กำนันสมศักดิ์ อาจินต์ ปลูกและขยายพันธุ์ขนุน ทองประเสริฐ-สีทอง รายได้ดี ที่ระยอง

“ขนุน เป็นผลไม้ที่ขายได้ราคาดี ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีนักก็ตาม…มั่นใจว่าพืชอย่างขนุนจะอยู่เพื่อสร้างความมั่นคงแก่ชาวสวนที่ปลูกไปอีกนาน”

นี่เป็นน้ำเสียงของ กำนันสมศักดิ์ อาจินต์  อีกฐานะหนึ่งคือ ชาวสวนขนุน อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ที่ 3 ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง ที่คลุกคลีอยู่กับขนุนมายาวนานกว่า 8 ปี จนเป็นที่รู้จักของชาวสวนที่ปลูกขนุน เพราะนอกจากปลูกขายผลผลิตแล้ว กำนันยังผลิตกิ่งพันธุ์คุณภาพจำหน่ายอีกด้วย

กำนันสมศักดิ์ เผยถึงที่มาที่ไปก่อนที่จะมาปลูกขนุนว่า ที่ดินแปลงนี้เดิมปลูกพืชพวกมันสำปะหลังบ้าง อะไรบ้าง แล้วก่อนที่จะมาปลูกขนุนก็ได้ทำสวนกล้วยไข่อยู่มาประมาณ 2 ปี ช่วงแรกๆ การปลูกไปได้ดี แต่พอหลังๆ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะพื้นที่แปลงที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นดินทราย ก็เลยคิดที่อยากจะหันมาปลูกขนุนดีกว่า เพราะขนุนไม่เลือกพื้นที่ บวกกับช่วงเวลาจังหวะในขณะนั้นราคาขนุนก็กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ก็เลยเป็นที่ไปที่มาของการปลูกขนุน…จนมาถึงวันนี้ก็ 8 ปีแล้ว

กำนันสมศักดิ์ อาจินต์

“ต้องบอกก่อนว่า ขนุนเป็นพืชปลูกง่ายมากๆ ประมาณ 2-3 ปี อาจจะมีลูกทุกต้นได้แล้ว และยังให้ผลผลิตทุกต้นอีกด้วย…ขนุนที่ผมปลูกอยู่ตอนนี้มี 2 พันธุ์ ด้วยกัน สายพันธุ์แรกทองประเสริฐษกับพันธุ์สีทอง สำหรับความแตกต่างระหว่างสองสายพันธุ์นี้ อย่างที่รู้กันดีว่าพันธุ์ทองประเสริฐนั้นก็มีปลูกกันทั่วไป แต่ในส่วนของพันธุ์สีทองนั้น ผลจะใหญ่กว่าพันธุ์ทองประเสริฐ และในฤดูฝนชุกๆ ก็จะออกดอกง่ายติดลูกเลย เนื้อก็จะไม่ค่อยมีสนิม” กำนันสมศักดิ์ บอก

กำนันบอกว่า หลังปลูก 3 ปี ขนุนมีผลผลิตให้จำหน่าย ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการทำพันธุ์ขาย ก็มีเพื่อนๆ เข้ามาขอซื้อบ้าง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกษตรกรมาจากทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ต่างก็เข้ามาจับจองกันซื้อพันธุ์ที่ชื่นชอบ อย่างพันธุ์ทองประเสริฐมากกว่าพันธุ์สีทอง ต้นพันธุ์ทองประเสริฐ ขายอยู่ที่ต้นละ 40 บาท สำหรับขายส่ง และ 50 บาท สำหรับขายปลีก ในส่วนของพันธุ์สีทองมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าพันธุ์ทองประเสริฐ ขายที่ราคา 70 บาท สำหรับขายส่ง และราคา 80 บาท สำหรับขายปลีก

“ในการปลูกขนุนนั้น เราควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นระหว่างแถว อยู่ที่ 6 เมตร เพราะว่าขนุนเป็นพืชที่ไม่ใหญ่สักเท่าไร ระดับความสูงก็ไม่ค่อยสูง อีกทั้งสามารถแต่งกิ่งเพื่อให้มันดูไม่ใหญ่เกินก็อยู่ได้แล้ว” กำนันให้ข้อมูล

