สาวหน่อย สาวน้อยนะจ๊ะ

ผมรู้จักคุณหน่อย หรือป้าหน่อย ที่เราเรียกกัน ป้าหน่อย – รุจีรา จุลบุตร สาว (เหลือ) น้อย แห่งหมู่ที่ 4 ตำบลวังสำโรง อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร  จากเรื่องราวการเล่าเรื่องผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค

เรื่องราวของสาวบ้านนอก ผู้เดินทางมุ่งหน้าเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ จากสาวนาเมืองชาละวันมาเป็นสาวออฟฟิศในเมืองกรุง ชีวิตก็ดูสวยงามดังหนึ่งความฝัน แต่วันเวลาที่ผ่านไปก็เริ่มได้คิด ‘เราทำงานหาเงินเดือนเอาไปทำอะไร ในเมื่อได้เงินมาแล้วก็เอาไปซื้ออาหาร ทำไมเราจึงไม่ทำงานสร้างอาหารเสียเลย’

ตั้งแต่วันที่เริ่มได้คิดก็เริ่มมองหาตัวตนจากสายตาแห่งความเป็นจริง ความอิ่มตัวกับงานประจำที่ทำดังหนึ่งหนูถีบจักร จึงปรึกษากับแม่ เพราะแม่ยังเป็นเกษตรกร และที่สำคัญอยากกลับไปดูแลแม่ด้วย จึงเริ่มด้วยการเป็นเกษตรกรวันหยุด เกษตรกรมือถือ

“ป้าหน่อยเริ่มจากอะไรน่ะ”

“เริ่มจากเบื่อ ชีวิตเป็นสิบปีที่วนๆ เวียนๆ อยู่กับบ้าน ออฟฟิศ และท้องถนน คือนั่งรถไปกลับวันละหลายชั่วโมงมาก ยังคิดว่าหากเอาเวลานั่งรถไปทำอาชีพอื่น น่าจะสร้างรายได้อีกไม่น้อย”

“เรื่องเกษตร เล่าที่มาที่ไปสักนิด”

“หน่อยเป็นลูกชาวนา ลูกเกษตรกรจ้า ก็เข้าเรียนตามเรื่องไปจนจบปริญญา หางานได้ตามที่คิดฝัน ทำงานอยู่เป็นสิบปีก็มาคิดว่าเราเดินมาถูกทางจริงหรือ ได้เงินเดือนมาก็หาซื้อของมากิน แล้วทำไมเราไม่ทำของกินเสียเลย แต่ความตั้งใจอีกอย่างคืออยากมาอยู่กับแม่ มาทำงานพร้อมกับดูแลแม่”

ในช่วงที่ยังทำงานออฟฟิศ ป้าหน่อยเริ่มปรับจากที่นามาทำไร่ ปลูกอ้อยและข้าวโพด ผลผลิตที่ได้ก็ถือว่าดีขึ้น แม้ยังทำงานประจำอยู่ก็ยังทำอาชีพเกษตรวันหยุดได้ เชื่อมั่นว่าอาชีพเกษตรกรรมจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้แน่นอน จึงเดินหน้าโครงการ 2 ไถที่ปลูกถั่ว

“ทำไมจึงหันมาปลูกถั่วล่ะครับ”

“หวังไว้สองอย่างจ้า หนึ่งคือไม่นานก็จะได้ขายถั่ว สองคือปรับปรุงดินก่อนที่จะลงมือทำสวนเกษตรต่อไป”

“แล้วดินดีจริงป่ะ”

“ดีจ้า หลังตากเก็บถั่วเสร็จ เราก็เอาต้นเอาเปลือกถั่วมาหมักลงดินอีกรอบ ทำแบบนี้ไม่นานก็จะเริ่มเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน”

หลังจากตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ป้าหน่อยก็โบกมืออำลาเพื่อนและสถานที่ทำงาน ใจหายอยู่บ้าง เพราะชีวิตต้องวนเวียนอยู่ในนี้มากว่าสิบปี ความผูกพันกับงาน กับเพื่อนร่วมงานก็ยังเป็นเรื่องที่มนุษย์ยังมีความรู้สึกเช่นนั้น แต่ด้วยใจที่ตั้งมั่นแล้วป้าหน่อยก็ครวญเพลง “จะไม่กลับหลัง ถ้ายังไม่ได้ดี…” มุ่งหน้ากลับมาหาแม่ กลับมาทำอีกอาชีพหนึ่งซึ่งบรรพบุรุษพาสร้างอาชีพนี้ไว้

