ผู้เขียน | ทิดโส โม้ระเบิด |
---|---|
เผยแพร่ |
ผมติดตามเรื่องเล่าของ “สองเล็ก” มาเนิ่นนานพอสมควร ทั้งจากเว็บพันทิปและเว็บเกษตรพอเพียง กับเรื่องราวที่เป็นดังหนึ่งนวนิยาย มีครบทุกรส อ่านสนุก น่าติดตามทุกเรื่องเล่า บางครั้งก็แอบยินดีกับความสำเร็จ บางครั้งก็อดทอดถอนใจไปด้วยมิได้ ด้วยว่าอุปสรรคสำคัญของคนที่จะเดินหน้ามาทำเกษตรก็คือ ทุกอย่างรายรอบตัวล้วนแต่เป็นอุปสรรคทั้งนั้น
ผมกำลังพาท่านผู้อ่านมาพบกับเรื่องราวของ เล็ก-เบญจวรรณ รัตพลที และ เล็ก-ศุภมงคล เลขกระโทก สองสามีภรรยาผู้กล้าเดินตามความฝัน ลาออกจากงานประจำในช่วงที่เงินเดือนสองคนรวมกัน กว่า 70,000 บาท
“เสียดายไหมเล็ก เงินเดือนแต่ละเดือนเกือบแสน”
“เราถึงจุดที่ต้องเลือกค่ะพี่ เงินใครๆ ก็อยากได้ ยิ่งเงินเยอะๆ ขนาดนี้ เดือนละเกือบแสนเชียวนะ”
“ทำไมถึงไม่เลือกทำงานต่อล่ะ เงินเดือนเยอะขนาดนี้”
“เรามีสองทางที่ทำให้ต้องเลือกลาออกค่ะ หนึ่งคือสุขภาพที่แย่ลง คนอายุสามสิบกว่ามีปัญหาสุขภาพเสียแล้ว ทำอย่างไรก็คงไม่ดีขึ้น ทำงานได้เงินมากมายขนาดไหนก็คงต้องเอาไปจ่ายค่ายารักษาตัวเองเสียหมด อีกหนึ่งคือเรามีความฝัน อยากเดินตามฝันที่มีร่วมกัน ว่าอยากออกมาทำเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง งานเกษตรเป็นความฝันที่ไม่เคยหมดอายุ เล็กกับพี่เล็กอยากดูแลสุขภาพกันเองและคนในครอบครัว อยากปลูกผักกินเอง ทำนาปลูกข้าวเอง และความฝันอันสูงสุดคือทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นๆ ต่อไป”
“มั่นใจขนาดไหนที่ก้าวออกมา”
“เรียกว่าบ้าดีกว่าค่ะ เพราะแค่เปรยๆ ว่าอยากออกจากงานไปทำเกษตร คนรอบข้างก็โวยวายกันหมดแล้ว ไม่มีใครเห็นด้วยสักคน เราสองคนจึงตัดสินใจแล้วว่า เราจะเดินหน้าตามความฝันของเรา ชีวิตที่เราเลือกแล้ว จะลำบากหรือสบายก็ถือว่าเราตัดสินใจเอง ไม่โทษใคร เราจะเป็นคนบ้านี่แหละ”
“มีที่ตัวเอง”
“เปล่าเลยพี่ ความฝันของเราถูกวาดลงบนอากาศ มีเงินเก็บประมาณแสนเดียว ตั้งใจตอนแรกเลยว่าเราจะต้องมีที่ดินของเราเองสักแปลง ก็ทำงานไปด้วย ค่อยๆ หาไปด้วย วางเป้าหมายไว้ที่ขอนแก่น”
“แล้วได้มากี่ไร่”
“ไม่ถึง 2 งานค่ะพี่ 180 ตารางวากับที่ดินที่เป็นโฉนดแปลงแรกที่เป็นสมบัติไว้ทำตามฝัน”
“พอรึ ทำเกษตรไม่ถึง 2 งานเพื่อทดแทนรายได้ที่เคยได้เดือนละกว่า 70,000 บาท”
“เรากำหนดแผนงานไว้ในใจแล้วค่ะ”
