แจกสูตรผสมดิน ทำครั้งเดียวใช้ได้นาน ผักสวย รสชาติหวานกรอบ

การทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จมีหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศ ดินและน้ำ รวมถึงเทคนิคการดูแลอย่างถูกต้องและถูกวิธีก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญหรือตัวกำหนดทิศทางของผลผลิตได้ แต่ในขั้นพื้นฐานของการทำเกษตรสภาพภูมิอากาศเราไม่สามารถกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เราสามารถปรับปรุงบำรุงดินได้ดี มีวิธีการดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอนอย่างถูกต้อง การปลูกผักให้ประสบความสำเร็จก็ทำได้ไม่ยาก

ในตอนที่แล้ว พี่แอน-แอม พรมศักดิ์ เจ้าของฟาร์มผักเกษตรสุข ณ. ทุ่งเขาเขียว ได้ถ่ายทอดแนวคิดการทำเกษตรแบบอินทรีย์ที่ไม่จำเป็นต้องขี้เหร่ไปแล้ว คราวนี้จะเล่าถึงเทคนิคขั้นตอนการผสมดินปลูกผักสไตล์พี่แอนกันบ้าง ซึ่งพี่แอนบอกว่าสูตรการผสมดินสูตรนี้ของพี่แอน ใช้ได้ดีมาก ผักโตดี รสชาติหวานกรอบ ได้ฟอร์มผักที่สวยงาม และที่สำคัญไม่ต้องเปลี่ยนปลูกบ่อยด้วย ผสมดินเพียงครั้งเดียวสามารถใช้ปลูกผักได้ 3-4 รอบ

ก่อนที่จะไปรู้ถึงเทคนิคการปลูกและการเตรียมดิน พี่แอน บอกว่า อันดับแรกต้องเข้าใจเรื่องของสภาพภูมิอากาศก่อน เพราะการทำเกษตรจะใจร้อนไม่ได้ และต้องเรียนรู้ธรรมชาติของพืชผักแต่ละชนิดที่เราปลูก ว่าพืชผักของเราชอบหรือไม่ชอบอากาศแบบไหน อย่างของที่ฟาร์มจะเลือกปลูกผักสลัดเป็นหลัก มีปลูกทั้งในและนอกโรงเรือนก็จะมีข้อดีที่แตกต่างกัน หากในฤดูหนาวการปลูกผักในโรงเรือนจะได้ผลดีกว่าการปลูกผักนอกโรงเรือน หรือปลูกผักกลางแจ้ง เนื่องจากฤดูหนาวจะมีเรื่องของโรคและแมลงเยอะ เช่น หนอนผีเสื้อกลางคืน และเพลี้ย การปลูกในโรงเรือนก็จะสามารถควบคุมกำจัดได้ง่ายกว่าและใช้เวลาในการทำงานน้อยลง ต่างจากการปลูกนอกโรงเรือนช่วงนี้จะต้องคอยบริหารจัดการฉีดพ่นน้ำหมักหรือสารชีวภัณฑ์เป็นประจำ รวมถึงการหมั่นเดินตรวจแปลงถ้าเห็นแล้วต้องรีบหยิบออกทันที

ปัจจัยถัดมาคือการรู้จักสังเกตและคิดวิเคราะห์ หมายความว่าเวลาที่เราปลูกจะต้องถามกลับย้อนไปให้ได้ว่า “ทำไมผักที่เราปลูกถึงไม่โต ใบเหลือง และแคระแกร็น เราก็ต้องย้อนกลับไปถามตัวเองให้ได้ทุกสเต็ปตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะต้นกล้า เวลาที่เราเพาะเมล็ด สายพันธุ์ดีไหม เวลาเราย้ายลงปลูกเราคัดต้นกล้าที่แข็งแรงสมบูรณ์หรือเปล่า ดินในแปลงเรามีธาตุอาหารครบสมบูรณ์ให้พืชได้รับอาหารพร้อมกันทุกต้นไหม เวลาที่เราดูแลรดน้ำ ให้อาหารที่เสริมคือในกลุ่มของน้ำหมัก เสมอเท่ากันหรือเปล่า เพราะฉะนั้นทุกขั้นตอนสำคัญเท่ากันหมด และละเอียดเหมือนกันหมด”

ซึ่งการบริหารจัดการทั้งหมดนี้เราจะต้องบริหารจัดการและทำให้เป็นรูทีนมากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เสมอต้นเสมอปลาย แต่การทำเกษตรอินทรีย์จะทำให้ได้ผลลัพธ์ดี 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถทำได้ แต่สามารถลดความเสียหายได้น้อยลง และทำให้สินค้าของเรามีคุณภาพได้

