ปลูกมะกรูดที่ด่านมะขามเตี้ย ขายได้ครบ! ลูก-กิ่ง-ใบ

“มะกรูด” พืชผักสวนครัว จำพวกเดียวกับขิง ข่า ตะไคร้ หอมแดง ล้วนแล้วแต่ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องต้มยำ ส่วนใบของมะกรูด ก็มีน้ำมันหอมระเหยกลิ่นหอมมากๆ เป็นได้ทั้งพืชผักที่นำมาประกอบอาหาร และสมุนไพร บำรุงหัวใจ แถมปลูกที่ไหนขายได้ตลอด ทุกฤดูกาล ราคาขึ้นลงตามภาวะของตลาด มะกรูดตัดใบขายส่งแต่ละสวนแม้นจะขายได้ราคาไม่แพงตั้งแต่ 10 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึงราคาแพงแบบสุดๆหลังฝนไปแล้ว 35 บาทต่อกิโลกรัม ขายลูกก็ได้ราคาดี 50 ส.ต.ต่อผล หรือจะจำหน่ายขายกิ่งพันธุ์ก็โกยรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ในฉบับนี้ ขอพาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชมสวนมะกรูดทำเงิน ของคุณสันติ  คงคา อาศัยอยู่บ้านเลขที่176/2 หมู่1 ตำบลจระเข้เผือก อำเภอด่านมะขามเตี้ย  จังหวัดกาญจนบุรี โทร.087-161-2074  และ  093-682-1067

คุณสันติ คงคา กับสวนมะกรูดที่เขาภาคภูมิใจ

การทำสวนมะกรูดครอบครัว “คงคา” เรียกได้ว่า เป็นอาชีพมรดกจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก สร้างฐานะและรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับครอบครัวเกษตรกรตัวอย่างรายนี้มานานหลายสิบปีแล้ว ปัจจุบัน คุณสันติ นับเป็นเกษตรกรผู้ปลูกมะกรูดรายใหญ่ในท้องถิ่นแห่งนี้ โดยปลูกมะกรูดบนที่ดินของตัวเอง และรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรลูกไร่ ประมาณ 200 ไร่

คุณสันติเล่าให้ฟังว่า สวนแห่งนี้แต่เดิมเคยใช้ปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง มาก่อน เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ ขาดแคลนแหล่งน้ำชลประทาน ปลูกโดยอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ระยะหลังพื้นที่ปลูกพืชไร่ เจอปัญหาภัยแล้งคุกคาม และเจอการแพร่ระบาดของหนอนด้วง  กัดกินอ้อยตั้งแต่ราก กอ กระทั่งต้นอ้อย สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก

“มะกรูด” พืชทางเลือกที่มีอนาคตสดใส

ต่อมาปี 2540 เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอด่านมะขามเตี้ย  เข้ามาดูพื้นที่ทำกินของเกษตรกรในพื้นที่ และมอบกิ่งพันธุ์ต้นมะกรูด จำนวน 20 ต้น ให้คุณแม่ของคุณสันตินำไปปลูกเพื่อเสริมรายได้  โดยปลูกในระยะห่างประมาณ 4 X 4 เมตร ขุดหลุมปลูกลึกประมาณ  50 ซ.ม. โดยปลูกต้นมะกรูดติดบริเวณชายป่าชุมชน  พบว่า ต้นมะกรูดเจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตงาม ปลอดโรคและแมลงรบกวน

มะกรูดพันธุ์เกษตรมีใบใหญ่

คุณแม่ของคุณสันติ ปลูกมะกรูดไปได้ประมาณ 5 ปี จนต้นมะกรูดเติบโตสูงประมาณ 5 เมตร มีขนาดลำต้นใหญ่มาก ต่อมา เจอปัญหาภัยแล้งคุกคามอีกครั้ง ทำให้ต้นมะกรูดขาดน้ำ ลำต้นแห้งตายไปมาก เหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่ต้น คุณแม่ของคุณสันติขยายพันธุ์ต้นมะกรูดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลผลิตมากขึ้น พ่อค้าแม่ค้าที่วิ่งรถผ่านบริเวณหน้าบ้าน สังเกตเห็นว่า บ้านแห่งนี้ ปลูกต้นมะกรูดไว้เป็นจำนวนมาก จึงติดต่อขอซื้อผลผลิตเพื่อนำไปขายในท้องถิ่นอื่น

