พลิกวิกฤต! ชาวนาเปลี่ยนทำนา หันปลูกต้นดาวเรือง สร้างรายได้ดีกว่า ชีวิตสบายขึ้น!

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม เกษตรกรชาวอ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ส่วนใหญ่ จะประกอบอาชีพทำนา แต่หลังจากเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ทางราชการได้รณรงค์ให้เกษตรกร เปลี่ยนการทำนามาปลูกพืชทนแล้งแทน นางประนอม ทองนาค อายุ 48 ปี เกษตรกรที่บ้านหนองปลิง ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เปลี่ยนการทำนามาเป็นการปลูกดอกดาวเรือง

โดยแบ่งพื้นที่ทำกิน จำนวน 6 ไร่ จากจำนวน 30 ไร่ มาปลูกต้นดาวเรือง โดยได้หาซื้อต้นพันธุ์มาจากเซลล์รายหนึ่งในราคาต้นละ 2 บาท และสัญญาว่าจะดูแลการปลูกจนเก็บผลผลิต แต่เมื่อลงมือปลูกก็หายตัวไปเลย ตนจึงได้ดูแลต้นดาวเรืองเองตามลำพัง ทั้งๆ ที่ประสบกับภัยแล้งอย่างหนัก พร้อมกับหาผู้รับซื้อเองจากในตัวเมืองพิษณุโลก

นางประนอม กล่าวว่า ดอกดาวเรืองก็สามารถทนแล้งมาได้จนปัจจุบัน และที่สำคัญไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีในดอกดาวเรือง เพราะต้องการลดต้นทุนการผลิต และปลอดสารพิษ เวลาผ่านไป 3 เดือน และได้ย่างเข้าฤดูฝนแล้ว ดอกดาวเรืองเจริญเติบโตขึ้นจากเคยเก็บดอกระดับเข่า ปัจจุบันเท่ากับราวนมแล้ว คาดว่าอีกเดือนหนึ่งจะสูงท่วมหัวแน่ แต่ดอกก็ยังออกดกมาก ต้องจ้างคนมาเก็บ วันละ 10 คน คนละ 300 บาท โดยเก็บวันเว้นวัน

ปัจจุบันได้มีพ่อค้าจากปากคลองตลาดมารับซื้อในราคารวมๆ ตกดอกละ 0.75 บาท (75 สตางค์) ครั้งหนึ่งจะได้เงินประมาณ 15,000 บาท หรือวันละประมาณ 7,000 บาท แต่ก็ถือว่าเป็นการแบ่งกันมีรายได้ ตอนนี้ที่นาที่เหลือเริ่มมีน้ำแล้ว ก็เลยต้องตัดสินใจว่าจะทำนาควบคู่ไปกับการปลูกดอกดาวเรืองนี้ต่อไป ชีวิตเริ่มสบายขึ้นกว่าตอนที่แล้งหนักที่ผ่านมา นาปีก็เริ่มจะทำ แต่ชาวนาคิดว่าการทำนาสบายกว่าการปลูกดอกดาวเรือง เพราะสามารถพักได้ แต่ดอกดาวเรือง ต้องเก็บดอกเกือบทุกวัน แต่ก็ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นี่คือผลดีของการเปลี่ยนมาปลูกพืชทนแล้งตอนนั้น จึงได้ผลผลิตต่อเนื่องมาถึงช่วงนี้

ที่มา : มติชนออนไลน์