเป็นหนึ่งในนักเรียนปลูกผักของพี่ เริ่มจากอุดมการณ์ที่อยากจะทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัย มีแหล่งอาหาร เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ แล้วพอเราได้เจอและพูดคุยกัน จึงเกิดการชักชวนให้มาอยู่ด้วย พี่ก็มาดูพื้นที่ ด้วยพื้นที่ก่อนหน้านี้เคยปลูกมันสำปะหลังมานานมากประมาณ 20-30 ปี เลยทำให้พื้นที่ตรงนี้ถูกดูดแร่ธุาตอาหารไปหมดแล้ว พื้นที่เป็นดินทรายแห้งแล้งมาก แต่ข้อดีของที่นี้คือมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ สงบร่มเย็น พี่เลยมองว่าบรรยากาศและอุดมการณ์ของเจ้าของพื้นที่ตรงกัน ก็เลยได้มาลงหลักปักฐานมาอยู่ตรงนี้”
พี่แอน อธิบายเพิ่มเติมว่า พื้นที่ตรงนี้เจ้าของที่ดินได้มีการบุกเบิกมาก่อนระยะยะหนึ่งแล้ว ทั้งการปรับแต่งพื้นที่ การขุดบ่อไว้กักเก็บน้ำ ตนเองเข้ามาสานต่อ ทำไปด้วยกัน ทั้งตนเองและเจ้าของที่ดิน ส่วนของที่สวนก็คงยังปลูกผักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการขยายพื้นที่ปลูกให้มากขึ้น เพราะตอนที่อยู่บางเขนเรามีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เพียง 3 งานครึ่ง ปลูกได้แค่ผักอายุสั้น ผักพื้นบ้าน ผักกินใบ ผักสวนครัว เมื่อมาที่นี่เราจึงอยากสานฝันที่จะปลูกผักให้ได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งพืชหัว พืชผล ก็เลยลงมือปลูก พร้อมกับการฟื้นฟูดินไปด้วย เพราะดินที่นี่เป็นดินทรายเลย ไม่มีธาตุอาหารอะไรเลย เราก็เอาความรู้เก่ามาปรับ ซึ่งพื้นดิน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะมีปัญหาแตกต่างกันทุกที่ เราก็ต้องเติมธาตุอาหาร และอินทรียวัตถุลงไปในดิน โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปฟื้นฟูดินทั้งผืน ตรงไหนที่อยากปลูกก็หมักเฉพาะตรงจุดนั้น โดยวิธีการที่ทำได้เร็วที่สุดก็จะเป็นกลุ่มของผักสลัด ผักสวนครัวเหมือนเดิม
“คือเราเอาความรู้ในการหมักดิน การผสมแปลง แล้วเราก็ปลูกได้เลย โดยที่เราไม่ต้องไปกังวัลกับพื้นทราย เพราะถ้าเรามัวแต่คิดว่าต้องเอาดินเดิมมาตรงนี้ต้องใช้เวลานานมาก แล้วในส่วนของพืชผลก็ค่อยๆ หมักไป สิ่งแรกที่ทำคือ หว่านปอเทือง ไถกลบ ห่มดิน ตามศาสตร์พระราชาเลย ก็ต้องค่อยๆ พัฒนากันไป เพราะการทำเกษตรเราใจร้อนไม่ได้ พี่แอนเข้าใจในกฎของธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาเราเข้ามา การที่เราได้มีโอกาสมาฟื้นฟูธรรมชาติ ฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปเรื่อยๆ ซึ่งตัวพี่เองไม่ได้คิดหวังว่าจะมาหาประโยชน์ในพื้นที่ขนาดนั้น แต่เราเข้ามาเพราะเราอยากทำเพื่อตัวเราและครอบครัว พี่ก็ได้ตั้งสโลแกนไว้เลยนะว่าพี่อยากให้ที่นี่เป็นหลุมหลบภัย เพราะพี่เข้ามาที่นี่จากพื้นที่แห้งแล้ง เราจะทำให้เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร เป็นที่ที่สงบร่มเย็น เอาไว้สำหรับครอบครัว และคนที่รักกันเข้ามาหา เขาก็จะได้พักผ่อนหย่อนใจ มีผักที่ดีๆ กลับไป เพราะเชื่อว่าในอนาคตทุกอย่างจะขาดแคลน ไม่ใช่เฉพาะแค่อาหาร แต่ที่เราจะขาดแคลนกันมากคือความสุขสงบ เราจะเริ่มหากันได้ยากขึ้น พี่เลยอยากทำให้ที่นี่มีความสุขสงบ ในขณะที่เราก็อิ่มท้อง และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร เราจะต้องมีทั้งผักระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว หากเกิดภาวะวิกฤตต่างๆ เราก็สามารถอยู่ตรงนี้ได้โดยที่ไม่ต้องดิ้นรนหรือเดือดร้อนอะไร”
