เครือข่ายสถาบันการศึกษาสืบสานพระราชดำริ รุ่นที่ 5 น้อมนำพระราชดำริ เผยแพร่สู่เยาวชนนักศึกษา

“…การให้การศึกษานั้น กล่าวสั้นๆ โดยความหมายรวบยอด คือการช่วยให้บุคคลค้นพบวิธีดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเหมาะสม ไปสู่ความเจริญและความสุขตามอัตภาพ ตามนัยนี้ผู้สอนมีหน้าที่ต้องหาความรู้และวิธีการดำเนินชีวิต มาให้ศิษย์ได้รู้ได้ทราบ เพื่อให้สามารถเรียนรู้ต่อไป และดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยดีจนบรรลุจุดหมาย…” พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

คุณปวัตร์ นวะมะรัตน รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กล่าวในระหว่างการเปิดงานโครงการเครือข่ายสถาบันการศึกษาสืบสานพระราชดำริรุ่นที่ 5 ประจำปี 2561 ว่า เป็นที่ประจักษ์ตลอด 70 ปี แห่งการครองสิริราชย์สมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระองค์ได้ทรงงานอย่างหนัก เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกร และได้พระราชทานแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาในด้านต่างๆ ไว้อย่างมากมาย ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และรวมถึงประชาชน ต่างน้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย

โครงการเครือข่ายสถาบันการศึกษาสืบสานพระราชดำริ ที่สำนักงาน กปร. ดำเนินการนั้นมีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสให้คณาจารย์ ซึ่งเป็นกลไกที่เหมาะสมในการทำหน้าที่สืบสานและถ่ายทอดองค์ความรู้ ได้ร่วมคิด ร่วมเรียนรู้ และร่วมกันปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในการน้อมนำแนวพระราชดำริไปสู่เด็กและเยาวชน ชุมชน สถาบันการศึกษา โดยความร่วมมือร่วมใจกัน ในการเป็นพลังขับเคลื่อนนำองค์ความรู้จากการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ไปถ่ายทอดได้อย่างถูกต้องและเกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติ อันจะส่งผลให้การเผยแพร่และการสืบสานพระราชดำริ บรรลุผลสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น

คุณดุลทัศน์ กมล อาจารย์แผนกวิชาการโรงแรม วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ หนึ่งในคณะอาจารย์ที่เข้าร่วมโครงการเปิดเผยว่า รู้สึกประทับใจที่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการและได้เดินทางเข้าศึกษาดูงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลายแห่ง เพราะที่นี่เปรียบเสมือนห้องสมุดที่มีชีวิต คือความยิ่งใหญ่ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมอบให้กับคนไทย พระองค์ได้พระราชทานโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์ พระองค์คือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ทำให้ได้รับองค์ความรู้ที่ไม่มีในตำรา ซึ่งจะนำเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าสู่เด็กนักเรียนในวิทยาลัยเกษตรบุรีรัมย์ที่หลายคนไม่มีโอกาสได้มาสัมผัส โดยจะพยายามถ่ายทอดให้ดีที่สุดและถ้ามีโอกาสก็จะนำนักศึกษาเข้ามาศึกษาดูงานตามรอยของพระองค์ท่านในโครงการต่างๆ เพื่อปลูกฝังเยาวชนในสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงาน เป็นต้น และจะทำต่อไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

“พระองค์เป็นมากกว่าครู เพราะพระองค์ให้ทั้งแนวคิด แนวปฏิบัติ และทรงปฏิบัติให้เห็น พระองค์เป็นพระราชาที่ไม่ได้อยู่ในวัง หากแต่ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ มาโดยตลอด ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในถิ่นทุรกันดาร เดินป่าเดินเขา เพื่อช่วยเหลือประชาชน ทำให้เรารู้สึกผูกพันและรักพระองค์ และที่สำคัญที่สุดการที่ได้มาเป็นครูอาชีวะทำให้เรารู้สึกว่าต้นแบบที่ดีไม่ต้องไปหา ไม่ต้องไปเอาประวัติของฝรั่งนิยายของโลกตะวันตก ที่นี่แหละที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดที่สอนให้เรารักคนไทยทำเพื่อประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม” คุณดุลทัศน์ กล่าว

