อดีตเกษตรจังหวัด ประสงค์ ไชยลังกา นำประสบการณ์ชีวิต บุกเบิกงานเกษตร ที่พะเยา

จากอดีตหนุ่มน้อยเมืองดอกคำใต้ เดินทางตามฝันฉีกแนวจากที่พ่อแม่หวังให้เป็นครูไปเรียนเกษตรจากบ้านกร่าง พิษณุโลก ไสใหญ่ นครศรีธรรมราช และบางพระ ชลบุรี ผ่านงานส่งเสริมการเกษตรอย่างโชกโชน สุดท้ายกับตำแหน่งเกษตรจังหวัดตาก ตอนนี้เริ่มสร้างสวนเกษตรที่พร้อมทำรายได้และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรเมืองพะเยาและผู้สนใจทั่วประเทศ

คุณประสงค์ ไชยลังกา เกิดที่อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดเชียงราย (ขณะนั้น) ปัจจุบันจังหวัดพะเยา เมื่อสมัยเป็นเด็กดอกคำใต้ถือว่าทุรกันดาร หมู่บ้านไม่มีถนนตัดผ่าน ไม่มีไฟฟ้าใช้ เมื่อเข้าสู่วัยเรียนได้เข้าเรียนที่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม เมื่อจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.ศ.3) พ่อแม่และญาติๆ อยากให้ไปเรียนครู เพราะสมัยนั้นครูถือว่าเป็นที่ชาวบ้านเคารพนับถือ แต่คุณประสงค์ สนใจที่จะเรียนเกษตร จึงหนีไปสมัครเรียนที่วิทยาลัยเกษตรกรรมพิษณุโลก หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเกษตรบ้านกร่าง ในระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.3) เมื่อเรียนที่นี้ก็ประทับใจ อาจารย์ตรีพล เจาะจิตต์ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เก่ง เมื่ออาจารย์ย้ายไปสอนที่วิทยาลัยเกษตรกรรมนครศรีธรรมราช หรือเกษตรไสใหญ่ จึงตามไปสอบเข้าเรียนที่นี่ก็สอบได้จบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เมื่อมาเรียนที่นี่ด้วยบุพเพสันนิวาสทำให้ได้พบรักกับ คุณจุฑารัตน์ ภรรยาจนครองคู่กันมาจนปัจจุบัน

คุณประสงค์ ไชยลังกา และภรรยา

เมื่อปี 2521 บรรจุเข้ารับราชการที่กรมส่งเสริมการเกษตร ที่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี จริงๆ แล้วสอบติดหลายหน่วยราชการแต่เลือกที่จะบรรจุที่กรมส่งเสริมการเกษตร ได้รับการสนับสนุนจาก ท่านเยื้อง เกตุแก้ว เกษตรอำเภอชัยบาดาล ในขณะนั้น เป็นอย่างดี ในปี พ.ศ. 2526 ย้ายไปเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ซึ่งบางมดแหล่งปลูกส้มที่มีชื่อเสียงอยู่ในเขตนี้ ในราว พ.ศ. 2527-2528 ได้ไปสอบเรียนต่อที่เกษตรบางพระในระดับปริญญาตรี เพราะหากจะเปลี่ยนสายงานเป็นนักวิชาการจะต้องจบปริญญาตรี จริงๆ หลักสูตรตอนนั้นคือ 2 ปี แต่เรียนแค่ปีครึ่งก็จบแล้ว

สมัยก่อนการลาศึกษาต่อต้องลาเต็มเวลาคือ 2 ปี แต่จะไม่ได้รับการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน ซึ่งต่างกับปัจจุบันไม่จำเป็นต้องลาเรียนเต็มเวลา เรียนวันเสาร์-อาทิตย์

เมื่อ พ.ศ. 2529 จึงได้ปรับตำแหน่งเป็นนักวิชาการเกษตร พร้อมกับเป็นวิทยากรให้กับกรมส่งเสริมการเกษตรในเรื่องไม้ดอกไม้ประดับ โดยเฉพาะกล้วยไม้ ในราว พ.ศ. 2531-2532 อบรมให้กับเกษตรกรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตอนแรกเกษตรกรเหล่านี้ต่างคนต่างทำ ภายหลังจึงจัดตั้งเป็นสมาคมผู้ผลิตกล้วยไม้ การจะอบรมเกษตรกรของกรุงเทพฯ สมัยนั้นวิทยากรต้องรู้จริง เกษตรกรจึงจะเข้ารับการอบรม เพราะถือว่าเกษตรกรเหล่านี้พัฒนาไปไกลมาก ฉะนั้น วิทยากรต้องรู้เท่าทันหรือมากกว่า เกษตรกรจึงจะยอมรับ