ด้านตลาด

คุณแม่ของคุณสันติ นำมะกรูดตัดใบออกขายในราคาไม่แพง  โดยขายส่งในราคากิโลกรัมละ 15 บาท นอกจากนี้ยัง นำมะกรูดตัดใบออกขายในลักษณะเป็นกำ โดยมีราคาขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ต่อมาคุณแม่ได้มอบหมายให้คุณสันติ ดูแลรับผิดชอบสวนมะกรูดแห่งนี้ ปัจจุบัน มะกรูดที่ปลูกรุ่นแรก มีอายุมากกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังให้ผลผลิตที่ดี  โดยมะกรูดหนึ่งต้น สามารถตัดใบออกขายได้ครั้งละ  20-30 กิโลกรัมขึ้นไป

ส่วนต้นมะกรูด ที่ปลูกรุ่นหลังๆ มีอายุโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป สามารถเก็บเกี่ยวผลมะกรูดออกขายได้ครั้งละประมาณ 2,000 ลูก สมัยก่อน แม่ค้ามารับซื้อผลมะกรูดในราคาหน้าสวน เฉลี่ย100 ลูกต่อราคา 20 บาท แต่ตอนนี้  เกษตรกรสามารถขายผลมะกรูดในราคาที่สูงขึ้น เฉลี่ยผลละ 50 สตางค์

แปลงผลิตกิ่งตอนตุ้ม

คุณสันติเชื่อว่า ราคามะกรูดจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีกในอนาคต  เพราะเป็นสินค้าขายดีเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและตลาดส่งออก ไม่ว่าจะเป็นใบมะกรูด และลูกมะกรูด เพราะมะกรูดเป็นพืชสมุนไพรคู่ครัวอาหารไทย ในเมนูอาหารต้มยำ เป็นส่วนผสมในเมนูเครื่องแกง อุตสาหกรรมน้ำพริกเผา ฯลฯ แล้ว มะกรูดยังเป็นที่ต้องการในภาคอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยาและธุรกิจน้ำมันหอมระเหย จึงนับได้ว่า มะกรูดเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะปลูกดูแลง่ายกว่าการทำสวนมะนาว แถมราคาซื้อขายคงที่ไม่หวือหวาเหมือนกับราคาผลมะนาว

ตลาดมะกรูดกว้างมาก

ในอดีต คุณแม่ของคุณสันติ มุ่งเก็บลูกมะกรูดและตัดใบมะกรูดออกขายเท่านั้น ระยะหลังได้ผลิต “กิ่งมะกรูดตอน” ออกขายเพิ่มขึ้น เพื่อขยายช่องทางการขายให้กว้างขวางมากขึ้น

คุณสันติบอกว่า คุณแม่ของผมเชี่ยวชาญในเรื่องการผลิตกิ่งตอนมาก ประกอบกับ มะกรูดที่ปลูกเป็นพันธุ์เกษตรใบใหญ่ ที่ให้ผลดก เติบโตแข็งแรง ปลูกดูแลง่าย ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงมาติดต่อขอซื้อกิ่งมะกรูดตอนจากสวนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง

แปลงผลิตกิ่งพันธุ์

ทุกวันนี้ คุณสันติผลิตกิ่งมะกรูดพันธุ์เกษตร ที่มีลักษณะเด่น ในเรื่อง ลูกดกใบใหญ่ จำหน่ายให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป โดยกิ่งมะกรูดชำ บรรจุในถุงดำ จำหน่ายในราคา กิ่งละ 25-35 บาท  ส่วนกิ่งตอนตุ้ม ขนาด 30-40 ซม. จำหน่ายในราคากิ่งละ 10 บาท กิ่งตอนตุ้ม 50 ซม. ราคา 15 บาท  กิ่งตอนตุ้ม  70 ซม. ขึ้นไปขายในราคากิ่งละ 20 บาท