ด้าน คุณวินัย สวัสดิ์วิเชียร ราษฎร ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง หนึ่งในเกษตรกรขยายผลของศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ จังหวัดระยอง หนึ่งในสถานที่ที่คณะอาจารย์เดินทางเข้าศึกษาดูงานเปิดเผยว่า จากที่เดินทางไปศึกษาเรียนรู้การทำการเกษตรจากศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ ได้รับองค์ความรู้เรื่องการขยายพันธุ์พืช การทำน้ำส้มควันไม้ และงานปศุสัตว์อย่างถูกวิธี เช่น เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ และทำการประมงน้ำจืดแบบครบวงจร แล้วนำมาปฏิบัติใช้ในพื้นที่ของตนเองจนประสบความสำเร็จ

ปัจจุบันในพื้นที่สามารถปลูกพืชได้อย่างหลากหลายด้วยมีการปรับปรุงพัฒนาดินอย่างถูกวิธี ขณะที่พันธุ์พืชที่ปลูกไม่ต้องหาซื้อเหมือนอย่างแต่ก่อน ด้วยมีความรู้ความเข้าใจในการขยายพันธุ์พืชอย่างถูกวิธี เช่น พริกไทย ผักหวานป่า ตลอดถึงพืชสมุนไพร นับเป็นการลดต้นทุนด้านการผลิตได้เป็นอย่างดี พร้อมขยายผลสู่การปฏิบัติใช้ของเกษตรกรรายอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง ยังผลให้ราษฎรในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยภาพรวม และดีใจที่มีคณะอาจารย์เดินทางมาศึกษาดูงานเพื่อจะนำแนวทางที่ตนเองดำเนินงานและประสบความสำเร็จแล้วไปขยายผลสู่การรับรู้ของเยาวชนในสถาบันการศึกษาต่อไป เพราะเยาวชนเหล่านั้นคือกำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต

“อยากให้คนที่มีที่ดินได้เข้ามาทำเหมือนเรา เพราะว่าปลอดภัยทุกอย่างทั้งสุขภาพและผลผลิตที่เป็นอาหารเพราะไม่มีสารพิษเจือปน วันนี้พวกเรารู้แล้วว่าการน้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์มาปฏิบัติใช้ทำให้เรามีความสุขมีกินมีใช้ และสุขภาพดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง พระองค์ไม่เคยหยุด ทรงงานมา 70 ปี พระองค์ทำเพื่อใคร ท่านทำเพื่อเรา ถ้าเราไม่รักท่านแล้วเราจะไปรักใคร มีพระองค์เดียวในโลกนี้ที่มองเห็นความสำคัญในชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร” คุณวินัย กล่าว

สำหรับโครงการเครือข่ายสถาบันการศึกษาสืบสานพระราชดำริ ทางสำนักงาน กปร. ได้มีการจัดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 โดยนำคณะอาจารย์จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั่วประเทศ จำนวน 71 คน เข้าร่วมโครงการ ด้วยเล็งเห็นว่าผู้ที่จะทำหน้าที่ในการเผยแพร่และขับเคลื่อนองค์ความรู้ การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีมากกว่า 4,000 โครงการ กระจายสู่เด็กและเยาวชน เพื่อขยายผลและร่วมสืบสานพระราชดำริได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืน

พร้อมกันนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการยังได้เยี่ยมชมและศึกษาดูงานในหลายพื้นที่ อาทิ การสาธิตคุณสมบัติของก๊าซ LNG สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินโครงการใช้ความเย็นและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการวิจัยไม้เมืองหนาวตามโครงการพระราชดำริ ซึ่งนวัตกรรมด้านการเกษตร พร้อมลงมือปฏิบัติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ณ ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ และรับฟังแนวทางการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ โดยใช้หลัก “บวร” ณ ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรทางการศึกษาสามารถทำหน้าที่สานต่อแนวพระราชดำริและสร้างเครือข่ายของสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นพลังในการน้อมนำแนวพระราชดำริไปขยายผล เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติสืบไป