ผู้เขียน | ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง |
---|---|
เผยแพร่ |
ปัญหาหนึ่งของเกษตรกรบ้านเรา โดยเฉพาะในภาคอีสานคือ ผืนดินบางแห่งแห้งแล้ง ปลูกอะไรก็ไม่ได้ผล เพราะขาดน้ำ แต่สำหรับ คุณวัชรพล สรแสง อายุ 25 ปี เกษตรกรปลูกมะขามป้อมยักษ์ เจ้าของ “สวนหนุ่มวัชรพล” บ้านโคกหินช้าง ตำบลสาหร่าย อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา เขาพลิกวิกฤติเป็นโอกาส โดยนำพื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่ ปลูกมะขามป้อมยักษ์ เพราะสังเกตเห็นตั้งแต่เด็กๆ ว่า มีต้นมะขามป้อมป่าขึ้นเต็มไปหมด ในขณะที่ปลูกมันสำปะหลังไม่ได้ผล และขาดทุน
ซื้อกิ่งพันธุ์ รวม 4 แสนกว่าบาท
จนวันหนึ่งหนุ่มรายนี้ไปที่จังหวัดราชบุรี เห็นไร่มะขามป้อมลูกใหญ่ จึงหันกลับมาคิดถึงพื้นที่ของตัวเองเห็นว่ามะขามป้อม เป็นพืชประจำถิ่นเป็นสมุนไพร และมีสรรพคุณทางยามากมาย (อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด) ซึ่งชาวอินเดียรู้จักกันดีว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า Amalaka แปลว่า “พยาบาล” บ่งบอกถึงสรรพคุณมากมายของมะขามป้อม เขาเลยซื้อต้นพันธุ์มา ในราคากิ่งละ 1,500 บาท จำนวน 300 ต้น มาปลูก
การลงทุนซื้อกิ่งมะขามป้อมยักษ์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในวงเงินกว่า 400,000 บาท (4 แสนบาท) ทำให้ครอบครัวของเขาถูกเพื่อนบ้านมองว่าเพี้ยน มองว่าบ้า เพราะไม่รู้ว่ากิ่งมะขามป้อมที่มีความยาวประมาณข้อศอกจะอยู่รอดไหม เมื่อไรจะออกลูก และจะไปขายให้ใคร แต่ถึงวันนี้ชาวบ้านแถวนั้นเรียกเขาว่า “เสี่ย” และบางส่วนมาศึกษาดูงานที่สวนมะขามป้อมของเขา
แม้ คุณวัชรพล สรแสง มีความรู้ไม่สูง จบเพียง ม.3 แต่ด้วยความรู้ความสามารถและความช่างสังเกต ทำให้หนุ่มรายนี้ซึ่งเขามีอีกอาชีพหนึ่งคือ เป็นนักดนตรี สามารถทำเงินจากมะขามป้อมได้ปีละ 2 ล้านบาท ต่อปี เทียบกับผู้ที่จบปริญญาตรีบางคนยังมีรายได้ต่อปีไม่เท่าเขาเลย โดยคุณวัชรพลขายทั้งมะขามป้อมสดและนำไปแปรรูปต่างๆ อย่างเช่น มะขามป้อมแช่อิ่ม ขายในราคากิโลกรัมละ 250 บาท และยังทำน้ำมะขามป้อมพร้อมดื่ม ขวดละ 20 บาท แยมมะขามป้อม แช่อิ่มอบแห้ง ทอฟฟี่มะขามป้อม มะขามป้อมกวน ชามะขามป้อม วุ้นมะขามป้อม และข้าวเกรียบมะขามป้อม โดยในส่วนของมะขามป้อมที่แปรรูปนั้นจะมีขายเฉพาะที่สวน หรือออกงานต่างๆ หรือตามออเดอร์ของลูกค้าเท่านั้น
การแปรรูปดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าที่ได้ผลดี โดยการนำมะขามป้อมที่ตกเกรด ลูกไม่สวยมาแปรรูป ซึ่งก็เป็นที่ถูกปากถูกใจลูกค้าหลากหลายกลุ่ม เพราะบางคนไม่ชอบกินเจ้าผลไม้ชนิดนี้ แม้จะมีวิตามินซีสูงก็ตาม แต่พอทำเป็นมะขามป้อมกวนหรือทอฟฟี่ก็ทำให้ลูกค้าวัยรุ่นหรือเด็กๆ ชื่นชอบ เช่นเดียวกับข้าวเกรียบมะขามป้อม ซึ่งไม่ใช่จะหากินได้ง่ายๆ
