“ ลิ้นจี่ พันธุ์ป้าชิด 2” แห่งไร่ บี.เอ็น. รสชาติอร่อย เนื้อแห้งหนา รสหวานหอม เมล็ดลีบเล็ก

ไร่ บี.เอ็น. (B.N.)… นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์  ที่นี่จำหน่ายพืชผัก ผลไม้ นานาชนิดตามฤดูกาลแล้ว ยังมีจุดเด่นสำคัญอีกอย่างคือ รวบรวมสายพันธุ์ลิ้นจี่ คุณภาพดีของประเทศจีน เช่น พันธุ์กุ๊ยบิ และพันธุ์ลิ้นจี่ที่ทางไร่ได้พัฒนาขึ้นมาเองให้มีคุณสมบัติที่ดีและเหมาะสมกับท้องถิ่น ได้แก่ พันธุ์ป้าชิด พันธุ์ป้าอี๊ด พันธุ์ลุงเจิด ซึ่งมีลักษณะผลโต เนื้อแห้งหนา รสหวานหอม เมล็ดส่วนใหญ่ลีบเล็ก โดยมีผลผลิตให้ชิมระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนกรกฎาคมของทุกปี

48 ปี ไร่ บี.เอ็น.  

คุณโจ้ หรือ คุณจุลพงษ์ คุ้นวงศ์ “ผู้จัดการไร่ บี.เอ็น. และน้องสาว คือ คุณชลธิชากร คุ้นวงศ์ ซึ่งรับผิดชอบด้านการตลาดของไร่บี.เอ็น. เล่าให้ฟังว่า  “คุณบรรเจิด คุ้นวงศ์” คุณพ่อของพวกเขาได้เข้ามาบุกเบิกทำไร่บี.เอ็น. เมื่อปี 2512 โดยปลูกไม้ผลหลายชนิด เช่น ส้ม มะม่วง อะโวกาโด พลับ ลำไย น้อยหน่าออสเตรเลีย

คุณบรรเจิด สนใจปลูกลิ้นจี่ จึงได้นำเข้าพันธุ์ลิ้นจี่คุณภาพดีจากจีน เข้ามาปลูก เช่น พันธุ์กุ๊ยบิ พันธุ์จุดบิจี๊  ควบคู่กับการพัฒนาสายพันธุ์ลิ้นจี่จากการเพาะเมล็ด จนประสบความสำเร็จได้ “ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2” ซึ่งเป็นชื่อของคุณแม่ของคุณโจ้ ลิ้นจี่พันธุ์นี้ มีคุณภาพดี เหมาะสำหรับปลูกเชิงเกษตรอุตสาหกรรม เพราะให้ผลผลิตคุณภาพดี และติดผลง่ายกว่าลิ้นจี่พันธุ์อื่นๆ

 

คุณจุลพงษ์ – คุณชลธิชากร คุ้นวงศ์ สองพี่น้องผู้บริหารไร่ บี.เอ็น.

ทางไร่ บี.เอ็น. วางแผนขยายพื้นที่การปลูกลิ้นจี่ป้าชิด เพื่อส่งออกไปขายตลาดญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่ เพราะมั่นใจว่า คุณภาพลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดสู้กับลิ้นจี่จีนได้อย่างสบาย แถมยังได้เปรียบในเรื่องช่วงการขายอีกต่างหาก เพราะลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดมีผลผลิตออกก่อนลิ้นจี่จีนถึง 1 เดือน (มิถุนายน-กรกฎาคม) ขณะที่ลิ้นจี่จีนมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ของทุกปี

จุดเด่นของ ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด

ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดเริ่มเป็นที่รู้จักในท้องตลาดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เนื่องจากมีลักษณะเด่นที่โดนใจผู้บริโภคทั่วไปนั่นคือ ผลโต มีรสชาติหวาน กรอบ เนื้อแห้งหนา มีเมล็ดเล็กลีบเป็นจำนวนมาก ทางไร่จะคัดผลผลิตออกขายใน 2 เกรด คือ เกรดพรีเมียร์ เน้นคัดผลสวย เมล็ดลีบเล็ก และตัดก้านสั้น และสินค้าเกรดเอ   คัดผลสวย มีก้าน เมล็ดขนาดปกติแต่มีรสชาติอร่อยเหมือนเกรดพรีเมียร์

