บรรจง จงพิทักษ์พงศ์ จอมยุทธ์มะม่วงอาวุโส ถ่ายทอดวิชาการดูแลรักษามะม่วงเพื่อการส่งออก

หากเอ่ยชื่อ “บรรจง” แห่งบ้านฉาง เมื่อสามสิบปีที่แล้ว วงการค้าและผลิตมะม่วงนอกฤดู จะรู้ดีว่าเขาคือผู้ประสบความสำเร็จกับมะม่วงนอกฤดู ที่มีทั้งเขียวเสวย น้ำดอกไม้ ก่อนจะมีสารเร่งออกมาบังคับต้นมะม่วงออกนอกฤดูเสียอีก เป็นที่กล่าวขวัญกันมาในอดีตนานแล้ว

กระทั่ง ปี 2536 เขาได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ในด้านทำสวนมะม่วงมาแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก สาขาวิทยาศาสตร์ เป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล

ส่วนรางวัลชนะเลิศประกวดไม้ผลมะม่วง ขนุน นั้น มีมากมายจนจำไม่ได้ เขากล่าวกับผู้เขียนไว้เมื่อครั้งได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นไว้ว่า

“ผมเป็นคนชอบทดลองและทำในสิ่งใหม่ๆ ในด้านการนำวิชาการมาควบคู่กับการปฏิบัติจนประสบผลสำเร็จ ในการผลิตมะม่วงนอกฤดูและก่อนฤดู เนื่องจากมีภาระหน้าที่ลูกสาว 3 คน กำลังเรียนในมหาวิทยาลัย กำลังใช้เงินอยู่ ส่วนลูกชายก็ไปหาความรู้ที่ประเทศออสเตรเลีย หากไม่ได้ราคาจากมะม่วงนอกฤดู ผมคงไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนแน่” เขากล่าวถึงความลำบากในอดีตที่ผ่านมา 30 ปี ที่คลุกคลีกับสวนมะม่วงที่เขาเช่าที่ดินไว้นับร้อยไร่

ผู้เขียนเลยถามเขาว่ามีเทคนิคอะไรบ้างหลังมะม่วงนอกฤดู เกษตรกรมีสารเร่งเข้ามาใช้บังคับออกผลได้สำเร็จแล้ว มีชาวสวนมะม่วงนอกฤดูทุกรายภาคผลิตขายกันดาษดื่นไปทุกภาคแล้ว

“เรายังขาดหลายสิ่งหลายอย่างที่มองไม่เห็น ถึงเจ้าของสวนรายใหญ่ๆ ที่ประสบความล้มเหลวในการผลิตมะม่วงนอกฤดูจน “เจ๊ง” กันเกือบทุกราย ขั้นต้นการปลูกมะม่วงพันธุ์ต้องใช้พันธุ์มะม่วงส่งออก เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 และน้ำดอกไม้สีทอง ถัดมา ได้แก่ มะม่วงมหาชนก ที่ตลาดต้องการในต่างประเทศ

แต่ที่เขาล้มเหลวมาเพราะวิธีการจัดการไม่ถูกต้อง เฉพาะสวนมะม่วงแปลงใหญ่ เจ้าของสวนขาดความรู้ความชำนาญ โดยเฉพาะแปลงสวนมะม่วงจัดสรร มีคนงานไม่มีความรู้ ไม่ได้ฝึกมาก่อน ใช้คนงานท้องถิ่น เอาเฉพาะตัดแต่งกิ่ง คนงานจ้างตัดเป็นรายวัน กว่าจะได้ครบร้อยไร่กินเวลาหลายวันกว่างานจะเสร็จ เพราะเขาไม่มีความชำนาญ ต้นไม้ที่ตัดไปก็ออกใบอ่อนไม่พร้อมกัน มันทำให้ต้นไม้เครียด ผลเสียจะตามมา มะม่วงจะออกไม่พร้อมกัน ผลผลิตก็จะตกต่ำ สร้างความเสียหายให้กับสวน แต่ของใช้คนงานที่ฝึกมาดี ไม่จ้างเป็นรายวันให้เหมาไปเลย คนงานชอบทำมากก็ได้เงินมาก แปลงมะม่วงร้อยไร่ทำวันเดียวก็เสร็จ จะฉีดยา ใส่ปุ๋ย จ้างเหมาดีที่สุด ต้นไม้ไม่เครียด เหมือนกับฟาร์มไก่จะทำวัคซีนป้องกันโรคถ้าไม่มีคนงานหลายคน ขืนฉีดวัคซีน 1-2 คน ไก่ในเล้าตื่นตกใจและเครียดจะทำให้ผลผลิตเสียหาย เรื่องอย่างนี้คนเลี้ยงไก่เขาเข้าใจดีครับ”

