กัลยาณี อ่อนทอง เกษตรกรต้นแบบ (Smart Farmer) เกาะยาว พังงา เศรษฐกิจพอเพียง สร้างความยั่งยืน

คุณกัลยาณี อ่อนทอง เกษตรกรต้นแบบ (Smart Farmer) อำเภอเกาะยาว พังงา ใช้ชีวิตตามหลักปรัชญา “ เศรษฐกิจพอเพียง” สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

โดยสวนตั้งอยู่ หมู่ที่ 1 บ้านท่าค่าย ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นสวนเกษตรผสมผสาน ในพื้นที่ 1.5 ไร่ ปลูกพืชหลากหลายชนิด เช่น มะละกอ กล้วยหอม ฝรั่ง เสาวรส มัลเบอรี่ มะพร้าวน้ำหอม แก้วมังกร มะนาว พืชผักสวนครัว เพาะถั่วงอก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ไว้บริโภคในครัวเรือน และจำหน่ายเป็นรายได้เสริม

นอกจากนี้ ยังปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ และผักในโรงเรือนระบบปิด ขนาด 6×20 เมตร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรจังหวัดพังงาและสำนักงานเกษตรอำเภอเกาะยาว เพื่อเป็นจุดเรียนรู้การปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ สนับสนุนการท่องเที่ยวของอำเภอเกาะยาว และยังมีไม้ยืนต้น อย่าง ต้นสักทอง ตะเคียนทอง อีกจำนวนหนึ่ง ปลูกไว้เพื่อเป็นร่มเงาและไว้สร้างที่อยู่อาศัยให้ลูกหลานในอนาคต


พืชที่สร้างรายได้หลักคือ ผักไฮโดรปนิกส์ ที่ปลูกทั้งผักกาดขาว ผักกาดเขียวปลี คะน้า กวางตุ้ง จำหน่าย กิโลกรัมละ 70 บาท และผักสลัด ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดมาก สามารถจำหน่ายได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 120 บาท สำหรับการปลูกผักชนิดไหน จะดูความต้องการของตลาดเป็นหลัก หรือที่เรียกว่าใช้ตลาดนำการผลิต ผักชนิดไหนปลูกแล้วขายดีก็จะปลูกผักชนิดนั้นมากหน่อย

สำหรับผักสลัดจะปลูกตลอด เนื่องจากมีลูกค้าประจำ ซึ่งจะขายดีมากช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ผักชนิดอื่นก็จะปลูกสลับหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี เพื่อตัดวงจรของโรคแมลงศัตรูพืช สำหรับโรงเรือนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นั้น ได้คิดค้นทำขึ้นเอง เพื่อลดต้นทุนค่าโรงเรือนที่มีราคาสูง ทำให้ลดต้นทุนการผลิตลงได้มาก

ส่วนพืชที่สร้างรายได้อีกชนิดคือ ถั่วงอกปลอดสาร เมื่อก่อนเคยเพาะถั่วงอกคอนโดฯ โดยการใช้กระสอบ แต่เน่าเสียง่าย เนื่องจากเชื้อรา และต้องใช้เวลามากกว่าจะเสร็จทุกขั้นตอน จึงปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะใหม่ เป็นแบบไม่ต้องใช้กระสอบ

วิธีทำก็ง่ายมาก เพียงแค่นำเมล็ดถั่วเขียวที่แช่น้ำไว้ 6-8 ชั่วโมง ใส่ในถังหรือกะละมังที่เจาะรูระบายน้ำไว้ด้านล่าง ปิดฝา และรดน้ำทุก 3 ชั่วโมง แค่ 3 วัน ก็สามารถจำหน่ายได้แล้ว แต่การเพาะทั้งสองวิธีนี้ต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีของถั่วงอกคอนโดฯ คือ ต้นจะอ้วนกว่า ดูสวยกว่า เพราะตัดรากออก ส่วนข้อเสียคือ มักเกิดเชื้อราได้ง่าย ทำให้ถั่วงอกเน่า และเสียเวลาในการทำทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเพาะ ตัดราก ขูดรากที่ติดอยู่ที่กระสอบออกล้างทำความสะอาดกระสอบ เสร็จแล้วก็นำไปตากแดดฆ่าเชื้อ กว่าจะเสร็จต้องใช้เวลานานพอสมควร

ส่วนข้อดีของการเพาะแบบไม่ต้องใช้กระสอบคือ ทำได้ง่าย ทำได้เร็วกว่า ช่วยลดการเน่าเสียได้มาก ลดต้นทุนค่ากระสอบ ลดขั้นตอนการทำลงได้มาก แต่มีข้อเสียคือ ถั่วงอกที่ได้จะผอมกว่าเล็กน้อย และดูไม่สวยเท่าถั่วงอกคอนโดฯ รากติดอยู่ แต่ถึงต้นจะผอมกว่าก็ไม่ได้ทำให้น้ำหนักน้อยลง เพราะไม่ได้เอารากออก และไม่ได้มีปัญหาเรื่องการตลาด เพราะลูกค้าทุกคนจะให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมากกว่าความสวยงาม สามารถจำหน่ายได้ราคากิโลกรัมละ 40 บาท

ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม สามารถเพาะถั่วงอกได้ 6 กิโลกรัม เพาะวันละ 2-3 กิโลกรัม ที่ผ่านมามีเกษตรกรและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน ซึ่งตนก็ยินดีให้คำแนะนำด้วยความเต็มใจ

คุณกัลยาณี อ่อนทอง

ในแต่ละวันนอกจากลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เนื่องจากทุกอย่างมีอยู่ในสวน ยังสามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายสร้างรายได้ วันละ 500-1,200 บาท ซึ่งพอเพียงต่อการดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง และต่อยอดโดยการขยายพื้นที่ปลูกให้มากกว่าเดิม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว เป็นการทำเกษตรแบบพอเพียงตามรอยพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงชี้นำแนวทางการทำการเกษตรที่ดีที่สุดให้ราษฎรของพระองค์

ช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ได้ทำงานอยู่ที่บ้านของตัวเอง ครอบครัวได้ทำงานร่วมกัน มีรายได้ทุกวัน อาจไม่ได้เงินมากมาย แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ ความสุข สุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ สุขที่ได้เห็นต้นไม้ทุกต้นเจริญเติบโตด้วยสองมือเรา และสุขที่ได้กินพืชที่ปลอดภัย ได้แบ่งปัน ได้จำหน่ายผักปลอดภัย คุณภาพดีให้ลูกค้า

น้ำหมักชีวภาพ

ซึ่งที่สวนจะไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดโรคแมลง แต่จะใช้สารชีวภัณฑ์และพืชสมุนไพรแทนสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้จากนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอเกาะยาว จึงมั่นใจได้ว่าพืชผักที่มาจากสวนทุกชนิด ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้โดยตรงที่ คุณกัลยาณี อ่อนทอง โทรศัพท์ (061) 342-1021 หรือ สำนักงานเกษตรอำเภอเกาะยาว โทรศัพท์ (076) -597-127