คุณวัชรพล เล่าว่า ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกมะขามป้อมได้ 20-25 ต้น หลังปลูกต้องหมั่นรดน้ำในช่วงปีแรก และใส่ปุ๋ยคอก ไม่ต้องใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง พอ 3 ปี จะเริ่มให้ผล ซึ่งจะออกลูกมากในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน โดยตอนนี้ขายลูกสดให้กับพ่อค้าคนกลาง ในราคาส่ง ตันละ 50,000 บาท ส่วนราคาปลีก ขายกิโลกรัมละ 80 บาท นอกจากนี้ ยังมีมะขามป้อมนอกฤดูด้วย โดยจะออกประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม
พันธุ์แป้นสยาม ขายดีสุด
“ครั้งแรกผมลงทุนไป 400,000 บาท (4 แสนบาท) ปีที่แล้วผมเก็บมะขามป้อมขายแบบเหมาสวน ในราคา 1,200,000 บาท (1 ล้าน 2 แสนบาท) และขายกิ่งพันธุ์ได้อีก 700,000 บาท (7 แสนบาท) ซึ่งมีทั้งแบบขุดล้อมต้นใหญ่และกิ่งพันธุ์ที่ได้จากการทาบแขวน นอกนั้นก็มีรายได้จากการแปรรูปมะขามป้อมขายเอง
ด้วยความเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสายพันธุ์มะขามป้อม เขาได้นำต้นมะขามป้อมในป่ามาปลูก และพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับสายพันธุ์อื่นๆ จนได้มะขามป้อมที่มีผลใหญ่ขนาดเท่าลูกปิงปอง ตั้งชื่อว่า “แป้นไทรโยค” ลูกหนึ่งหนักประมาณขีดครึ่ง ลำต้นเตี้ย ให้ผลดก และยังมีพันธุ์แป้นสีทอง พันธุ์บุหงา และพันธุ์สร้อยระย้า ที่ให้ผลดกตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ยังได้นำพันธุ์ “แป้นสยาม” ซึ่งเป็นพันธุ์ต้นเตี้ย ให้ลูกดก ตกต้นละ 80 กิโลกรัม มาผสมได้พันธุ์ใหม่ ชื่อพันธุ์ “ไทยต้นเตี้ย” มีลำต้นสูงกว่าและแผ่พุ่มวงกว้างกว่า แต่ให้ผลดกกว่า อยู่ที่ 200-300 กิโลกรัม ต่อต้น
คุณวัชรพล ให้ข้อมูลด้วยว่า มะขามป้อมที่ปลูกง่าย รสชาติดี น้ำหนักดี และลูกค้าชอบคือ พันธุ์แป้นสยาม ซึ่งเป็นพันธุ์ต้นเตี้ย ทรงพุ่มสวยงาม รองลงมาคือ พันธุ์แม่ลูกดก ต้นสูงแต่ให้ลูกดก ส่วนพันธุ์อินเดียลูกใหญ่ แต่ไม่ดก รสชาติไม่ดี ไม่เป็นที่นิยมของตลาด
สำหรับขั้นตอนการปลูกมะขามป้อมยักษ์ก็ไม่ยาก คุณวัชรพล อธิบายว่า ใช้จอบขุดหลุมลึกครึ่งฟุต กว้างครึ่งฟุต จากนั้นนำต้นมะขามป้อมลงดิน โดยไม่ต้องรองพื้น ให้น้ำในช่วงแรกไปจนกว่าต้นจะติด พออายุครบ 1 ปี ให้ใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ปีละครั้ง ห้ามใส่ปุ๋ยเคมีเด็ดขาด พออายุครบ 3 ปี เริ่มเก็บผลผลิต
พร้อมกันนี้เขายังแจกแจงวิธีการทำมะขามป้อมนอกฤดูว่า หลังจากเก็บผลผลิตในช่วงฤดูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ลิดใบทิ้งทั้งก้าน จากนั้นให้น้ำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ไม่นานมะขามป้อมก็จะเริ่มออกดอกออกผล ซึ่งถ้าเป็นมะขามป้อมนอกฤดูจะขายได้ราคาดีกว่าปกติ 30-40%
คุณวัชรพล ให้คำแนะนำสำหรับคนที่จะปลูกมะขามป้อมอย่างจริงจังว่า ปลูกได้ทุกสภาพดิน ยกเว้นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง หากจะซื้อต้นพันธุ์อย่าซื้อตามท้องตลาดในราคาถูกโดยเด็ดขาด เพราะปลูกแล้วจะไม่เป็นลูก หรือไม่ก็เป็นต้นมะขามป้อมป่า ควรซื้อจากสวนที่เชื่อถือได้ และสวนนั้นต้องรับประกันด้วย
แหล่งเรียนรู้ของ กศน.