อดีตเกษตรกรดีเด่นยังกล่าวถึงการใส่ปุ๋ยคอกลงในแปลงมะม่วงน้ำดอกไม้ ถ้าใส่ไปแล้ว เวลาเอามะม่วงไปบ่ม ผิวจะเสีย เพราะมีเชื้อราแอนแทรกโนส หรือโอเตี้ยม เกิดขึ้นแล้วส่งออกไม่ได้เลย ห้ามใช้เด็ดขาดโดยเฉพาะปุ๋ยขี้ไก่

คุณบรรจง จงพิทักษ์พงศ์ เกษตรกรชาวสวนมะม่วงบ้านฉาง จังหวัดระยอง อดีตเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2536

นอกจากนั้นแล้ว คุณบรรจง จงพิทักษ์พงศ์ เห็นว่ามะม่วงไทยกำลังมีตลาดต่างประเทศมาหาซื้ออยู่หลายประเทศ แต่เกษตรกรไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจการผลิตมะม่วงให้ได้คุณภาพ และมาตรฐาน โดยความเห็นของเขาแล้วว่า คุณภาพเป็นสิ่งสำคัญทำให้ราคามะม่วงสูงขึ้น เขาผลิตส่งออกได้คุณภาพ 70% แต่ความเป็นจริงของผู้ส่งออกแล้วเขากล่าวว่า ผลไม้ไทยคัดส่งออกได้ 30% เท่านั้น น่าเสียดายที่ตลาดมะม่วง กล้วย ฯลฯ มีออเดอร์เป็นหมื่นๆ ตัน แต่ไทยมีเพียงพันตันเท่านั้นที่มีคุณภาพมาตรฐานที่จะส่งออกได้ เกรดส่งออกไม่ถึงคุณภาพ

เทคนิคที่คุณบรรจง เปิดเผยว่า “การดูแลรักษามะม่วงเพื่อการส่งออกนั้น ต้องดูแลตั้งแต่ราดสารมะม่วงแล้ว หลังออกดอกบาน การควบคุมการใช้ยาป้องกันราและป้องกันโรคแมลง เป็นระยะรักษาผิวก่อนเก็บเกี่ยวพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองก่อนเก็บเกี่ยว 30 วัน หลังใช้ น้ำดอกไม้สีทอง เบอร์ 4…45 วัน ใช้เพื่อไม่ให้ผิวสีเขียว ส่วนพันธุ์มหาชนก บางแห่งไม่ต้องห่อ เพราะลูกค้าบางรายชอบผิวดั้งเดิม สวยอยู่แล้ว เปลือกหนา เก็บไว้ได้นาน” เขาบอกเคล็ดลับให้เพื่อนเกษตรกรรับรู้ถึงตลาดต้องการ

ส่วนตลาดผู้ซื้อมะม่วงส่งออกนั้น มีจำนวนหลายรายด้วยกัน แต่ละเจ้าจะมีลูกสวนของตัวเองที่เคยค้าขายกันมาก่อน รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวมานานแล้ว รู้นิสัยใจคอกันดี แต่ในอดีต คุณบรรจงก็โดนพ่อค้าหน้าใหม่ที่แยกค้ามาจากเจ้าเก่าคุ้นเคยกันดี เคยถูกเบี้ยวไป 5-6 แสนบาท จำได้ไม่เคยลืม ต้องระวังหน้าใหม่ๆ ที่แยกออกมาจากเจ้าเดิม เตือนเจ้าของสวนมะม่วงเอาไว้ หลอกสนิทเลยทีเดียวจนตายใจ

