เผยแพร่ |
---|
ไร่ บี.เอ็น. (B.N.) …นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่นี่จำหน่ายพืชผัก ผลไม้นานาชนิดตามฤดูกาล ปัจจุบัน ไม้ผลสำคัญที่ ไร่ บี.เอ็น. ภาคภูมิใจนำเสนอคือ ลิ้นจี่นานาพันธุ์ ทั้งที่นำพันธุ์ดีมาจากประเทศจีน เช่น พันธุ์กุ๊ยบิ และพันธุ์ลิ้นจี่ที่ทางไร่ได้พัฒนาขึ้นมาเองให้มีคุณสมบัติที่ดีและเหมาะสมกับท้องถิ่น ได้แก่ พันธุ์ป้าชิด พันธุ์ป้าอี๊ด พันธุ์ลุงเจิด ซึ่งมีลักษณะผลโต เนื้อแห้งหนา รสหวาน หอม เมล็ดส่วนใหญ่ลีบเล็ก โดยมีผลผลิตให้ชิมระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนกรกฎาคม ของทุกปี
47 ปี ไร่ บี.เอ็น.
การมาเยือน ไร่ บี.เอ็น. ในครั้งนี้ ผู้เขียนมีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหาร ไร่ บี.เอ็น. จำนวน 2 ท่าน คือ “คุณโจ้ หรือ คุณจุลพงษ์ คุ้นวงศ์” ผู้จัดการ ไร่ บี.เอ็น. และน้องสาว คือ คุณชลธิชากร คุ้นวงศ์ ที่ดูแลด้านการตลาดโดยตรง
คุณโจ้ เล่าถึงความเป็นมาของ ไร่ บี.เอ็น. ว่า “คุณบรรเจิด คุ้นวงศ์” คุณพ่อของเขาได้เข้ามาบุกเบิกทำ ไร่ บี.เอ็น. เมื่อปี 2512 โดยปลูกไม้ผลหลายชนิด เช่น ส้ม มะม่วง อะโวกาโด พลับ ลำไย น้อยหน่าออสเตรเลีย ทั้งนี้ คุณบรรเจิดสนใจปลูกลิ้นจี่จึงได้นำเข้าพันธุ์ลิ้นจี่คุณภาพดีจากจีนเข้ามาปลูก เช่น พันธุ์กุ๊ยบิ พันธุ์จุดบิจี๊ ควบคู่กับการพัฒนาสายพันธุ์ลิ้นจี่จากการเพาะเมล็ด จนประสบความสำเร็จ ได้ “ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2” ซึ่งเป็นชื่อของคุณแม่คุณโจ้ ลิ้นจี่พันธุ์นี้มีคุณภาพดี เหมาะสำหรับปลูกเชิงเกษตรอุตสาหกรรม เพราะให้ผลผลิตคุณภาพดี และติดผลง่ายกว่าลิ้นจี่พันธุ์อื่นๆ
ทาง ไร่ บี.เอ็น. จึงวางแผนขยายพื้นที่การปลูกลิ้นจี่ป้าชิด เพื่อส่งออกไปขายตลาดญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่ เพราะมั่นใจว่า คุณภาพลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดสู้กับลิ้นจี่จีนได้อย่างสบาย แถมยังได้เปรียบในเรื่องช่วงการขายอีกต่างหาก เพราะลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดมีผลผลิตออกก่อนลิ้นจี่จีนถึง 1 เดือน (มิถุนายน-กรกฎาคม) ขณะที่ลิ้นจี่จีนมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ของทุกปี
จุดเด่นของ ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด
ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด เริ่มเป็นที่รู้จักในท้องตลาดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เนื่องจากมีลักษณะเด่นที่โดนใจผู้บริโภคทั่วไปนั่นคือ ผลโต มีรสชาติหวาน กรอบ เนื้อแห้งหนา มีเมล็ดเล็กลีบเป็นจำนวนมาก ทางไร่จะคัดผลผลิตออกขายใน 2 เกรด คือเกรดพรีเมี่ยม เน้นคัดผลสวย เมล็ดลีบเล็ก และตัดก้านสั้น และสินค้าเกรด เอ คัดผลสวย มีก้าน เมล็ดขนาดปกติ แต่มีรสชาติอร่อยเหมือนเกรดพรีเมี่ยม