เล็กเล่าให้ฟังว่า การเริ่มต้นในชีวิตใหม่ ไม่ได้โรยกลีบกุหลาบเลยสักนิด อุปสรรคจากคนในครอบครัวที่คอยลดทอนกำลังใจจากคำพูดเสมอ ทั้งสภาพแวดล้อมก็ไม่เป็นใจ จะทำเกษตรแต่ไม่มีแหล่งน้ำ ก็ต้องลงทุนเจาะน้ำบาดาลอีกกว่า 30,000 บาท สร้างบ้านหลังเล็กๆ หนึ่งหลัง
“กิจกรรมหลักในสวนน้อยๆ ทำอะไรบ้างครับ”
“เลี้ยงปลาหมอ 1 บ่อ ปลาดุก 1 บ่อ ไก่ไข่ เป็ดไข่ แล้วที่เหลือก็ปลูกผักที่เราชอบกิน สร้างอุโมงค์พันร้าน”
“อุโมงค์พันร้าน อะโห! ชื่ออลังการมาก ปลูกอะไรหนอ”
“ผักขึ้นค้างทั้งหมดค่ะ บวบ แตง ถั่ว มะระ น้ำเต้า ตำลึง ผักปลัง คือผักอะไรที่ขึ้นพันกันบนร้านได้ก็เอามาปลูกรวมกันค่ะ เผื่อไว้ให้คนจะมาดูงานด้วย”
“โห! เริ่มต้นก็มีคนดูงานแล้วหรือ”
“แบบมาดู แอบๆ มองมั้งคะ มันทำอะไรกัน มันจะมีอยู่มีกินได้รึที่แปลงแค่นั้น เหมือนเด็กเล่นขายของมั้ง คือเขาตั้งใจรอเยาะเย้ยเราเท่านั้นแหละ นี่รวมถึงคนในครอบครัวเราด้วยนะ เรียกว่ามีแรงบีบให้ฮึดเยอะมาก”
“หลักๆ ของผักที่ปลูกมีอะไรบ้างครับ”
“ผักที่เคยซื้อกินทั้งหมดเลยค่ะ เอามาปลูกหมดเลย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะเพรา โหระพา ใบแมงลัก สะระแหน่ พริก มะเขือเทศ มะละกอ ชะอม แล้วเราก็เพาะเห็ดด้วยนะ พี่เล็กพอมีความรู้เรื่องเห็ดมาแล้ว ก็เลยไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำ”
“ขายได้บ้างไหม”
“ได้สิพี่ ปลูกไม่นาน กินจนเหลือก็เอามาแบ่งขาย เก็บเล็กผสมน้อยแต่มีรายได้ทุกวัน รายจ่ายก็แทบไม่มี เพราะที่สวนเราปลูกเลี้ยงทุกอย่าง ผักแกล้มลาบนี่ขาดไม่ได้เลย ผักเม็ก ผักติ้ว ผักสัง มะตูมแขก กระชาย กระเจียว เวลาในหมู่บ้านมีงานอะไรกันก็มักจะมาหาซื้อผักที่สวน แถมมีคำชมอีกนะ ว่ามาอยู่ไม่นานแต่มีผักให้กินมากมาย เราก็คิดกันว่า แล้วลุงป้าไม่ปลูกกันไว้บ้างน้อ แต่ก็ดี เราจะได้ปลูกขายให้คนในหมู่บ้านนี่แหละ”
“เห็นมีเตาเผาถ่านด้วย”
“ผลพลอยได้ค่ะพี่ ที่สวนตั้งใจจะปลูกผักแบบไร้สารเคมี ดังนั้นเราเองก็ต้องหาวัตถุดิบที่มาใช้ไล่แมลงในแปลงผักเราด้วย จึงต้องเผาถ่านเพื่อเอาน้ำส้มควันไม้ อาศัยลองผิดลองถูกมาเรื่อยค่ะ”
“เห็นมีโรงเพาะกล้าด้วย”
“นี่ก็ฟลุคค่ะ ซื้อหลังคามาผิด ก็เลยดัดแปลงมาเป็นโรงเพาะกล้า เราปลูกผักหมุนเวียน ต้องมีพื้นที่เตรียมต้นกล้าด้วย”
“ลงเห็ดอะไรไว้บ้างครับ”
“เห็ดนางฟ้ากะเห็ดขอนขาวค่ะ นี่ก็ฟลุควันหนึ่งอยากกินแกงเห็ดมาก หาซื้อในหมู่บ้านก็ไม่มี ตลาดก็ไม่มี ไปเจอในห้างแพ็กละ 99 บาท วันนั้นตัดสินใจเลย เราจะทำโรงเรือนเห็ดด้วย”
“ได้ผลผลิตดีไหม”
