ที่มา | เทคโนโลยีการเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | ศิริประภา เย็นยอดวิชัย |
เผยแพร่ |
“อินทผลัม” เป็นหนึ่งในพืชผลตระกูลเดียวกับมะพร้าว และ สะละ ซึ่ง คุณกรรภิรมย์ ทองประสาน เจ้าของสวนแม่รัตน์อินทผลัม ที่กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร วัย 41 ปี มีประสบการณ์การทำสวนอินทผลัมมา 14 ปี บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ ทำให้วันนี้เธอพร้อมที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือ กูรู ทางด้านอินทผลัม

โดยเธอเล่าให้ “เทคโนโลยีชาวบ้าน” ฟังด้วยว่า จากประสบการณ์ในการเป็นเกษตรกรที่คลุกคลีอยู่กับการปลูกอินทผลัมมานาน ทำให้วันนี้ให้ความสำคัญกับงานวิจัย โดยกำลังขอทุนงบประมาณร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ในการพัฒนาสายพันธุ์เคแอลวัน

เพราะอินทผลัมที่สวนส่วนใหญ่มีสายพันธุ์มาจาก คุณศักดิ์ ลำจวน หรือ โกหลัก อดีตบัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ปลูกอินทผลัมกินผลรายแรกของเมืองไทย ภายใต้ชื่อสายพันธุ์เคแอลวัน
“ตอนนี้ รองบประมาณอยู่ เราให้ตัวหน่อ และให้สายพันธุ์เคแอลวัน ในการทำเนื้อเยื่อด้วย ซึ่งเคแอลวัน เป็นของไทย เป็นของศิษย์เก่าแม่โจ้ เป็นสายพันธุ์แรกๆ เราให้ทางเกษตรศาสตร์ดู ไม่เจอเรื่องลิขสิทธิ์ เพราะบางสวนเอาพันธุ์จากเราไป เราให้ไปตั้งชื่อได้เลย แต่เราก็บอกว่า เอาสายพันธุ์มาจากโกหลัก ส่วนเนื้อเยื่อ จะได้ตามต้นแม่ของเขาเลย อย่างสายพันธุ์เคแอลวันของโกหลักที่เราได้มานั้นเป็นสายพันธุ์แท้มาเลย และจะมีการนำไปพัฒนา ซึ่งเราได้เมล็ดของต้นแม่ เอาเกสรผสม และเอาเมล็ดของเขาไปเพาะ ตอนนี้อาจจะได้ผลสีแดงมา อย่างที่สวนได้เป็นผลเขียวอร่อย เป็นลูกยาว ไม่กลม ซึ่งการนำพันธุ์ไปพัฒนาและวิจัยยังไม่ได้คุยกับโกหลักเป็นการส่วนตัว เพราะไปดูแล้วทำได้ในส่วนของการพัฒนาสายพันธุ์” คุณกรรภิรมย์ เล่าให้ฟัง
คนไทยชอบกินอินทผลัมแบบไหน
คุณกรรภิรมย์ บอกว่า มีหลายคนที่เลือกชิมแต่ละสายพันธุ์ ถ้าสายพันธุ์ที่หากินง่ายสุดคือ เดด เรดนัวร์ ซึ่งได้รับฉายาว่า เป็นราชินีแห่งอินทผลัมผลแห้งนั้น อยู่ที่กิโลกรัมละ 180-200 บาท หากินง่ายสุด แต่ถ้าเป็นเมดจูล (Medjool) อยู่ที่ กิโลกรัมละ 700-1,200 บาท เป็นสายพันธุ์จากตะวันออกกลาง แต่สายพันธุ์เหล่านี้มีห้องแล็บอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ต้องส่งเนื้อเยื่อมา ส่วนสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย เป็นสายพันธุ์บาร์ฮี (Barhi) และอัมเอ็ดดาฮาน (Um Ed Dahan)

ส่วนความรู้เหล่านี้ คุณกรรภิรมย์ เปิดใจอย่างเป็นกันเองว่า มาศึกษาเองทั้งหมด จากการทดลองปลูกอินทผลัมที่สวน โดยที่ไม่ได้จบทางด้านเกษตรกรรม และครอบครัวมาจากข้าราชการ
“คุณพ่อเป็นข้าราชการ อยู่สำนักงานสถิติแห่งชาติ และเกษียณอายุก่อนหมดเวลา หรือเออร์ลี่ และพอออกมาก็อยากผันตัวเองมาทำสวน ซึ่งอย่างที่สวนของคุณแม่รัตน์เป็นแม่ของสามี มีพื้นที่ 3 ไร่เศษ สามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าได้ และประหยัดค่าแรงงานในการจัดเก็บผลผลิต อย่างถ้า อินทผลัม ออกผลต้นหนึ่ง 200 กิโลกรัม ต่อปี เราปลูก 1,000 ต้น ค่าแรงงานต้องใช้เท่าไร ถ้าเราใช้เทคโนโลยีก็คือ เครื่องจักรในการขึ้นลงเก็บเท่านั้น ซึ่งการทำสวนอินทผลัมนั้น ไม่ได้ศึกษาจากไหน แต่ทดลองผิด ทดลองถูกจากสวนของตัวเอง บางสวนใช้ขี้ค้างคาว ถ้าภูมิประเทศในจังหวัดสมุทรสาคร ได้น้ำทะเล ได้น้ำกร่อย ศึกษาจากเรื่องดินเสร็จ พอมีลูกค้าทางภาคอีสานมาที่สวน ก็แนะนำให้ใช้เกลือผสม ให้ดินชูรสขึ้นมา ผลผลิตก็จะมีความหวานมากขึ้น รสชาติดีขึ้น” คุณกรรภิรมย์ เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี

อุปสรรคที่เจอ
ส่วนปัญหาที่พบในการทำสวนอินทผลัมนั้น ส่วนใหญ่มาจาก “ด้วง” ซึ่ง คุณกรรภิรมย์ อาจใช้สารเคมีบ้างเล็กน้อยผสมกับการเผาหญ้าเพื่อใช้ควันไล่แมลง
“ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื่องด้วง อาจใช้สารเคมีบ้าง แต่ถ้าเรามีปริมาณน้อยก็มีเวลาสำรวจได้ ได้แต่ไล่ และอีกตัวหนึ่งใช้ควันเผาขยะ มันจะไล่ด้วงได้ เรียกภูมิปัญญาเก่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ปัจจุบัน ทางหน่วยงานท้องถิ่นจะไม่ให้เผา เพราะรบกวนต่อผู้อยู่อาศัย แต่เราก็ทำ โดยใช้อ้างอิงว่า นำควันไล่ตัวด้วง” คุณกรรภิรมย์ เล่าให้ฟัง
วิธีการปลูก
สำหรับวิธีการปลูกอินทผลัมนั้น คุณกรรภิรมย์ เผยเคล็ดลับว่า อินทผลัมเป็นพืชตะกูลเดียวกับมะพร้าว เหมือนกับสะละ ต้องมีเกสรตัวผู้ในการผสมพันธุ์ ที่สวนมีการผสมพันธุ์เอง เพราะธรรมชาติของอินทผลัม ตัวผู้จะออกก่อนประมาณ 1 เดือน เมื่อตัดเกสรตัวผู้มาเก็บไว้ และเคาะจากละอองของเขา จากนั้นนำไปใส่กับพืชตระกูลเดียวกัน โดยไม่รอธรรมชาติ ก็จะให้ผลผลิตที่ดี
“เราตัดเกสรตัวผู้มาเก็บไว้เหมือนกับตัดดอกไม้ ไปใส่กับพืชตระกูลเดียวกัน โดยไม่ต้องรอผึ้ง เพราะถ้ารอผึ้ง ลูกไม่ติด ได้ผลผลิตไม่เยอะ สู้เราผสมให้เองไม่ได้ แต่ถ้ามีพื้นที่เป็นพันไร่ เขาจะเลี้ยงผึ้ง เพราะเขาผสมไม่ไหว มันไม่ยาก แต่จะยากตอนเก็บ ที่สวนใช้คนงาน 2 คน คือคนโกยท้องร่อง กับคนเก็บหญ้า เพราะต้นอินทผลัมไม่ชอบใบไม้ใบหญ้าที่ขึ้นรกต้น ซึ่งอย่างตอนนี้ที่สวน ต้นอินทผลัมต้นใหญ่ออก 30 ทะลาย บางทะลายมีน้ำหนัก 20-30 กิโลกรัมต่อทะลาย แรงผู้หญิงไม่เยอะเหมือนผู้ชาย ก็จะจ้างคนโยง พอเก็บผลผลิตเสร็จ ก็จ้างคนตกแต่งใบ ให้ปุ๋ยขี้นก” คุณกรรภิรมย์ เล่าให้ฟัง

เคล็ดลับการทำสวนอินทผลัม
คุณกรรภิรมย์ แนะเคล็ดลับในการทำสวนอินทผลัมว่า ต้องมีใจรัก และอย่าคาดหวังผลผลิตมากนั้น เพราะถ้าไม่ได้อย่างที่คาดหวังจะเสียใจ และไม่ควรปลูกอินทผลัมตามกระแส เพราะจะเป็นการกดดันตัวเองในส่วนของการลงทุนทำสวนอินทผลัม นอกจากนี้ ยังใช้เทคนิคการทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นผ่านการทำตลาดด้วยเทคโนโลยี 4จี
“ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนมาด่าเลยในเฟซบุ๊ก อย่างที่สวนขายออนไลน์ด้วย อันดับแรกถามลูกค้าก่อน กินรสไหน อันนี้ลูกเล็ก รสชาติหวาน กรอบ เอาไหม เขาเชื่อทันที แต่อันนี้ลูกใหญ่ รสชาติถูกปากเอาไหม”
กลยุทธ์การตลาด
คุณกรรภิรมย์ ฝากกลยุทธ์ในการทำสวนอินทผลัมให้ประสบความสำเร็จด้วยการตลาดที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ ทำให้ 14 ปี ของสวนแม่รัตน์ ที่กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ได้รับเชิญจากจังหวัดให้เป็นโอท็อปของจังหวัด ประเภทผลไม้ของแปลก

สนใจแวะชิม อินทผลัม “สวนแม่รัตน์” และพูดคุยถึงเทคนิคการปลูกอินทผลัมตามแบบฉบับเศรษฐกิจพอเพียง บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ ได้ที่ คุณกรรภิรมย์ ทองประสาน เบอร์โทร. (080) 669-2932 และ (061) 623-6194
18 สิงหาคม 2561 นี้ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน จัดสัมมนาอินทผลัมกินผล ดูรายละเอียดในเล่ม แล้วรีบจองที่นั่งด่วน ช้าอาจเต็ม