ปักเสาปูนใกล้ต้นลิ้นจี่ เพื่อทำหน้าที่ดึงกิ่ง แทนการใช้ไม้ไผ่ค้ำยัน

หากใครได้เดินช็อปปิ้งในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น Gourmet Market และ Home Fresh Mart อาจจะเห็นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด บรรจุในเข่งไม้ไผ่วางขาย ติดยี่ห้อไร่บี.เอ็น.มาบ้างแล้ว จุดเด่นในเรื่องรสชาติความอร่อยของลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ซื้อทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ เรียกว่า คุณภาพของลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด สู้กับลิ้นจี่จีนได้อย่างสบายๆ ทำให้สินค้าชนิดนี้ขายดิบขายดี เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วไป จนผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด

ดูแลสวนแบบ “เกษตรอุตสาหกรรม”

เนื้อที่ 60 ไร่ บริเวณด้านหน้าไร่ บี.เอ็น. ปลูกต้นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2 และพันธุ์ป้าอี๊ด ในช่วงที่ต้นลิ้นจี่มีผลผลิต ทางไร่จะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่สนใจซื้อลิ้นจี่เข้ามาเก็บผลผลิตจากต้นได้อย่างสนุกสนาน  สำหรับลิ้นจี่พันธุ์ป้าอี๊ด มีลักษณะเด่นในเรื่อง ผลกลมโต หนามแหลม รสหวาน เนื้อสวยใส เมล็ดลีบเล็ก ด้านรสชาติ ลิ้นจี่พันธุ์นี้ มีรสชาติอร่อยไม่แพ้พันธุ์กุ้ยบี ซึ่งเป็นลิ้นจี่พันธุ์ดีที่สุดของจีน แต่จุดอ่อนสำคัญของลิ้นจี่พันธุ์ป้าอี๊ดคือ ติดผลยาก หากอากาศไม่หนาวเย็นเพียงพอ

ไร่บี.เอ็น. เน้นดูแลจัดการสวนในเชิงเกษตรอุตสาหกรรม โดยนำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลเข้ามาใช้ดำเนินงาน เช่น ใช้รถตัดหญ้า รถพ่นยา ให้ปุ๋ยพร้อมกับการให้น้ำผ่านระบบสปริงเกลอร์ เปิดให้น้ำทุกๆ 4 วัน  การดูแลสวนลิ้นจี่ในรูปแบบนี้ จึงสะดวก รวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปลูกต้นลิ้นจี่ในระบบชิด

เดิมไร่บี.เอ็น. ปลูกต้นลิ้นจี่ในระยะห่าง 8X8 เมตร ต่อมา คุณโจ้ได้พัฒนาการปลูกลิ้นจี่ใหม่ในระบบชิด เช่นเดียวกับการปลูกลิ้นจี่ของจีน โดยทดลองปลูกลิ้นจี่ ในระยะห่าง 3X3.50 เมตร จำนวน 150 ต้น ในพื้นที่ 1 ไร่ เมื่อต้นลิ้นจี่อายุ 1.6 ปี จะดูแลควบคุมทรงต้นไม่ให้สูงเกิน 2 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลจัดการสวน ซึ่งต้นลิ้นจี่ที่ปลูกในระบบชิด สามารถผลิดอกออกผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยให้ผลผลิตครั้งแรกเมื่ออายุปลูกเพียงปีเศษเท่านั้น นอกจากนี้ ทางไร่บี.เอ็น.ยังได้ประยุกต์เทคนิคการควั่นกิ่งจากจีน มาใช้ในช่วงที่ต้นลิ้นจี่ติดผล สามารถลดปัญหาผลร่วง และช่วยให้ต้นลิ้นจี่มีรสชาติดีขึ้น

 ลิ้นจี่ต้นเตี้ย ดูแลง่าย

แปลงปลูกลิ้นจี่ ที่เดินชมในครั้งนี้ ปลูกต้นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดไว้หลายรุ่น ต้นลิ้นจี่มีอายุตั้งแต่ 10- 40 ปี สำหรับต้นลิ้นจี่ที่มีอายุมากถึง 40 ปี แต่มีลำต้นเตี้ย เพียงแค่ 3 เมตรกว่า เมื่อเทียบกับต้นลิ้นจี่ในสวนทั่วไป ที่มักมีความสูงประมาณ 7-8 เมตร เพราะต้นลิ้นจี่ในไร่บี.เอ็น. ผ่านการทำสาวมาแล้วนั่นเอง  สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดูแลต้นลิ้นจี่แบบเดิมลงได้ถึง 80%

