สิงห์ พิสิษฐเกษม ทุ่มเวลา 30 ปี พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ “จูฮง” ลิ้นจี่ไร้เทียมทาน รสหวาน หอม เนื้อแห้งกรอบ เมล็ดลีบเล็ก

ลูกใหญ่ หอม หวาน เนื้อแห้งไม่ฉ่ำน้ำ เมล็ดลีบเล็ก

“ลิ้นจี่อะไร ราคากิโลหนึ่งตั้ง 400-600 บาท”

หนึ่งเสียงสะท้อนความรู้สึกผ่านทาง เฟซบุ๊ก จูฮง ลิ้นจี่ไร้เทียมทาน ( www.facebook.com/จูฮง-ลิ้นจี่ไร้เทียมทาน ) ของ นฤดม หรือ สิงห์ พิสิษฐเกษม เกษตรกรเจ้าของสวนลิ้นจี่พันธุ์จูฮง แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มนำผลผลิตออกปรากฏโฉมสู่ท้องตลาด โดยจำหน่ายผ่านทางสื่อออนไลน์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า จนทำให้ผลผลิตลิ้นจี่พันธุ์จูฮงที่ออกมา ในปี 2561 ไม่เพียงพอกับความต้องการ

เตรียมส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า ราคา 400-600 แล้วแต่เกรด
นฤดม หรือ สิงห์ พิสิษฐเกษม

นฤดม หรือ สิงห์ พิสิษฐเกษม สำหรับในวงการเกษตรไทยแล้ว ไม่ใช่เกษตรกรมือใหม่ เพราะหนึ่งในธุรกิจสร้างชื่อคือ เป็นเกษตรกรเจ้าของ เพอคูล่า ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน ชื่อดังตั้งอยู่ที่ตำบล
แสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม

จากเกษตรกรเจ้าของฟาร์มปลาสวยงาม แล้วทำไมจึงกลายเป็นเกษตรกรเจ้าของสวนลิ้นจี่ มีคำตอบว่า…

“ส่วนตัวผมเองแล้ว เป็นคนที่ชอบทำเกษตร และเมื่อโอกาสทำในเรื่องใดแล้ว จะทุ่มเทศึกษาทำอย่างจริงจัง ซึ่งการเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมทุ่มเทจนอยู่ในขั้นประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ ส่วนลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนี้ ผมมองว่า จะเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่ช่วยทางเลือกใหม่ๆ ให้กับวงการเกษตร เพราะมีคุณภาพที่ดี และข้อเด่นแตกต่างจากลิ้นจี่ทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศไทยเวลานี้

ติดผลถึงกิ่งใหญ่ด้านในทรงต้น
ลูกสีแบบนี้ กินแล้วจะติดใจ หวานอมเปรี้ยว

ทั้งนี้ ความเป็นมาของลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนั้น ต้องย้อนหลังกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ในสมัยที่เกษตรกรผู้นี้อยู่ในวัย 21 ปี

“สมัยก่อนนั้น คุณพ่อผมจะชอบไปซื้อผลไม้ที่ตลาดน้อย ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร อยู่เป็นประจำ และผลไม้ชนิดหนึ่งที่ชอบและซื้อรับประทานอยู่เป็นประจำ คือ ลิ้นจี่ โดยพ่อค้าที่รู้จักจะสั่งนำเข้ามาจากประเทศจีนโดยตรง ทำให้ผมได้มีโอกาสรับประทานลิ้นจี่ที่มีคุณภาพดีอยู่เป็นประจำ”

“มีอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่พ่อค้าจัดหามาให้ มีลักษณะแปลกกว่าทุกสายพันธุ์ที่ผมเคยรับประทาน คือ มีเมล็ดเล็ก รสชาติหอมหวาน พอทานแล้วทำให้ผมติดใจ จึงเกิดความคิดว่า น่าจะเก็บเมล็ดมาเพาะเพื่อปลูกไว้รับประทานเอง”