ต้นมะกรูด ปลูกดูแลง่าย

คุณสันติ บอกว่า สมัยก่อน พ่อแม่จับจองพื้นที่เอาไว้ ประมาณ 100 กว่าไร่ แบ่งสรรเป็นที่ดินมรดกให้ลูกๆ จำนวน 5 คน ทำสวนมะกรูดเป็นรายได้เลี้ยงดูครอบครัวละ 50 ไร่ นอกจากนี้ ผมยังมีลูกไร่ปลูกมะกรูดส่งขายให้อีกเพราะอาชีพการทำสวนมะกรูดสร้างรายได้ที่ดีมากกว่าการทำนา ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง

เนื่องจากต้นมะกรูด ปลูกดูแลง่าย ไม่ต้องค่อยไถค่อยพรวนดินบ่อยๆ เสมือนเสือนอนกินระยะยาว ไม่เหนื่อยมาก แต่มีรายได้เข้าตลอด เกษตรกรที่ปลูกมะกรูด จะมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 200-300 บาทต่อต้น

ต้นมะกรูด ยิ่งอายุมาก ต้นยิ่งโตใหญ่ ยิ่งมีโอกาสขายทำเงินได้มากขึ้น ทั้งขายใบทั้งขายลูก หากขายเป็นกิ่งพันธุ์ ราคาขายไม่ต่ำกว่า  10 บาท หากเป็นกิ่งสวยๆ ขนาด ประมาณ 10-15 ซ.ม. จะขายได้กิ่งละ 15 บาท

ส่วนใบมะกรูดขายได้ที่ กิโลกรัมละ 15 บาท ราคาก็ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นกิโลกรัมละ 20 บาทจนถึง กิโลกรัมละ 35 บาทก็เคยขายได้มากแล้ว โดยทั่วไป เกษตรกรสามารถขายใบมะกรูดได้ในราคา 25 บาทต่อกิโลกรัม ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนกรกฎาคม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ราคาซื้อขายใบมะกรูดจะยืนราคาสูงที่กิโลกรัมละ 25-35 บาททีเดียว ส่วนผลมะกรูดในช่วงฤดูฝนจะขายได้ในราคาประมาณ ร้อยละ 80-90 บาท

กิ่งตอนตุ้มที่รอการจำหน่าย
แปลงกิ่งพันธุ์ มีสปริงเกอร์ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ การปลูกมะกรูดไม่มีปัญหาเรื่องโรคแมลง ดูแลรักษาง่าย ที่นี่ ปลูกต้นยูคาลิปตัสบริเวณสวนมะกรูด เพื่ออาศัยกลิ่นเหม็นของต้นยูคาลิปตัสไล่แมลงอีกทางหนึ่ง หากใครคิดจะปลูกมะกรูดระยะชิด ควรปลูกไร่ละ 800 ต้น  หากจะให้เหมาะสม ควรปลูกระยะ 2×2 จะได้ต้นมะกรูดจำนวน 400 ต้นพอดี และควรให้น้ำในระบบมินิสปริงเกอร์ โดยฉีดพ่นน้ำให้ชุ่มเพียงวันละครั้ง ก็เพียงพอแล้ว

จากการพูดคุยกับคุณสันติ  ทำให้เห็นว่า อาชีพการทำสวนมะกรูด ง่ายไม่ยุ่งยากอะไรเลย เพียงแต่ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ในระยะแรกๆ ที่ต้นมะกรูดยังเล็กอยู่เท่านั้น ด้านตลาดก็หายห่วง มีแต่คนอยากซื้อมะกรูด ปลูกเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย เรียกว่า ซื้อง่ายขายคล่อง หากท่านผู้อ่านสนใจสามารถที่ต่อสอบถามได้ที่คุณสันติ โดยตรง ที่โทร.087-1612074 และ 093-682-1067 รับรองไม่ผิดหวังได้กิ่งพันธุ์คุณภาพดี ราคาไม่แพง.