สาหร่ายพวงองุ่น แหลมสัก กระบี่ ได้คุณภาพ โดนใจลูกค้า ส่งขายทั่วประเทศ

สาย ภาษาท้องถิ่นภาคใต้ฝั่งอันดามัน หมายถึง สาหร่าย มีคุณประโยชน์นานัปการ ชาวบ้านที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเลเก็บบริโภคมาช้านาน โดยสามารถนำมาบริโภคสดจิ้มกับน้ำพริกกะปิ หรือน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือจะนำมายำกับหมึกหรือกุ้งก็เข้ากันได้ดี ทุกคนที่ได้รับประทานต่างติดใจในรสชาติและเนื้อสัมผัสเมื่อเคี้ยวโดนเม็ดสาหร่ายจะกรุบกรอบทำให้รับประทานได้ไม่เบื่อ 

ในต่างประเทศ สาหร่ายทะเล ก็เป็นอาหารที่นิยมบริโภคมาเป็นเวลานาน ประเทศที่นิยมบริโภคสาหร่ายทะเล ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ สาหร่ายทะเลยังมีประโยชน์หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ปุ๋ย ยารักษาโรค อาหารสัตว์ เป็นต้น ในปัจจุบัน มีการนิยมบริโภคสาหร่ายทะเลมากขึ้น เนื่องจากสาหร่ายทะเลมีคุณประโยชน์มากมาย จัดเป็นอาหารสุขภาพ ประเทศที่มีการเลี้ยงและส่งออกสาหร่ายมีหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน เวียดนาม แคนาดา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ในประเทศไทยนั้นมีการบริโภคสาหร่ายทะเลในจังหวัดทางภาคใต้และภาคตะวันออก โดยรับประทานแทนผัก ในปัจจุบันกรมประมงสามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลได้หลายชนิด

เจ้าหน้าที่เข้าไปเยี่ยมเยือน

โดยหนึ่งในนั้น ได้แก่ สาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งเป็นสาหร่ายที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น สาหร่ายพวงองุ่น จัดเป็นสาหร่ายทะเลสีเขียว (green algae) หรือมีชื่อสามัญว่า Sea Grapes หรือ Green Caviar

สาหร่ายพวงองุ่น เป็นหนึ่งในสาหร่ายที่รับประทานได้ของประเทศไทย สาหร่ายชนิดนี้อุดมด้วยแร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิด ทั้งกรดไขมัน PUFA วิตามินบี 2 วิตามินอี และเกลือแร่ ได้แก่ I, P, Zn, Ca, Mg, Se, Fe, Mn, Co

สาหร่ายพวงองุ่น

สาหร่ายชนิดนี้ มีลักษณะคล้ายองุ่น เนื่องจากมีรสชาติดีและมีคุณค่าทางอาหาร จึงจัดเป็น 1 ใน 5 อาหารแนะนำสำหรับผู้ที่ไปเยือนเมืองโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น เป็นอาหารสุขภาพ ชาวโอกินาว่าเชื่อว่าการรับประทานสาหร่ายทะเลช่วยให้หายป่วยได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีวิตามินเอ วิตามินซี และเกลือแร่สูง เป็นแหล่งสำคัญของแมกนีเซียมที่ช่วยลดความดันโลหิต และป้องกันโรคหัวใจล้มเหลว ช่วยต้านมะเร็ง ไอโอดีนสูงจึงช่วยผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์

กระชังปลาใช้เลี้ยงสาหร่าย

ขยับจากเลี้ยงปลามาเพาะเลี้ยงสาหร่าย

คุณสุทธิพงษ์ โรมินทร์  ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเลี้ยงและแปรรูปสาหร่ายพวงองุ่น อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เล่าให้ฟังว่า เดิมประกอบอาชีพเลี้ยงปลาในกระชัง เช่น ปลาช่อนทะเล ปลากะพงขาว แต่ประสบปัญหาหลายด้าน ทั้งเรื่องโรค ราคาตกต่ำ และอื่นๆ ทางสำนักงานประมงอำเภออ่าวลึก ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา โดยได้แนะนำให้ใช้กระชังที่ว่างทดลองเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สามารถมีรายได้จุนเจือครอบครัว โดยตนได้ชักชวนชาวบ้านรวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงสาหร่าย เมื่อปี พ.ศ. 2560