คุณโจ้ บอกว่า ได้เรียนรู้เทคนิคการทำสาวลิ้นจี่ให้มีลักษณะต้นเตี้ยลง จาก “พ่อหลวงมนัส” เจ้าของสวนลิ้นจี่ศรินทิพย์ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เทคนิคการทำสาวต้นลิ้นจี่ จะเน้นตัดแต่งกิ่งอย่างหนักหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จในแต่ละปี กิ่งที่ความสูงเกิน 3 เมตร จะตัดออกทั้งหมด เพื่อให้ต้นลิ้นจี่สามารถรับแสงแดดได้ง่ายขึ้น

 

หลังจากตัดแต่งกิ่งเสร็จแล้ว ต้นลิ้นจี่จะแตกกิ่งออกมาเป็นจำนวนมากจะต้องคัดเลือกตัดแต่งทิ้งอีกรอบ  สำหรับกิ่งที่แตกออกด้านข้างจะเก็บไว้ตลอด แต่กิ่งน้ำค้าง หรือ กิ่งกระโดง ที่อยู่สันกิ่ง ตรงกลางทรงพุ่ม คุณโจ้จ ะเก็บไว้ในช่วงแรกไม่เกิน 2 ปี จึงค่อยตัดกิ่งออก เพื่อให้ลำต้นแบกน้ำหนักกิ่งน้อยลง เทคนิคการตัดแต่งกิ่งดังกล่าว ช่วยให้ต้นลิ้นจี่ติดผลทั้งในทรงพุ่มและที่ปลายทรงพุ่ม ผลผลิตที่อยู่ภายในทรงพุ่มจะมีคุณภาพที่ดีกว่าปลายทรงพุ่มด้วยซ้ำไป

เทคนิคการดูแลตัดแต่งให้ลิ้นจี่ให้มีลำต้นที่เตี้ยลง ช่วยให้ต้นลิ้นจี่เติบโตได้ดีขึ้นด้วย เพราะต้นลิ้นจี่ สามารถดูดกินน้ำและแร่ธาตุได้ดีกว่าเดิม ให้ผลผลิตเร็วขึ้น และมีคุณภาพดีเป็นการตอบแทนแล้ว ยังช่วยให้คนงานดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาและแรงงานไปพร้อมๆ กัน

เทคนิคใหม่ในการค้ำกิ่ง

ต้นลิ้นจี่อายุ 40 ปี ที่ผ่านการทำสาว จนมีลักษณะต้นเตี้ย เมื่อเวลาติดผล พวงลิ้นจี่จะห้อยติดถึงดินเลย ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพไม่ดี จึงต้องเสียเวลาค้ำกิ่งด้วยไม้ไผ่ และหลังสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวก็ต้องเสียเวลาเก็บไม้ไผ่ มิฉะนั้นจะตัดหญ้าไม่ได้  ดังนั้น การค้ำไม้ไผ่เป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมากในแต่ละปี

 

คุณโจ้ จึงใช้วิธีฝังเสาปูนตรงกลางต้นลิ้นจี่ และติดสายสลิงเพื่อโยงดึงกิ่ง แทนการค้ำกิ่งด้วยไม้ไผ่เหมือนในอดีต เทคนิคการค้ำกิ่งแบบใหม่ของคุณโจ้ ใช้เงินลงทุนต่ำแต่ให้ผลลัพท์ที่ดีมาก เพราะจ่ายค่าเสาปูนแค่ต้นละพันกว่าบาทเท่านั้น แต่มีอายุการใช้งานได้นานหลายสิบปี ช่วยประหยัดเวลาการทำงานและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ก้อนโต ไอเดียนี้น่าสนใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับไม้ผลอื่นๆ ได้เช่นกัน

หากใครสนใจอยากแลกเปลี่ยนข้อมูลการปลูกลิ้นจี่ สามารถเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมสวนลิ้นจี่ ของไร่บี.เอ็น. (B.N.) ได้ที่ ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center : 096-8790324  และ Line ID : bn.1969