“ดีมากพี่ ขายดีมากด้วย หนูจัดใส่ถุงเด็ดยอดแมงลักแถมให้ด้วย ขายถุงละ 20 บาท วันหนึ่งขายได้ 400-500 บาทแน่ะ บางคนกลัวไม่ได้ เอาเงินมาวางไว้ก่อนเลยนะ”
“เรียกว่ามาอยู่ไม่นานก็เริ่มมีรายได้ขึ้นมาแล้ว”
“ใช่พี่ บางคนมาขอซื้อปลาหมอไปตำป่น มาเจอกำลังเก็บไข่ก็ซื้อไข่ไปด้วย ถึงตอนนี้คนในครอบครัวเริ่มมองเราด้วยสายตาที่เข้าใจมากขึ้น ไม่ว่าบ้าแล้ว”
“แล้วไปไงมาไงถึงได้ขยายแปลงผัก”
“โชคดีมากค่ะ อยู่ๆ เจ้าของที่แปลงข้างๆ ก็มาบอกว่า ยกที่ให้เราทำฟรีๆ เลยอีก 2 งาน แปลงติดกัน ทำให้เราไม่ต้องเดินทางไปไหน ด้วยความเกรงใจและขอบคุณ เราก็เลยขอเช่าแก ปีละ 1,000 บาท คราวนี้ก็สนุกเลย สารพัดผักที่เอามาลงปลูก วางแผนไว้ว่าเราจะสร้างซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ ขายได้ 10 บาท 20 บาทก็เป็นรายได้ทั้งหมด เพราะเราไม่มีรายจ่าย”
“ถามจริงๆ นะ หากให้เลือกว่ากลับไปทำงานอีกครั้ง ให้เดือนละแสนไปเลยทั้งสองคน จะเอาไหม”
“ไม่ค่ะ เราเดินมาได้ไกลเท่ากับความฝันที่เรามีแล้ว พี่รู้ไหมว่าชีวิตเราตอนนี้มีความสุขมากๆ กี่ครั้งแล้ว วันแรกที่แม่ไก่ออกไข่ เราดีใจกระโดดตัวลอยเลย บอกกันและกันว่าเราไม่อดตายแล้วนะ เรามีไข่ไก่กินแล้วนะ วันแรกที่ขายผักได้ แม่ค้าชมว่าผักเราสวย เราดีใจมากเลยนะ เพราะนี่คือความฝันของเรา จะปลูกผักไร้สารเคมีขายให้ลูกค้าได้บริโภค แล้วพี่รู้ไหม วันแรกที่ปิ้งปลาหมอให้คนในครอบครัวได้กินแกล้มส้มตำ ในวันที่แล้งสุดขีด แต่เรามีบ่อปลาให้จับมาประกอบอาหาร มันเป็นวันที่มีความหมายมากๆ ทุกคนยอมรับเราแล้ว เราไม่ได้บ้า เราเพียงแค่กล้าเดินตามความฝันของเรา มันเป็นรถบ้าขบวนสุดท้าย หากเราตกขบวนก็ยังวนเวียนอยู่ในวังวนไม่สิ้นสุด กลายเป็นคนออฟฟิศที่มีโรคออฟฟิศซินโดรมเป็นของแถมอยู่เช่นนั้น”
“ตอนนี้เห็นมีสมาชิกหลายคนเลย”
“รายได้จากการทำเกษตรอย่างเดียวตอนนี้เลี้ยงคน 9 คน ควาย 4 ตัว หมา 7 ตัว”
“แค่ที่แปลงเดียวเล็กๆ เนี่ยนะ”
“ทั้งหมด 8 ไร่จ้า ทำในรูปแบบไร่นาสวนผสม ทำนาปลูกข้าวไว้กิน 3 ไร่ ปลูกไผ่ 3 ไร่ ทำสวนผสม 1 ไร่ และสวนดอกไม้กับโรงเพาะชำอีก 1 ไร่ เดี๋ยวค่อยลงรายละเอียดเนอะ เพราะว่าทำไว้เยอะมาก ที่นี่จะเป็นฟาร์มสเตย์อย่างเต็มรูปแบบต่อไปค่ะ”
“ก่อนจบตอน ขอถามสักนิด หากใครสนใจอยากไปศึกษาจะได้ไหม”
“ได้ค่ะ ติดต่อเรามาได้ที่ บ้านสวนเบญจมงคล จังหวัดขอนแก่น โทร. (099) 401-6487 และ (061) 969-5187 หากไม่ติดงานที่ไหนเล็กยินดีแบ่งปันทุกความรู้ที่มีค่ะ”