เมื่อราวๆ พ.ศ. 2545-2546 ได้มีโอกาสสนองงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยพระองค์มีพระราชดำริอยากได้นักวิชาการเกษตรไปสอนนักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ซึ่งเป็นบุตรหลานของข้าราชบริพารในพระองค์ ให้เด็กได้เรียนรู้การปลูกผัก จึงมีโอกาสเข้าไปสอนเด็กในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ

เมื่อย้ายเข้ากรมส่งเสริมการเกษตรได้อยู่ฝ่ายวิชาการรับผิดชอบงานไม้ดอกไม้ประดับและพืชผัก ได้สนับสนุนให้มีการตั้งกลุ่มผู้ผลิตกล้วยไม้ จำนวน 16 กลุ่ม ปัจจุบันเป็นสมาคมกล้วยไม้ ได้มีโอกาสดูงานการผลิตไม้ดอกไม้ประดับและกล้วยไม้ในต่างประเทศ ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน

ในปี พ.ศ. 2553 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพน่าน หรือพืชสวนน่าน ก็ทำให้ไผ่เมืองน่านหรือไผ่ช้างเป็นที่รู้จัก เป็นไผ่ซึ่งเป็นสายพันธุ์มาจากพม่า เมื่อไม่นานมานี้คุณประสงค์ไปเจอที่ทวาย พบว่ามีขนาดใหญ่กว่าที่น่านอีก ไผ่พันธุ์นี้ต้องการอากาศหนาวเย็นความชื้นสูง โดยน่านได้ส่งเสริมการปลูกไผ่ เพื่อทดแทนการปลูกข้าวโพด ตามโครงการปิดทองหลังพระด้วย แต่เกษตรกรไม่ค่อยนิยม เนื่องจาก 1. กลัวโดนยึดที่ 2. เรื่องตลาดคือจะขายที่ไหน ช่วงนั้นได้ส่งศูนย์เข้าประกวดศูนย์ปฏิบัติการดีเด่น ได้รับรางวัลชนะในระดับภาคเหนือ รองชนะเลิศในระดับประเทศ แต่โครงสร้างอัตรากำลังของศูนย์ไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ก้าวหน้า จึงไม่ค่อยมีกำลังใจในการทำงานมากนัก การขึ้นตำแหน่งเหล่านี้คุณประสงค์บอกว่า เพราะผู้บังคับบัญชาให้ทำงานไม่เคยปฏิเสธ แต่ไม่เคยวิ่งเต้นใช้เงินทอง ไม่ได้ขึ้นมาจากสายการเมือง เมื่อเป็นผู้อำนวยการพืชสวนน่าน ก็ได้มีโอกาสสนองงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดูแลศูนย์ภูฟ้า แปลงชา 10 ไร่ ส่งเสริมการปลูกไม้ไผ่ เห็ด ผัก ได้ถวายรายงานทุกปี ในส่วนงบประมาณได้รับจากกรมส่งเสริมการเกษตรส่วนหนึ่งและใช้เงินส่วนตัวด้วย จากผู้อำนวยศูนย์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการกรมส่งเสริมการเกษตร ในสมัย ดร.โอฬาร พิทักษ์ เป็นอธิบดีและตำแหน่งสุดท้ายคือเกษตรจังหวัดตาก เมื่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งทุกตำแหน่งได้มาด้วยความสามารถและผลจากการทำงานหนักทั้งสิ้น