ใช่แต่จะเป็นสวนมะขามป้อมยักษ์ที่ทำรายได้อย่างงามให้กับเจ้าของเท่านั้น แต่ที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของ กศน.ตำบลสาหร่าย เพราะหนุ่มรายนี้ก็เรียนจบจาก กศน. เช่นกัน และในอนาคตคุณวัชรพลวางแผนจะสร้างโรงงานแปรรูปเพื่อส่งออก รวมทั้งทำโครงการ 1 ตารางเมตร 1 หมื่น ขณะเดียวกันจะพัฒนาสวนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย
คุณวัชรพล บอกอีกว่า ที่ผ่านมามีผู้สนใจเข้ามาชมสวนตลอด ซึ่งอาจจะโทรศัพท์มาก่อนหรือมาเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักศึกษาจาก กศน. และนักเรียนนักศึกษาจากที่ต่างๆ มาศึกษาดูงานตลอด โดยตัวคุณวัชรพลเองจะเป็นวิทยากรบรรยายให้ฟัง เริ่มตั้งแต่การคิดทำสวนมะขามป้อมยักษ์ หาทำตลาด และการแปรรูป หลังจากนั้น จะพาเข้าไปชมสวน บางคนก็จะซื้อผลผลิตทั้งมะขามป้อมสดและแปรรูป รวมถึงกิ่งพันธุ์ด้วย ส่วนมากซื้อกิ่งพันธุ์ “แป้นสยาม” ราคากิ่งละ 250 บาท ซึ่งเมื่อซื้อแล้วทางสวนจะรับประกันด้วย หากซื้อไปแล้วต้นตายหรือมีปัญหาภายใน 2 เดือน สามารถเปลี่ยนต้นใหม่ได้
ในเรื่องการพัฒนาสวนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนั้น เขาแจกแจงว่า ในปี 2562 จะปรับพื้นที่อย่างจริงจัง โดยวางแผนจะนำผลไม้พื้นบ้านแปลกๆ ที่หายาก คนมองข้าม และใกล้จะสูญพันธุ์มาปลูก อย่างเช่น ต้นตะคร้อ และฮอลแลนด์ รวมทั้งจะนำสัตว์ต่างๆ มาเลี้ยงแบบไม่ล้อมรั้ว ปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ อย่างเช่น แพะ แกะ กวางรูซ่า และหมูบ้าน
ส่วนโครงการ 1 ตารางเมตร 1 หมื่นบาท นั้น คุณวัชรพล ระบุว่า เป็นโครงการที่อยากทำเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรทั่วไปเห็นว่า ใน 1 ตารางเมตร สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจที่มีราคาได้ ไม่จำเป็นจะต้องมีพื้นที่เยอะๆ แต่ทำเงินไม่ได้ เพราะเกษตรกรจำนวนไม่น้อยมักบ่นเสมอๆ ว่า พื้นที่มีน้อย ไม่พอที่จะทำมาหากิน ซึ่งความจริงทำได้
นับเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ทำการเกษตรแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ สนใจเข้าเยี่ยมชม หรือซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะขามป้อม ติดต่อได้ที่ โทร. (065) 106-4093 และ (090) 342-0275