และทางสำนักงานประมงอำเภออ่าวลึก ได้นำสมาชิกกลุ่มไปศึกษาดูงานการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเพชรบุรี และโครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี หลังจากกลับมาจากการศึกษาดูงานจึงมีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นอย่างจริงจัง เลี้ยงไป 2 เดือน เริ่มมีรายได้จากการขายสาหร่ายให้กับคนในชุมชน ต่อมาจึงได้ขอจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนกับสำนักงานเกษตรอำเภออ่าวลึก เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2561

เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภออ่าวลึกได้เข้ามาแนะนำให้ความรู้ในการบริหารจัดกลุ่มอย่างต่อเนื่อง จนกิจการไปได้ด้วยดี ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 13 คน เพาะเลี้ยงสาหร่ายรวม 90 กระชัง โดยในพื้นที่ยังมีชาวบ้านที่เพาะเลี้ยงสาหร่ายอีกหลายราย รวมกันแล้วประมาณ 800 กระชัง

คุณสุทธิพงษ์ เล่าว่า การเพาะเลี้ยงสาหร่ายไม่ยุ่งยาก เนื่องจากมีกระชังเลี้ยงปลาอยู่แล้ว จึงสามารถนำสาหร่ายมาเพาะเลี้ยงได้เลย

คอยทำความสะอาดตะกอนดินและศัตรูสาหร่าย

ต้นทุนเท่าไร

ต้นทุนต่อ 1 กระชัง (ขนาด 3×3 เมตร) ประกอบด้วย

  1. ตะแกรงพลาสติก ขนาด 40×60 เซนติเมตร อันละ 70 บาท (พร้อมใช้งาน)
  2. ใช้อวนแดงกั้นรอบกระชัง ขนาดตา 1.5 เซนติเมตร ราคา 850 บาท ขนาด 3x3x1.5 เมตร (กว้างxยาวxลึก) (พร้อมใช้งาน)
  3. ต้นพันธุ์สาหร่าย กิโลกรัมละ 100 บาท ต่อ 1 ตะแกรง (ซื้อครั้งเดียว) โดย 1 กระชัง จะใส่ได้ 9 ตะแกรง
ตัดแต่งทำความสะอาด

สรุป 1 กระชัง (9 ตะแกรง) ลงทุน 2,380 บาท (มีกระชังอยู่แล้ว) สาหร่าย 1 กิโลกรัม ดูแลประมาณ 60 วัน จะเก็บเกี่ยวได้ 6-8 กิโลกรัม (คัดแล้ว) ที่เหลือสามารถนำมาเลี้ยงต่อได้

การดูแล แบ่งเป็น 2 ระยะ

  1. ช่วง วันที่ 1-10 ไม่ต้องทำอะไร แค่คอยสังเกตว่ามีสัตว์น้ำมากินหรือไม่
  2. ช่วง วันที่ 11-60 หรือจนกว่าจะเก็บ ต้องคอยสังเกตว่ามีตะกอนหรือขี้แดดมาปกคลุมสาหร่ายหรือไม่ หากมีให้เขย่าตะแกรง 5-7 ครั้ง หรือใช้มือลูบข้างบนสาหร่ายเพื่อขจัดคราบตะกอนออก และหากมีศัตรูเข้ามาทำความเสียหาย ก็ให้เปลี่ยนต้นพันธุ์สาหร่ายใหม่ โดยศัตรูของสาหร่ายจะเป็นพวกปลาสลิดหิน ลูกหอย เพรียง ที่ลอดตาข่ายเข้ามา
บรรจุในกล่อง ขาย 50 บาท

การเก็บเกี่ยว

เมื่อครบอายุ 60 วัน หรือดูแล้วสาหร่ายมีความสวยสมบูรณ์พร้อมเก็บเกี่ยว ก็สามารถแซะสาหร่ายออกมาจากตะแกรงได้เลย และนำมาล้างทำความสะอาดที่จุดรวบรวมของกลุ่ม ซึ่งเป็นที่ทำการกลุ่ม โดยคัดเอาเฉพาะช่อที่สมบูรณ์ คือ ความยาวตั้งแต่ 2 นิ้วขึ้นไป และเก็บสิ่งเจือปนออก เช่น ลูกหอย ลูกปลาดาว ดอกไม้ทะเล ตัวเพรียงต่างๆ และเศษขยะเล็กๆ โดยจะจ้างสมาชิก รวมถึงชาวบ้านทั่วไปในชุมชน ราคากิโลกรัมละ 20 บาท

เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว นำมาล้างทำความสะอาดอีกครั้งด้วยชุดสกิมเมอร์อีก 1-2 วัน ขึ้นกับสภาพอากาศ จากนั้นนำมาเป่าด้วยออกซิเจนต่อกับหัวทรายเหมือนในตู้ปลาอีก 12-24 ชั่วโมง แล้วนำมาสะเด็ดน้ำ ก็พร้อมส่งขายได้ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สาหร่ายมีคุณภาพดียิ่งขึ้น หมดปัญหาเรื่องกลิ่นโคลน และเก็บไว้ได้ 3-7 วัน

สาหร่ายพวงองุ่นกับน้ำจิ้มซีอิ๊ว

การตลาด

ทางกลุ่มจะขายส่งอยู่ที่ราคา 150-180 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีก 180-200 บาท ต่อกิโลกรัม เดิมเคยขายได้เดือนละประมาณ 300-600 กิโลกรัม แต่เมื่อกลางปี 2561 กรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีโครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย โดยการดำเนินงานของสำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ และสำนักงานเกษตรอำเภออ่าวลึก เปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรสามารถเขียนโครงการเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณมาดำเนินงานของกลุ่มได้ ทางกลุ่มจึงได้เขียนโครงการ ขอสนับสนุนงบประมาณเพื่อต่อยอดกิจการของกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งทางกลุ่มก็ได้รับการสนับสนุนงบประมาณมาจัดซื้ออุปกรณ์ชุดสกิมเมอร์ใช้ล้างทำความสะอาดและกำจัดกลิ่นโคลนของสาหร่าย พร้อมด้วยบรรจุภัณฑ์และสติ๊กเกอร์ ทำให้สาหร่ายมีคุณภาพดีขึ้น สะอาด ไม่มีกลิ่นโคลน และสวยเด้ง

ปัจจุบัน มียอดขายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าติดใจในคุณภาพ โดยขายได้ประมาณ 700-1,000 กิโลกรัม หรือประมาณ 125,000-200,000 บาท ต่อเดือน ทำให้สมาชิกมีรายได้ 10,000-15,000 บาท ต่อเดือน และชาวบ้านชุมชนก็มีรายได้จากการรับจ้างล้างสาหร่าย วันละไม่ต่ำกว่า 400-600 บาท ถือเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชนแหลมสักได้อย่างดี

ในช่วงที่กลุ่มผลิตไม่ทัน ยังช่วยรับซื้อสาหร่ายของชาวบ้านรายอื่นด้วย แต่จะเน้นที่มีคุณภาพเท่านั้น ซึ่งมีการส่งขายทั้งในจังหวัดกระบี่ และต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา กรุงเทพฯ ชลบุรี และนครราชสีมา

สลัดโรลสาหร่ายพวงองุ่น

ประโยชน์ของสาหร่ายพวงองุ่น

  1. เป็นแหล่งรวมของวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินเอและวิตามินซี กินเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพ และในเวลาที่ร่างกายเจ็บป่วยไม่สบาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
  2. ช่วยป้องกันและรักษาโรคคอพอก เพราะมีไอโอดีนที่เป็นแร่ธาตุสำคัญและยังป้องกันและบรรเทาอาการเกี่ยวกับโรคไทรอยด์
  3. เหมาะกับคนที่เป็นโรคหัวใจ เพราะมีปริมาณของแมกนีเซียมสูง ซึ่งจะช่วยลดระดับความดันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจล้มเหลว รวมทั้งยังเป็นผลดีต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
  4. มีเส้นใยอาหารสูง แต่แคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ควบคุมหรือลดน้ำหนัก แม้จะเป็นสาหร่ายทะเลแต่ก็มีปริมาณของโซเดียมต่ำ ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
  5. ช่วยกระตุ้นให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติ ลดโอกาสจะเกิดอาการท้องผูก และลดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร
  6. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย นำพาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้เป็นอย่างดี เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและบำรุงผิวพรรณ ลดการเกิดริ้วรอย
  7. ช่วยบำรุงกระดูก ทำให้กล้ามเนื้อและประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บำรุงสมองและระบบประสาทด้วย
  8. ช่วยรักษาสมดุลของน้ำภายในร่างกาย และสามารถช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี
  9. รักษาความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว จึงมีการนำไปใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง เต่งตึง ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรงไม่หย่อนคล้อยได้ง่าย
คุณสุทธิพงษ์ โรมินทร์

สำหรับท่านใดที่สนใจ สาหร่ายพวงองุ่น สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุทธิพงษ์ โรมินทร์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเลี้ยงและแปรรูปสาหร่ายพวงองุ่น เลขที่ 40 หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โทรศัพท์ 063-591-9801

 

………..

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2019