เมื่อเกษียณอายุราชการเมื่อปี พ.ศ. 2559 จึงกลับมาที่บ้านเกิด ตำบลสันโค้ง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ตั้งใจจะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรในพื้นที่จำนวน 36 ไร่ ให้ชาวบ้านได้เห็นว่าถึงแม้ดินจะไม่ดีเราสามารถปรับปรุงได้โดยการใช้มูลวัว ในการปรับดินและปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว เป็นต้น พืชทุกชนิดปลูกได้ถ้ามีน้ำจึงได้ขุดสระจำนวน 3 สระ ลึก 6 เมตร พอสำหรับรดน้ำต้นไม้ ปล่อยปลาหลากหลายสายพันธุ์ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพลังงานจากทั้งไฟฟ้าหรือน้ำมันและจัดการบริหารน้ำเพื่อให้เพียงพอกับการปลูกพืช จากพื้นที่ที่เคยให้คนเช่าทำนาสมัยยังรับราชการซึ่งได้ข้าวน้อยมาก ประมาณ 30-40 ถัง ต่อไร่ เนื่องจากดินไม่ดี ขณะนี้ได้ปลูกต้นตอมะม่วงไป 300 ต้น มะพร้าวน้ำหอม 400 ต้น ตาล 100 ต้น ทุเรียน 30 กว่าต้น มะนาวในวงบ่อ ทั้งพันธุ์ตาฮิติ แป้นพิจิตร พันธุ์ที่คิดว่าไปได้ดีคือ ตาฮิติ แต่แป้นรสชาติจะเปรี้ยวโดด นอกจากนี้ ยังเพาะเลี้ยงกล้วยไม้จากเนื้อเยื่อ ไม้ดอกไม้ประดับ เฟิร์น โดยเฉพาะเฟิร์นจะนำสปอร์มาเคาะลงถาดเพาะก็ขยายพันธุ์ได้เลย ให้น้ำและดูแลให้ปุ๋ย หากได้ผลดีต่อไปจะขยายพันธุ์เพื่อจำหน่าย

มะนาวในวงบ่อของที่นี่จะแตกใบอ่อนทั้งหน้าร้อนและหน้าหนาว เพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอด ที่อื่นหน้าแล้งจะสลัดใบเพื่อให้ต้นอยู่รอด มีการคลุมดินด้วยฟางข้าวเพื่อรักษาความชื้นในดิน ผู้เขียนสังเกตว่ามะนาวและมะพร้าวน้ำหอมที่นี่มีสีเขียวงามมาก มะม่วงที่ปลูกด้วยต้นตอขณะนี้ได้เปลี่ยนยอดเป็นมะม่วงพันธุ์ที่มีลูกขนาดใหญ่ เช่น ทองดำ เขียวใหญ่ R2E2 ขาวนิยม ซึ่งมีต้นกำเนิดที่แถวหนองแขม กรุงเทพฯ ของคุณนิยม ที่คุณประสงค์ ไปพบตอนเป็นนักวิชาการอยู่กรุงเทพฯ เป็นพันธุ์ที่กลายพันธุ์มามีลูกขนาดใหญ่ลูกละเกือบ 1 กิโลกรัม รสชาติดีมาก โดยมะม่วงที่สวนนี้จะใช้ระบบปลูกถี่ใช้วิธีการตัดแต่งเพื่อรักษาระดับไม่ให้สูงเกินไป ยากต่อการเก็บเกี่ยว ให้ปุ๋ยทุกเดือนเจริญเติบโตดี เป้าหมายจะขายตลาดบนหรือผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ที่สวนนี้รับซื้อมูลวัวในราคากระสอบละ 20 บาท รับซื้อไม่อั้นเพื่อนำมาปรับปรุงดินในสวน

ในอนาคตอันใกล้นี้จะเปิดเป็นสถานที่พักผ่อนและท่องเที่ยววิถีเกษตรพร้อมที่จะให้เกษตรกรนำผลผลิตมาจำหน่ายในสวน ต่อไปจะให้ลูกทำเป็นรีสอร์ต มีหลักสูตรการอบรมระยะสั้นในเรื่องสมุนไพร การออกกำลังกาย โยคะ การทำสมาธิโดยนิมนต์พระสงฆ์มาเป็นวิทยากร อาหารสุขภาพ โดยจะใช้ความรู้และประสบการณ์เรื่องของพืชผัก เห็ดและสมุนไพรที่สั่งสมมาทำ และถ่ายทอด ใช้ระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งวันสองวัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้สนใจในเรื่องสุขภาพ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

หากสนใจอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ กับ คุณประสงค์ ไชยลังกา อดีตเกษตรจังหวัด ผู้มากประสบการณ์ ได้ที่ สวนตำบลสันโค้ง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ได้ทุกวัน หรือติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์ที่ (082) 181-3397