ตามไปดู เทคนิคใช้สารกำจัดวัชพืช ให้ปลอดภัย

สารกำจัดวัชพืช นับเป็นหนึ่งในปัจจัยการผลิตที่เกษตรกรไทยนิยมใช้กันมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากตัวเลขล่าสุดพบว่า ประเทศไทยมีการนำเข้าสารกำจัดวัชพืช ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2559 มากถึง 51,347.43 ตัน โดยเป็นปริมาณสารสำคัญ จำนวน 28,396.18 ตัน หากคำนวณเป็นตัวเงินถึง 4,162.49 ล้านบาท

ดังนั้น หากเกษตรกยังเห็นว่าจำเป็นต้องใช้สารกำจัดวัชพืช ต้องมีข้อใส่ใจ โดยเฉพาะการใช้ต้องถูกวิธีและถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งใช้อย่างไรนั้น นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้ให้ข้อแนะนำถึง 4 เทคนิคหลัก ประกอบด้วย

หนึ่ง เลือกชนิดสารกำจัดวัชพืชให้ถูกต้องเหมาะสมกับวัชพืชและชนิดพืชที่ปลูก เช่น ใช้สารไกลโฟเสท และพาราควอต พ่นกำจัดวัชพืชในสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไม้ผล ส่วนสารอาทราซีนใช้ฉีดพ่นคุมหญ้าวัชพืชหลังปลูกพืชไร่ เช่น อ้อย และข้าวโพด เป็นต้น

สอง ใช้ในอัตราที่เหมาะสมตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร อาทิ สารไกลโฟเสท แนะนำให้ใช้ใน อัตรา 500 ซีซี และสารพาราควอต 400 ซีซี ผสมน้ำ 80 ลิตร ฉีดพ่นในพื้นที่ 1 ไร่ สารอาทราซีน สูตร 80%WP ให้ใช้ใน อัตรา 320 ซีซี ผสมน้ำ 80 ลิตร ฉีดพ่นคลุมพื้นที่ 1 ไร่

สาม ใช้ให้ตรงตามเวลา โดยต้องใช้สารกำจัดวัชพืชก่อนที่วัชพืชจะออกดอกและติดเมล็ด หรือความสูงของวัชพืชไม่เกิน 30 เซนติเมตร สำหรับสารกำจัดวัชพืชชนิดคุมฆ่าให้ฉีดพ่นหลังปลูกพืชหรือใช้ในช่วงที่วัชพืชแตกใบไม่เกิน 3-4 ใบ

สี่ มีวิธีการพ่นอย่างถูกต้อง โดยใช้หัวพ่นที่ใช้เฉพาะพ่นสารกำจัดวัชพืชเท่านั้น เช่น หัวพ่นแบบปะทะ และต้องพ่นสารให้สัมผัสกับใบวัชพืชมากที่สุด ต้องระวังไม่ให้ละอองสารเคมีไปโดนพืชปลูก และไม่ใช้แรงดันสูงเกินไป เพื่อไม่ให้ละอองสารเคมีปลิวไปยังแปลงข้างเคียงด้วย   

ส่วนกรณีที่มีเกษตรกรหลายราย มีการนำสารกำจัดวัชพืช 2-3 ชนิด มาผสมกันแล้วฉีดพ่น เพราะเกรงว่าใช้ชนิดเดียวจะไม่ได้ผล ต้องบอกว่าเป็นการใช้ที่ผิด

เพราะผลเสียที่ตามมา นอกจากจะสิ้นเปลืองและทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสที่สารกำจัดวัชพืชจะถูกชะล้างลงสู่ดิน แหล่งน้ำ น้ำใต้ดิน ทำให้เกิดการปนเปื้อนสะสมและกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ยังอาจเป็นพิษต่อพืชปลูกโดยทำให้พืชปลูกใบเหลือง ชะงักการเจริญเติบโต และตายได้