เพราะฉะนั้นหลายคนบอกว่าการทำเกษตรอินทรีย์ทำเท่านี้ หมักดินแบบนี้ จริงๆ แล้วรายละเอียดมีมากกว่านั้นถ้าเราใส่ใจกับเขาจริงๆ ตั้งแต่การบริหารจัดการต้นกล้า การดูแลรดน้ำ การให้ปุ๋ย โดยเฉพาะการดูแลระหว่างวันและระหว่างสัปดาห์ ในระหว่างการปลูก คือต้องใช้ความใส่ใจมากๆ

“จริงๆ การปลูกเกษตรอินทรีย์มีหลักการคล้ายๆ กันทั้งหมดเลยคือการหมักดิน การมีธาตุอาหารพืชจากธรรมชาติ แต่การดูแลการบริหารจัดการแปลงของเรา แล้วก็ผลผลิตพืชผักของเราไม่เหมือนกัน การให้น้ำหมักระยะไหนบ้าง การดูแลให้น้ำแบบไหนบ้าง ก็แล้วแต่แต่ละสวน แต่ละเทคนิคของแต่ละคนไป”

Advertisement

เทคนิคการผสมดิน
ปลูกผักสลัดให้หวานกรอบ

พี่แอน เผยว่า การปลูกผักสลัดอินทรีย์ให้หวานกรอบเริ่มจากดินก่อนเลย เพราะว่าถ้าดินไม่ดีตั้งแต่แรกปลูกยังไงผักก็ออกมาแคระแกร็น แล้วพอผักแคระแกร็น จะส่งผลไปถึงโครงสร้างของผัก เพราะเมื่อไหร่ที่โครงสร้างใช้ไม่ได้แล้ว เราจะพยายามให้ผักออกมาหวานกรอบก็ยาก แต่ถ้าดินดี ร่วนซุยปราศจากโรค ระบบรากเดินได้ดี ต้นก็จะอวบโต มาผสมผสานกับการบำรุงในส่วนที่เราอยากให้เขารสชาติดี คือ 1. ให้น้ำเพียงพอ 2. ให้น้ำหมักในกลุ่มของน้ำหมักนมสด และน้ำหมักผักผลไม้ ช่วยให้ผักหวานกรอบ อร่อย

ส่วนสูตรการหมักและผสมดิน มีดังนี้

Advertisement
  1. ดิน 1 ส่วน
  2. ขี้วัว 2 ส่วน
  3. ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
  4. แกลบดิบ 1 ส่วน
  5. แกลบดำ 1/2 ส่วน

วิธีทำ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วรดด้วยจุลินทรีย์จาวปลวก และจุลินทรีย์หน่อกล้วย หมักทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป และยิ่งถ้าหากใครไม่มีเวลาไม่รีบใช้หมักทิ้งไว้ได้สัก 2 เดือนจะยิ่งดี พอหมักถึงเวลาเราจะได้ดินโปร่ง ร่วนซุย และมีธาตุอาหารที่เพียงพอ

ซึ่งในช่วงของการหมัก ความหมายของการหมักต้องได้ความชื้นที่เพียงพอ ถ้าเป็นไปได้ให้รักษาความชื้นไว้ ถ้าอยู่กลางแจ้งต้องมีผ้าคลุม หรือให้น้ำเพิ่ม แต่ถ้าอยู่ในที่ร่มให้คลุมผ้าไว้ แล้วกลับดินทุกๆ 10 วัน เติมความชื้นให้สม่ำเสมอ ก็จะได้ดินปลูกที่โปร่งร่วนซุย

แต่การตากดินหมายความว่า เมื่อเราตัดผักไปแล้ว 1-2 รอบการปลูก พอเราจะปรุงดินรอบที่ 2 เติมปุ๋ยใหม่ อาจจะมีการตากดินสัก 1-3 วัน จะไม่ตากเยอะเพราะจุลินทรีย์ดีจะตายไปด้วย จะเน้นการรักษาจุลินทรีย์ดีเอาไว้ให้มากที่สุด

ในแต่ละรอบการผสมดินปลูก 1 ครั้ง ที่ฟาร์มจะไม่เคยเปลี่ยนดินเลย จะใช้เป็นวิธีการพักดิน ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องมีดินใหม่ไว้เปลี่ยน ก็จะประมาณ 1 ฤดูกาล 4-5 รอบการปลูก ค่อยเปลี่ยนดิน 1 ครั้ง เพราะการปลูกผักซ้ำทุกเดือน จะทำให้อินทรียวัตถุที่ใช้ในครั้งแรกๆ จะมีความแน่นมากขึ้น ละเอียดมากขึ้น ทำให้ระบบระบายน้ำไม่ดี พอการระบายน้ำไม่ดีก็ส่งผลทำให้ระบบรากมีปัญหา ผักเจริญเติบโตได้ไม่ดี และเป็นโรคได้ง่าย

ท่านใดสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เพจ : เกษตรสุข ณ.ทุ่งเขาเขียว