“สภาพตอนนั้น กลับบ้านมา มีคนเข้าใจเราบ้างไหม”

“โอ๊ย! เจอมาสารพัดจ้า บางคนก็มองเราดังว่าเป็นนักรบผู้พ่ายแพ้ ไปทำงานเสียตั้งนาน พอไปไม่เป็นก็กลับมาตายรังก็มี แต่บางคนก็มาให้กำลังใจ บางคนก็คอยดูเราว่าจะทำได้ไหม จะไปได้สักกี่น้ำ คือเราต้องเข้าใจในความเป็นสังคมอ่ะนะ ทุกคนก็คิด ก็มองในมุมของตัวเอง ตรงนี้หน่อยไม่ว่าใครจ้า”

“มาเริ่มทำสวนตอนไหนครับ”

“จากแปลงนา ก็เปลี่ยนมาเป็นไร่ แล้วก็ปรับอีกครั้งกลายเป็นสวน หน่อยเริ่มจากไม้ผลที่ให้ผลผลิตเร็ว ดูแลไม่ยากนัก ก็มาลงเอยที่ฝรั่ง ตอนนั้นฝรั่งสุ่ยมี่กำลังเข้ามา ก็เลยปลูกฝรั่งสุ่ยมี่เป็นหลักจ้า”

“ดีไหมครับ”

“ดีจ้า ตอนกิ่งขายบ้าง ขายผลบ้าง ที่ไม่สวยก็ทำน้ำฝรั่ง เรียกว่าพอมีวิชาแปรรูปอยู่บ้างก็เลยไม่มีของเหลือจ้า”

“แล้วปลูกอย่างอื่นอีกไหม”

“หน่อยเดินตามศาสตร์พระราชาจ้า ทำเกษตรผสมผสาน ปลูกกล้วย มะนาว หม่อน มะม่วง มะเดื่อฝรั่ง ขุดบ่อเก็บน้ำและปล่อยปลาลงเลี้ยง แต่ก็ยังทำนาด้วยนะ ยังไงเราก็ยังกินข้าว ต้องทำนาไว้เอง”

“ผลผลิตที่ได้จัดการอย่างไรครับ”

“หน่อยเป็นแม่ค้าเองจ้า เราปลูกเองขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง”

“ราบรื่นดีไหม”

“ตอนแรกก็ทำอะไรไม่เป็นหรอกจ้า ติดขัดไปหมดแหละ อาศัยมีเพื่อนๆ พี่ๆ คอยช่วยแนะแนวทาง จนเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้น ตอนนี้ก็มีลูกค้าทั้งแวะเวียนเข้ามาและสั่งทางโซเชียลจ้า”

“ผมมองว่าป้าหน่อยทำครบคาถาหัวใจเกษตรกรเลยนะ ปลูกได้ ขายเป็น เน้นสตอรี่ มีดีที่การแปรรูป”

“คือที่นี่มีสตอรี่จริงๆ จ้า กว่าจะมาถึงวันนี้ ต้องผ่านการตัดสินใจที่หนักพอดู แล้วการจะปรับเปลี่ยนวิถีเดิมๆ ของแม่ที่ทำนามาทั้งชีวิตก็เป็นด่านที่หินไม่น้อย หน่อยเองก็ต้องลองผิดลองถูก การปรับปรุงดินก็ต้องใช้เวลา คือทุกเรื่องเรามาปรับเปลี่ยนใหม่หมดเลยแหละ”

“ถามเรื่องรายได้สักนิด ทุกวันนี้เพียงพอเหมือนตอนทำงานออฟฟิศไหม”

“คำว่าเพียงพอของแต่ละคนไม่เท่ากันจ้า หน่อยถือว่ามีรายได้เข้ามา รายจ่ายน้อยลง ไม่มีหนี้สิน ได้ดูแลแม่ ได้ทำงานที่ตัวเองรัก เท่านี้หน่อยว่าได้มากกว่าการเป็นสาวออฟฟิศมากมายเลยจ้า”

หากสนใจผลผลิตจากสวนนี้ หรือต้องการซื้อกิ่งพันธุ์ แจ้งป้าหน่อยได้เลยครับ ที่เบอร์ โทร. (086) 626-8383 กระซิบว่า หากแจ้งว่าอ่านเจอจากนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หรือถือนิตยสารติดไปที่สวนด้วย ป้าหน่อยบอกว่า จัดให้พิเศษเลยจ้า