“อาร์ทูอีทู” มะม่วงดีจากต่างแดน ปลูกดีตลาดต้องการ

“มะม่วงอาร์ทูอีทู” มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เป็นมะม่วงพันธุ์การค้าของประเทศออสเตรเลีย ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา ถูกพัฒนามาจากมะม่วงพันธุ์เคนท์ (Kent) ปัจจุบัน อาร์ทูอีทู เป็นมะม่วงที่มีการปลูกมากเป็น อันดับ 2 ของประเทศออสเตรเลีย อันดับ 1 คือ พันธุ์เคนซิงตัน ไพรด์

ลักษณะเด่นของอาร์ทูอีทู

คือเป็นพันธุ์มะม่วงที่มีอายุการเก็บรักษานานหลังการเก็บเกี่ยวและเป็นที่ต้องการของตลาดส่งออก คุณวารินทร์ ชิตะปัญญา นับเป็นเกษตรกรไทยรายแรกที่ปลูกมะม่วงสายพันธุ์นี้ในเชิงการค้า โดยนำมาปลูกในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง  ปรากฏว่า ได้ผลผลิตและคุณภาพไม่แพ้ที่ปลูกในออสเตรเลีย

มะม่วงอาร์ทูอีทู ที่ปลูกในไทยจะมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดในช่วงเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม มะม่วงอาร์ทูอีทูเป็นสายพันธุ์ที่บังคับให้ออกนอกฤดูได้ยากกว่าพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง แม้จะมีการใช้สารแพคโคลบิวทราโซลราดเพื่อบังคับก็ตาม ทั้งนี้ มะม่วงอาร์ทูอีทู มีจุดเด่นในเรื่องช่อดอกใหญ่และดอกสมบูรณ์เพศจึงติดผลได้ง่ายมาก เรียกว่า หากต้นมะม่วงออกดอกแล้วโอกาสติดผลมีสูงมาก

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

มะม่วงอาร์ทูอีทู เป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงปานกลางถึงสูงมาก ลักษณะเป็นทรงพุ่ม กิ่งเปราะ และหักง่าย ลักษณะของดอกมะม่วงอาร์ทูอีทู มีความยาวของช่อดอก 20-50 เซนติเมตร ความกว้างของช่อดอก 10-20 เซนติเมตร ความหนาแน่นของขนมีน้อยมากหรือไม่มีเลย สีของดอกมีสีแดงด้านๆ และมีเปอร์เซ็นต์ของดอกสมบูรณ์เพศเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการติดผลได้ง่ายกว่ามะม่วงพันธุ์อื่น ผลมีลักษณะกลม เนื้อแข็ง ผลค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักประมาณ 800 กรัม ต่อผล ปริมาณเนื้อผลประมาณ 81.61% เมื่อสุกผิวผลจะมีสีเหลืองอมแดง เนื้อสีเหลืองมะนาว ไม่มีเสี้ยน รสหวาน

จุดเด่นที่ควรปลูก

มะม่วงอาร์ทูอีทู จัดเป็นมะม่วงประเภทกินสุกที่มีขนาดผลใหญ่ มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 800 กรัม-1 กิโลกรัม เมื่อผลสุกสีของผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมชมพูเป็นสีเหลืองอมแดงสวยงามสะดุดตาต่อผู้บริโภค จัดเป็นมะม่วงที่มีเนื้อละเอียดเนียนและลักษณะเนื้อแข็งเหมือนมะละกอไม่มีเสี้ยน เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการมะม่วงที่ไม่มีรสหวานจัด เพราะมีค่าความหวานเพียง 18 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ ที่สำคัญ ไม่มีกลิ่นเหม็นขี้ไต้

วิธีปลูก ดูแลรักษา

มะม่วงอาร์ทูอีทู ใช้หลักการปลูกและดูแลเช่นเดียวกับมะม่วงพันธุ์ไทยทั่วไป สามารถปลูกได้ทั่วประเทศ แต่พบว่า มะม่วงอาร์ทูอีทูที่ปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น กลับช่วยให้สีผิวของมะม่วงอาร์ทูอีทูสวยงามกว่าการปลูกในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก อาร์ทูอีทูเป็นมะม่วงที่ขนาดทรงพุ่มใหญ่  ควรปลูกในระยะ 6×6 เมตร เป็นอย่างน้อย ต้นมะม่วงอาร์ทูอีทูจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีแรก และจะเจริญเติบโตช้าเมื่อต้นมีอายุประมาณ 4-5 ปี  ต้มะม่วงจะเริ่มให้ผลผลิตในระยะนี้ด้วย เมื่อ าร์ทูอีทู มีอายุ 6 ปี อาจมีความสูงถึง 6 เมตร หรือมากกว่า

ในช่วง 2-3 ปีแรก ถ้าต้นมะม่วง อาร์ทูอีทู ไม่ได้รับการแต่งกิ่ง ต้นจะสูงมากและให้ผลน้อยลง ดังนั้น ช่วง 2 ปีแรก ควรตัดแต่งกิ่ง 2-3 ครั้ง ต่อปี เพื่อให้กิ่งก้านอยู่ในรูปทรงที่ดี เพื่อจะรองรับน้ำหนักของผลผลิตในช่วงปีต่อๆ ไป เมื่อต้นอายุ 5-6 ปี การเจริญเติบโตจะช้าลง แต่การแต่งกิ่งยังต้องทำต่อเนื่องทุกปี

หลังจากต้นมะม่วงอาร์ทูอีทูติดผลมีขนาดเท่าผลส้มเขียวหวาน ควรคัดเลือกไว้เพียงหนึ่งผลต่อหนึ่งช่อ ตัดแต่งกิ่งให้มีสภาพโปร่ง จะช่วยเพิ่มสีผิวผลของผลมะม่วงที่มีสีแดงให้มีผิวสวยมากขึ้น เนื่องจากผิวผลที่โดนแสงมากขึ้น จะช่วยสร้างเม็ดสีแดง ที่เรียกว่า สารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ที่เปลือกมากขึ้น

ช่วงก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต ประมาณ 1 เดือน ควรฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น โพแทสเซียมไนเตรต เพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อ และความหวาน เพื่อให้ได้มะม่วงอาร์ทูอีทูผลแก่ ที่มีรสชาติหวาน ควรเก็บเกี่ยวในช่วงที่จมูกของผลมีลักษณะสีเหลือง ผลผลิตที่เก็บในช่วงนี้จะยังคงมีความแข็งแรงพอที่จะบรรจุใส่กล่องและส่งไปถึงยังตลาดในช่วงที่เหมาะสมแก่การรับประทาน