เผยแพร่ |
---|
ทางเดินชีวิต…สู่แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
คุณทิวาพร ศรีวรกุล อยู่บ้านเลขที่ 213 หมู่ที่ 2 ซอยพัฒนา 1 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000 โทรศัพท์ (081) 857-2500
เดิมคุณทิวาพรได้ลงทุนปลูกอ้อยในพื้นที่ประมาณ 120 ไร่ ทำไร่อ้อยได้ประมาณ 4 ปี ช่วงนั้นจังหวัดกาญจนบุรีประสบกับปัญหาอากาศแห้งแล้งติดต่อกัน 3 ปี พื้นที่ที่ปลูกอ้อยดังกล่าวติดเชิงเขา ไม่มีแหล่งน้ำ ทำให้อ้อยแห้งตายเป็นจำนวนมาก ต่อมามันสำปะหลังมีราคาดีจึงตัดสินใจตัดอ้อยทิ้ง แล้วหันมาปลูกมันสำปะหลังแทน แต่เมื่อถึงเวลาเก็บ ราคามันสำปะหลังตกต่ำ จึงตัดสินใจไม่ขุด รอราคาดี ทิ้งไว้ข้ามปีจึงขุดมันสำปะหลังจำหน่าย จึงกลับมาคิดทบทวนพบว่า การปลูกพืชเชิงเดี่ยวต้องใช้ปุ๋ยเคมีที่ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องคงจะไม่เป็นผลดี จึงตัดสินใจขายที่ดินใช้หนี้ และเริ่มต้นยึดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตและทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด จากช่วงแรกทำการเกษตรแบบพอเพียงในพื้นที่ 2 ไร่ ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่เกษตรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 14 ไร่
รูปแบบกิจกรรมทางการเกษตร
คุณทิวาพร ได้ใช้ประโยชน์ที่ดินในตำบลท่ามะขาม ขนาด 14 ไร่ จัดทำเป็นแปลงปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน มากกว่า 20 ชนิด โดยแบ่งเป็นโซน ดังนี้
- พื้นที่ปลูกไม้ใช้สอยรอบบริเวณเขตบ้าน เป็นการปลูกไม้หลายชนิด ปลูกต้นไม้ไว้บริโภค และขายตามฤดูกาล เช่น ไม้สัก มะม่วง กระท้อน สับปะรด เป็นต้น
- พื้นที่ปลูกพืชผักหมุนเวียนที่สร้างรายได้ระยะสั้น ได้แก่ ผักสวนครัว
- พื้นที่ปลูกพืชอายุสั้น เช่น ผักหวานบ้าน ผักหวานป่า ชะอม กล้วย เป็นต้น เพื่อสร้างรายได้ตลอดปี นอกจากนี้ ได้มีการเลี้ยงหมูหลุมโดยการขุดหลุมให้ลึก ประมาณ 50-90 เซนติเมตร จากนั้นใส่แกลบ รำ ขี้เลื่อย หรือใบไม้ลงไปภายในหลุม โดยไม่ต้องเทพื้นปูนซีเมนต์ ซึ่งสุกรสามารถคุ้ยเขี่ยได้ เมื่อสุกรถ่ายมูลหรือปัสสาวะลงพื้น จากนั้นให้ใช้น้ำหมักชีวภาพผสมกับน้ำราดลงไปทุกๆ 2-3 วัน ต่อครั้ง เพื่อเป็นการช่วยย่อยสลายมูลสุกรทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็น และสุกรจะมีร่างกายที่แข็งแรง โตไว น้ำหนักดี เนื้อแน่น ไขมันน้อย เนื่องจากได้ออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา และสามารถจำหน่ายสุกรได้ในระยะเวลา 4 เดือน
คุณทิวาพร มีรายได้เสริมที่สำคัญอีกทางหนึ่งจากการผลิตและจำหน่ายน้ำฟักข้าว
ฟักข้าว (Gac fruit) เป็นผักในวงศ์เดียวกับแตงกวาและมะระ (Cucurbitaceae)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Momordica cochinchinensis (Lour.) Spreng.
ฟักข้าวขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดหรือแยกรากปลูก เริ่มมีดอกหลังปลูกประมาณ 2 เดือน เริ่มออกดอกราวเดือนพฤษภาคม และให้ดอกจนถึงราวเดือนสิงหาคม ผลสุกใช้เวลาประมาณ 20 วัน และใน 1 ฤดูกาลจะเก็บเกี่ยวผลฟักข้าวได้ 30-60 ผล โดยเก็บสุกได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ฟักข้าว 1 ผล จะได้เยื่อสีแดงราว 200 กรัม
การผลิตน้ำฟักข้าวมีส่วนผสมดังนี้ เยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าว 100 กรัม น้ำ 900 กรัม น้ำตาลทราย 60 กรัม น้ำมะนาว 28 กรัม เกลือ 0.8 กรัม วิธีการทำ โดยเตรียมน้ำเชื่อมโดยการละลายน้ำตาลตามส่วนผสม นำส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดของฟักข้าวสุกมากผสมกับน้ำ จากนั้นปั่นให้ละเอียดด้วยเครื่องปั่นแยกกาก เติมน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้และน้ำมะนาวตามอัตราส่วน เมื่อได้น้ำฟักข้าวแล้วให้ความร้อนแก่น้ำฟักข้าวโดยวิธีการพาสเจอไรซ์ โดยให้ความร้อนแก่น้ำฟักข้าวที่อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที
สำหรับประโยชน์ของฟักข้าวจากผลการวิจัยพบว่า เยื่อหุ้มเมล็ดของฟักข้าวสุกมีปริมาณสารไลโคปีนในกลุ่มของเบต้าแคโรทีนมากกว่าสารสกัดที่ได้จากเนื้อผล ปริมาณเบต้าแคโรทีนในฟักข้าวมีมากกว่าแครอต ถึง 10 เท่า และมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศ ถึง 12 เท่า รวมทั้งยังมีกรดไขมันสายยาวประมาณ ร้อยละ 10 ของน้ำหนัก ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา ช่วยการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ดวงตาแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็ง และเสริมสุขภาพของต่อมลูกหมาก จากผลการทดลองน้ำสกัดผลฟักข้าว พบว่า สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยทำให้เซลล์แตก ทั้งนี้ คุณทิวาพรได้จำหน่ายน้ำฟักข้าว ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขาม ที่บรรจุขวด ขนาด 160 มิลลิลิตร เพียงราคา 20 บาท ต่อขวด จากแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงเต็มรูปแบบดังกล่าวนี้ คุณทิวาพรมั่นใจว่าเป็นแนวทางที่สร้างวิถีชีวิตยั่งยืนอย่างแท้จริง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่นำมาปฏิบัติ
คุณทิวาพร ได้ดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือความพอประมาณ มีความเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะใช้หลัก ความพอประมาณ ในการวางแผนการผลิตควรพิจารณาเรื่องต้นทุน แรงงาน การตลาดให้เหมาะสม รวมถึงการวางแผนการแปรรูปผลผลิตที่ล้นตลาด ทั้งนี้ การลงทุนและการขยายแรงงานควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการจัดการตนเองได้ การทำการเกษตรต้องมุ่งการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก เหลือจากการบริโภคจึงคิดถึงการผลิตเพื่อการค้า คุณทิวาพรเชื่อมั่นว่าปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนำพาชีวิตเกษตรกรไปสู่แนวทาง “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” อย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูล จากหนังสือ การเพิ่มรายได้เกษตรกร ด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์