เจริญเติบโตดี ดูแลง่าย

พี่สิงห์ เล่าต่อไปว่า แต่เมล็ดหลายชุดที่เก็บมา เรียกว่า 2-3 ปีแรกไม่ได้ผล เพาะไม่ขึ้นสักต้น แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม พัฒนาใหม่ คัดเฉพาะผลเมล็ดที่มีลักษณะสมบูรณ์มาเพาะ ปรากฏว่า ประสบผล ได้ต้นลิ้นจี่มาประมาณ 70 ต้น

“ดีใจครับ เอาไปปลูกที่สวนเลย ผมมีสวนอยู่ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ผมก็ปลูกไว้ทั้ง 70 ต้น ต้นเจริญเติบโตดีครับ แต่ไม่มีผล เป็นอย่างนี้อยู่ 8 ปี พอปีที่ 9 ปรากฏว่า พื้นที่บริเวณนั้นมีสภาพอากาศเย็นมาก ต้นลิ้นจี่ที่ปลูกไว้ติดดอกออกผลครับ ดีใจมาก เก็บมากินทุกต้นพร้อมกับทำการคัดสายพันธุ์เลือกต้นที่ดีที่สุดไว้ คือ ต้องเป็นต้นที่เมล็ดลีบเล็ก เนื้อหนา หวาน คัดมาได้ 3 ต้นครับ ที่มีลักษณะตามต้องการ”

“ผมก็ศึกษาเปรียบเทียบมาโดยตลอดหลายปีว่า ลิ้นจี่ของผมนี้เหมือนกับสายพันธุ์ลิ้นจี่ที่ปลูกกันในเมืองไทยไหม พบว่าลิ้นจี่พันธุ์จูฮงมีลักษณะที่แตกต่างไม่เหมือนกับสายพันธุ์ใดๆ แล้วทำไมจึงชื่อ จูฮง อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวครับ คำว่า “จู” หมายถึง “ไข่มุก” ส่วน “ฮง” นั้น คือ “พญาหงส์” เลยนำมาตั้งเป็นชื่อของลิ้นจี่พันธุ์ใหม่พันธุ์นี้”

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พี่สิงห์ได้เฝ้าดูแลต้นแม่พันธุ์ที่ถือว่าสุดยอดที่สุดของสวนที่อำเภอแก่งคอย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 76 หมู่ที่ 10 ตำบลชำผักแพรว และขยายพันธุ์นำไปปลูกที่สวนใหม่ที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน บนพื้นที่ประมาณ 30 ไร่

“ที่สวนอำเภอทุ่งช้างแห่งนี้ อายุต้นลิ้นจี่อยู่ที่ 15 ปีแล้วครับ เดิมนั้นผมไม่เคยนำผลผลิตออกไปจำหน่ายที่ไหนเลย รับประทานกันในครอบครัว กลุ่มญาติพี่น้อง กลุ่มเพื่อน แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มทำการตลาด โดยผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งมีผลตอบกลับมาดีมาก ตอนนี้เลยวางโครงการต่อไปว่า จะนำไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพมหานคร และตลาดใหญ่ๆ อย่าง อ.ต.ก. เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองกินกัน การรันตีเลยว่า ต้องติดใจกับรสชาติของลิ้นจี่จูฮงแน่นอนครับ”

สำหรับสวนที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ตั้งอยู่เลขที่ 64 หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน

พี่สิงห์ บอกอีกว่า ลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนั้น เป็นลิ้นจี่พันธุ์กลาง จะเริ่มให้ผลผลิตมากในช่วงปีที่ 3 ของการปลูก โดยออกดอกช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ผลแก่ประมาณเดือนพฤษภาคม

ลักษณะทรงพุ่มของลิ้นจี่จูฮง

การปลูกลิ้นจี่พันธุ์จูฮงของสวนที่อำเภอทุ่งช้าง จะใช้ขนาด 6×6 เมตร เพราะเป็นขนาดที่เหมาะสม ทำให้มีการเจริญเติบโต แผ่ทรงพุ่ม และการถ่ายเทอากาศดี