กำนันสมศักดิ์ อาจินต์

ต่อมากำนันเล่าถึงวิธีการดูแลรักษาผลขนุน เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการแรกคือ การใส่ปุ๋ย จะใช้ปุ๋ยคอก และปุ๋ยหมักชีวภาพ ที่จะสร้างการเจริญเติบโตถือว่าเป็นปุ๋ยพื้นฐาน อย่างน้อยที่สุดก็ควรให้ปุ๋ย ปี 1 ครั้งหนึ่ง แม้กระทั่งปุ๋ยวิทยาศาสตร์ก็คงต้องใช้ แต่อาจจะไม่ใช้มากเท่าปุ๋ยหมักชีวภาพ แต่ก็ควรใส่เป็นระยะ เพื่อให้พืชคงความเจริญเติบโต เช่น เมื่อถึงเวลาออกดอก เราก็อาจจะใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เพื่อเร่งให้มันออกดอกเร็วขึ้น

ส่วนเรื่องของแมลงที่เข้ามาสร้างปัญหาให้กับต้นขนุนนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกหนอนมากกว่า เช่น หนอนชอนใบ หนอนเจาะ ก็มีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยการใช้ยาฉีดพ่นเป็นระยะๆ ขนุนดูแลง่ายกว่าทุเรียน

ต่อมาเรื่องการห่อผล การห่อผลก็ต้องห่อผลในช่วงที่ขนุนมีน้ำหนัก 30 กรัม ถึง 1 กิโลกรัม ก็จะสามารถห่อผลได้ไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่าเราทิ้งไว้หรือไม่ได้ห่อผลแน่นอนก็จะมีหนอนมาเจาะ ทำให้ลูกขนุนออกมาไม่ตรงตามเป้าที่วางไว้

ห่อผล เมื่อผลแก่มีคนมาซื้อส่งนอก

นอกจากนี้ ยังบอกถึงการให้น้ำถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อพืช ไม่ว่าจะปลูกพืชชนิดใดก็ควรที่จะต้องให้น้ำเสมอ ขนุนก็เช่นกันเราควรที่จะให้น้ำอย่างน้อย 3 ถึง 4 วัน ต่อครั้ง อาจจะไม่ต้องมาก เปรียบเทียบกับทุเรียนแล้วน้อยกว่า แต่ถ้าไม่ให้เลยก็จะทำลูกขนุนไม่เจริญเติบโต

ปลูกขนุนจะให้ผลเต็มที่ 10 ผล แต่ไม่เกิน 15 ผล ต่อรอบ ต่อต้น

ติดผลดกต้องซอยทิ้ง

“ขนุนต้นหนึ่งสามารถเอาลูกสองรอบต่อปี เพราะว่าขนุนจะออกดอกทั้งปีแล้วก็จะออกไปเรื่อยๆ ซึ่งน้ำหนักของขนุนแต่ละลูกก็จะมีน้ำหนักที่ไล่เลี่ยกัน อยู่ที่ 15-20 กิโลกรัม ต่อลูก สามารถนำไปขาย…ราคาก็จะตกอยู่ที่ 30-40 บาท ต่อกิโลกรัม ก็เท่ากับว่าขนุนลูกหนึ่งก็ทำกำไรได้หลายร้อยบาท การส่งออกส่วนใหญ่ก็จะส่งออกไปต่างประเทศ เช่นประเทศแผ่นดินใหญ่อย่างประเทศจีน และจะต้องเป็นลูกที่ไม่มีตำหนิ ต้องเป็นลูกที่ เกรด A ทั้งนี้ก็จะมีล้งรับซื้อขนุนเพื่อส่งออกตลอดปี สำหรับลูกที่มีตำหนิก็จะมีการส่งขายกันภายในประเทศ” กำนันบอก

กิ่งพันธุ์คุณภาพ มีทั้งทองประเสริฐ และสีทอง

ราคาที่ขายได้ กิโลกรัมละ 30-40 บาท เป็นขนุนที่ดูแลอย่างดี ตรงตามความต้องการของต่างประเทศ แต่หากตกเกรดขายในประเทศ ราคาจะไม่ได้แบบนี้

กำนันบอกว่า สำหรับพืชเศรษฐกิจอย่างขนุนยังเป็นพืชที่มีความนิยมในการปลูกอยู่ เพราะเป็นพืชที่มีกำไรจากการผลิต

สนใจติดต่อขอซื้อผลผลิต หรือต้นพันธุ์ได้ตามที่อยู่ข้างต้น หรือโทรศัพท์ 086-145-0719