หากใครได้เดินช็อปปิ้งในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น Gourmet Market และ Home Fresh Mart อาจจะเห็นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด บรรจุในเข่งไม้ไผ่วางขาย ติดยี่ห้อ ไร่ บี.เอ็น. มาบ้างแล้ว จุดเด่นในเรื่องรสชาติความอร่อยของลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ซื้อทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ เรียกว่าคุณภาพของลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด สู้กับลิ้นจี่จีนได้อย่างสบายๆ ทำให้สินค้าชนิดนี้ขายดิบขายดี เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วไป จนผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด
ดูแลสวน แบบ “เกษตรอุตสาหกรรม”
เนื้อที่ 60 ไร่ บริเวณด้านหน้า ไร่ บี.เอ็น. ปลูกต้นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2 และพันธุ์ป้าอี๊ด ในช่วงที่ต้นลิ้นจี่มีผลผลิต ทางไร่จะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่สนใจซื้อลิ้นจี่เข้ามาเก็บผลผลิตจากต้นได้อย่างสนุกสนาน สำหรับลิ้นจี่พันธุ์ป้าอี๊ด มีลักษณะเด่นในเรื่อง ผลกลมโต หนามแหลม รสหวาน เนื้อสวยใส เมล็ดลีบเล็ก ด้านรสชาติ ลิ้นจี่พันธุ์นี้มีรสชาติอร่อยไม่แพ้พันธุ์กุ๊ยบิ ซึ่งเป็นลิ้นจี่พันธุ์ดีที่สุดของจีน แต่จุดอ่อนสำคัญของลิ้นจี่พันธุ์ป้าอี๊ดคือ ติดผลยาก หากอากาศไม่หนาวเย็นเพียงพอ
ไร่ บี.เอ็น. เน้นดูแลจัดการสวนในเชิงเกษตรอุตสาหกรรม โดยนำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลเข้ามาใช้ดำเนินงาน เช่น ใช้รถตัดหญ้า รถพ่นยา ให้ปุ๋ยพร้อมกับการให้น้ำผ่านระบบสปริงเกลอร์ เปิดให้น้ำทุกๆ 4 วัน การดูแลสวนลิ้นจี่ในรูปแบบนี้จึงสะดวก รวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปลูกต้นลิ้นจี่ในระบบชิด
เดิม ไร่ บี.เอ็น. ปลูกต้นลิ้นจี่ในระยะห่าง 8×8 เมตร ต่อมา คุณโจ้ ได้พัฒนาการปลูกลิ้นจี่ใหม่ในระบบชิด เช่นเดียวกับการปลูกลิ้นจี่ของจีน โดยทดลองปลูกลิ้นจี่ในระยะห่าง 3×3.50 เมตร จำนวน 150 ต้น ในพื้นที่ 1 ไร่ เมื่อต้นลิ้นจี่อายุ 1 ปีครึ่ง จะดูแลควบคุมทรงต้นไม่ให้สูงเกิน 2 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลจัดการสวน ซึ่งต้นลิ้นจี่ที่ปลูกในระบบชิด สามารถผลิดอกออกผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยให้ผลผลิตครั้งแรกเมื่ออายุปลูกเพียงปีเศษเท่านั้น นอกจากนี้ ทาง ไร่ บี.เอ็น. ยังได้ประยุกต์เทคนิคการควั่นกิ่งจากจีนมาใช้ในช่วงที่ต้นลิ้นจี่ติดผล สามารถลดปัญหาผลร่วง และช่วยให้ต้นลิ้นจี่มีรสชาติดีขึ้น
ลิ้นจี่ต้นเตี้ย ดูแลง่าย
แปลงปลูกลิ้นจี่ที่เดินชมในครั้งนี้ ปลูกต้นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด และพันธุ์ป้าอี๊ดไว้หลายรุ่น ต้นลิ้นจี่มีอายุตั้งแต่ 10-40 ปี สำหรับต้นลิ้นจี่ที่มีอายุมากถึง 40 ปี กลับมีลักษณะต้นเตี้ย เพียง 3 เมตรกว่า เมื่อเทียบกับต้นลิ้นจี่ในสวนทั่วไป ที่มักมีความสูงประมาณ 7-8 เมตร เนื่องจากต้นลิ้นจี่ใน ไร่ บี.เอ็น. ผ่านการทำสาวมาแล้วนั่นเอง สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดูแลต้นลิ้นจี่แบบเดิมลงได้ถึง 80%
คุณโจ้ บอกว่า ได้เรียนรู้เทคนิคการทำสาวลิ้นจี่ให้มีลักษณะต้นเตี้ยลง จาก “พ่อหลวงมนัส” เจ้าของสวนลิ้นจี่ศรินทิพย์ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เทคนิคการทำสาวต้นลิ้นจี่ จะเน้นตัดแต่งกิ่งอย่างหนักหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จในแต่ละปี กิ่งที่มีความสูงเกิน 3 เมตร จะตัดออกทั้งหมดเพื่อให้ต้นลิ้นจี่สามารถรับแสงแดดได้ง่ายขึ้น
หลังจากตัดแต่งกิ่งเสร็จแล้ว ต้นลิ้นจี่จะแตกกิ่งออกมาเป็นจำนวนมาก จะต้องคัดเลือกตัดแต่งทิ้งอีกรอบ สำหรับกิ่งที่แตกออกด้านข้างจะเก็บไว้ตลอด แต่กิ่งน้ำค้างหรือกิ่งกระโดงที่อยู่สันกิ่ง ตรงกลางทรงพุ่ม คุณโจ้จะเก็บไว้ในช่วงแรกไม่เกิน 2 ปี จึงค่อยตัดกิ่งออก เพื่อให้ลำต้นแบกน้ำหนักกิ่งน้อยลง เทคนิคการตัดแต่งกิ่งดังกล่าว ช่วยให้ต้นลิ้นจี่ติดผลทั้งในทรงพุ่มและที่ปลายทรงพุ่ม ผลผลิตที่อยู่ภายในทรงพุ่มจะมีคุณภาพที่ดีกว่าปลายทรงพุ่มด้วยซ้ำไป
เทคนิคการดูแลตัดแต่งลิ้นจี่ให้มีลำต้นที่เตี้ยลง ช่วยให้ต้นลิ้นจี่เติบโตได้ดีขึ้นด้วย เพราะต้นลิ้นจี่สามารถดูดกินน้ำและแร่ธาตุได้ดีกว่าเดิม ให้ผลผลิตเร็วขึ้น และมีคุณภาพดีเป็นการตอบแทนแล้ว ยังช่วยให้คนงานดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาและแรงงานไปพร้อมๆ กัน
เทคนิคใหม่ในการค้ำกิ่ง
ต้นลิ้นจี่ อายุ 40 ปี ที่ผ่านการทำสาว จนมีลักษณะต้นเตี้ย เมื่อเวลาติดผล พวงลิ้นจี่จะห้อยติดถึงดินเลย ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพไม่ดี จึงต้องเสียเวลาค้ำกิ่งด้วยไม้ไผ่ และหลังสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวก็ต้องเสียเวลาเก็บไม้ไผ่ มิฉะนั้น จะตัดหญ้าไม่ได้ ดังนั้น การค้ำไม้ไผ่ เป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมากในแต่ละปี
คุณโจ้ จึงใช้วิธีฝังเสาปูนตรงกลางต้นลิ้นจี่ และติดสายสลิงเพื่อโยงดึงกิ่ง แทนการค้ำกิ่งด้วยไม้ไผ่เหมือนในอดีต เทคนิคการค้ำกิ่งแบบใหม่ของคุณโจ้ ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก เพราะจ่ายค่าเสาปูนแค่ต้นละพันกว่าบาทเท่านั้น แต่มีอายุการใช้งานได้นานหลายสิบปี ช่วยประหยัดเวลาการทำงานและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ก้อนโต ไอเดียนี้น่าสนใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับไม้ผลอื่นๆ ได้เช่นกัน
หากใครสนใจอยากแลกเปลี่ยนข้อมูลการปลูกลิ้นจี่ สามารถเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมสวนลิ้นจี่ของ ไร่ บี.เอ็น. (B.N.) ได้ที่ เลขที่ 49 หมู่ที่ 11 บ้านทุ่งนางแล ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center : 096-879-0324 และ Line ID : bn.1969
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกวันที่ 26 กรกฎาคม 2559