“ด้านการจัดการดูแลต้นลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนั้น ต้องบอกว่า ด้วยเป็นสายพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ทำให้ปลูกง่าย โตไว โดยรวมแล้ว จึงไม่มีข้อแตกต่างจากการปลูกและดูแลลิ้นจี่พันธุ์อื่นๆ ที่มีในเมืองไทย ไม่ว่าสภาพอากาศ สภาพพื้นที่ปลูก ลักษณะการเจริญเติบโต ระยะเวลาการให้ผลผลิต เรียกว่าที่ไหนปลูกลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิ พันธุ์ฮงอวย ได้ ที่นั่นก็สามารถปลูกลิ้นจี่พันธุ์จูฮงได้เช่นกัน ไม่ว่าภาคเหนือหรือภาคอีสานบริเวณติดริมแม่น้ำโขง”

แต่สิ่งที่ลิ้นจี่พันธุ์จูฮงแตกต่างจากลิ้นจี่พันธุ์อื่นๆ ที่ปลูกกันในเมืองไทยคือ รสชาติ ความหวาน ลักษณะเนื้อ และขนาดของเมล็ด

ลักษณะของผลลิ้นจี่จูฮง
เนื้อแห้งกรอบไม่ฉ่ำน้ำ
ลักษณะเมล็ดลีบ เนื้อมาก

“สาเหตุที่ทำให้แตกต่าง นอกจากความโดดเด่นของสายพันธุ์ของลิ้นจี่ชนิดแล้ว ยังมาจากที่เราใส่ใจคัดเลือกต้นพันธุ์ที่อร่อยที่สุด ลักษณะดีที่สุดด้วย จึงส่งผลให้เกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การติดของผลที่ดก ลูกใหญ่มีขนาดสม่ำเสมอ ออกลูกเป็นพวง ลักษณะผล เปลือก จะมีสีสวย เปลือกมีความหนาพอดี และเมื่อแกะเปลือกออกเนื้อจะแห้งไม่ฉ่ำน้ำ”

“ส่วนของเนื้อผลลิ้นจี่ นอกจากจะหนา กรอบแล้ว ยังมีความหอมมากทีเดียว และมีความหวานตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเร่งด้วยปุ๋ยแต่อย่างไร อันเป็นผลเนื่องมาจากสายพันธุ์ของเขาดี”

“และถ้าลองมาทานแบบลูกที่ยังไม่แดงสุกมาก มีสีผลเป็นแบบออกเขียวเหลืองนิดๆ จะมีรสชาติออกไปทางหวานอมเปรี้ยวนิดๆ คือ หวานประมาณ ร้อยละ 90 ส่วนอีก ร้อยละ 10 จะเป็นรสเปรี้ยว ทำให้ได้รสชาติที่อร่อยไปอีกแบบ ผมคิดว่าหากได้ลองชิมแล้วต้องชอบแน่นอน” พี่สิงห์กล่าว

และที่สำคัญเมล็ดลีบเล็กถึงร้อยละ 90 อันนี้สามารถมาพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองเลยครับที่สวน เรียกว่าเด็ดลูกจากต้นมากิน จะพบว่าน้อยมากที่จะเจอแบบเมล็ดใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดลีบเล็ก”

ผลดกห้อยระย้า
ตัดแต่งให้โปร่ง

“ที่น่าสนใจอีกประการคือ จูฮง เป็นลิ้นจี่ที่สามารถติดผลตามกิ่งใหญ่ภายในลำต้นได้ด้วย การติดผลลักษณะนี้ทำให้มีข้อดีคือ ได้ผลที่สมบูรณ์สวยมากกว่าผลที่ติดบริเวณปลายยอด ขณะที่ในส่วนของโรคแมลงศัตรูที่ผ่านมาในสวนของผมพบน้อยมาก” พี่สิงห์ กล่าวโดยสรุป

ลิ้นจี่พันธุ์จูฮง จึงนับเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ในการสร้างสีสันความแตกต่างเพื่ออาชีพเพื่อรายได้ ที่จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้สนใจ โดยสามารถติดต่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08-1313- 6324 หรือที่สวนอำเภอทุ่งช้าง โทร. 09-6068-8748