“เติมสุข เติมฝัน”
ชีวิตที่เรียบง่าย
กับความสุขที่ล้นเหลือ
พี่แอน บอกว่า พื้นที่ฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งเขาเขียว มีพื้นที่ทั้งหมด 82 ไร่ ในส่วนความรับผิดชอบที่เช่าอยู่ในระยะยาวมีประมาณ 20 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนเติมสุข และโซนเติมฝัน เป็นสโลแกนเดิมตั้งแต่อยู่ที่ทุ่งบางเขนแล้ว
ในโซนแรกเป็นโซนเติมสุข ก็จะเป็นส่วนของห้องครัว มีกระท่อมสไตล์บ้านๆ แล้วก็มีแปลงผักผสมผสานหลากหลายปลูกไว้กินเอง
โซนที่สอง โซนเติมฝัน หมายความว่าเราจะต้องมีรายได้จากสิ่งที่เรารัก และมีความสุข เอามาเติมเต็มโซนเติมสุขของเราให้เราอยู่ได้ ก็จะมีกลุ่มของผักที่ปลูกไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่รักสุขภาพ มีทั้งผักสลัด ผักสวนครัว แล้วอนาคตก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆ ในกลุ่มของไม้ผล ก็อาจจะทำมะเขือเทศ ฝรั่ง รวมถึงไม้ผลชนิดอื่นๆ ที่เป็นอินทรีย์จริงๆ
แล้วทำไมต้องเลือกปลูกผักสลัดก่อนเป็นอย่างแรก? ก็เพราะว่าผักสลัดเป็นได้ทั้งกินสดและผัดผัก ถ้าเป็นผักอื่นๆ เช่น ผักสวนครัว ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า จะอยู่ในกลุ่มของผัดผัก แต่ด้วยความที่ได้ศึกษาเรื่องสุขภาพมา ก็จะอยากได้ผักกินสด เพราะในผักกินสดจะมีเอนไซม์ มีความสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์ ช่วยซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอ รวมถึงวิตามินต่างๆ ที่อยู่ในผักสด แล้วถ้าเราจะกินคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง เราก็ต้องไปผัด เมื่อนำไปผัดสิ่งที่ได้คือความอิ่มท้อง พลังงานต่างๆ แต่เราจะไม่ได้เอนไซม์เหมือนผักสด เหล่านี้เรียกว่าพลังงานชีวิต ที่ทำให้ร่างกายเฟรช และมีพลังงาน ซึ่งผักสลัดตอบโจทย์ได้ทั้ง 2 แบบ ได้ทั้งสด รวมถึงในแง่ของการสร้างรายได้ ผักสลัดสร้างรายได้สูง ราคาดีกว่าไทย ได้ความสวยงาม และเรื่องของการปลูกการดูแลก็ยากง่ายแล้วแต่ฤดูกาล ผักทุกชนิดมีการปลูกการดูแลที่แตกต่างกัน
“ผักสลัดต้องใช้ความละเอียดใส่ใจในการปลูกมาก บางคนเข้าว่าผักสลัดปลูกง่าย อันนี้ไม่เถียงแต่การดูแลยังไงเพื่อให้ได้ผักที่ดีมีคุณภาพและรสชาติที่เราต้องการอันนี้ยาก เพราะหลายคนปลูกมาแล้วขม แคระแกร็น หรือจัดการปัญหาโรคและแมลงไม่ได้ ซึ่งการปลูกผักอินทรีย์ไม่จำเป็นต้องขี้เหร่ หรือขมถุย ผักอินทรีย์เราสามารถทำให้หวานกรอบ อวบอร่อยได้ถ้ารู้วิธี”
ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ผักอินทรีย์ออกมาสวย หวานกรอบ ไม่ขม ปัจจัยแรกอยู่ที่สภาพดินฟ้าอากาศ เพราะต้องพึ่งระบบของธรรมชาติเป็นหลัก อย่างหน้าฝนจะเกิดเชื้อรา การควบคุมเชื้อราทำได้ค่อนข้างยาก เพราะมากับสภาพอากาศ ส่วนหน้าแล้งก็จะเจอกับเพลี้ยไฟ ไรแดง หน้าหนาวก็จะเจอกับหนอน อันนี้เป็นเหตุผลที่เกษตรอินทรีย์ทำไมถึงทำยากมาก ถ้าใจไม่รักและใจไม่สู้จริงๆ ก็ไม่สามารถผ่านอุปสรรคข้อนี้ไปได้ ทำให้เกษตรอินทรีย์ที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ค่อนข้างมีน้อย และก็จะเป็นสเกลที่ไม่ใหญ่มาก
ติดตามชมคลิปวิดีโอ เทคนิคการปลูกผักอินทรีย์ยังไงให้สวย ไม่มีรสขม ตามแบบฉบับพี่แอน พร้อมกันได้ที่เพจเทคโนโลยีชาวบ้าน ในวันศุกร์ที่ 17 มกราคม เวลา 20.00 น.