กติกาผู้ซื้อมะม่วงที่มาติดต่อที่สวนก่อนจะเก็บมะม่วงขาย

ประการแรก ผู้ซื้อมะม่วงจะเอามะม่วงไปส่งแล็บที่กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อตรวจสารเคมี 4-5 วัน ผลตรวจออกมาว่า ไม่มีสารตกค้างแล้ว

ประการที่สอง ผู้ซื้อเพื่อส่งออกมีเจ้าหน้าที่หรือพนักงานมาคัดมะม่วงตามเกรดที่ส่งออก ถ้าตกเกรดก็จะให้เกษตรกรไปขายเอง หรืออาจซื้อไปส่งตลาดล่าง บางรายอาจนำไปแปรรูปขายต่อไป

การตัดแต่งกิ่งเป็นกลยุทธ์อีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ต้นเตี้ยลง

ประการที่สาม จะตัดขั้วมะม่วงให้ยาว 1 นิ้ว เพื่อกันน้ำยางไหลออกมาเปรอะผลมะม่วงได้ จะเสียราคา

ประการที่สี่ การใช้สารเร่งการบ่ม ถ้าต้องการสุกเร็วกรณีส่งใกล้ ถ้าหากส่งไกลก็ไม่ต้องใช้สารเร่งบ่ม

ประการที่ห้า การสอยมะม่วงตัดขั้ว ใช้มีดกรรไกรคมในตะกร้อสอย การเก็บเกี่ยวมะม่วงแก่ถึง 85% นอกฤดูเดือนกันยายน-ตุลาคม ก่อนฤดู มกราคม-กุมภาพันธ์

สุดท้าย ถ้ามะม่วงผิวดีจะได้ราคาดี ถ้ารักษาผิวไว้จะมีราคา

ปัจจุบัน ตลาดต่างประเทศที่ต้องการซื้อมะม่วงจากไทยนั้น มีพันธุ์มหาชนก น้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้สีทอง เบอร์ 4 พันธุ์อาร์ทูอีทู

ตลาดส่งออก ถ้าเป็นประเทศรัสเซีย จะต้องการพันธุ์มหาชนก และอาร์ทูอีทู ขนส่งทางเครื่องบิน เกาหลีใต้ นิยมน้ำดอกไม้สีทอง กับญี่ปุ่น

ประเทศจีน ส่งทางรถยนต์ ใช้พันธุ์มหาชนก รองมาเป็นน้ำดอกไม้สีทอง เบอร์ 4

สำหรับราคามะม่วงส่งออกนั้น คุณบรรจง กล่าวไว้ว่า ขายตามราคา เป็นเกรด ทั้งมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง จะเหนือกว่ามหาชนก ประมาณ 10-20 บาท ต่อกิโลกรัม

กล่องบรรจุมะม่วง เตรียมส่งออก

ราคามะม่วงที่เกษตรกรขายได้ เกรด A น้ำหนัก 350-500 กรัม ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท เกรด B น้ำหนัก 250-300 กรัม ราคา 60-80 บาท

การขนส่งมีประเทศจีนเท่านั้นที่นิยมขนส่งด้วยรถคอนเทรนเนอร์ ขนาดบรรทุกชนิดเล็ก 10-15 ตัน กลาง 15-20 ตัน ใหญ่ 25 ตัน ค่าขนส่งเที่ยวละ 2-2.5 แสนบาท ใช้ระยะกว่า 4-5 วัน เป็นพันธุ์มหาชนก พอไปถึงมะม่วงกำลังรับประทานได้พอดี มหาชนกเป็นพันธุ์เปรี้ยว หนา เก็บไว้ได้นานด้วย เหมาะสำหรับประเทศจีน

ปัจจุบัน คุณบรรจง เซียนมะม่วงอาวุโสที่เขาภาคภูมิใจที่สอนให้ลูกสาวคนโตสืบทอดความรู้มะม่วงจากเขาและเก่งกว่าเขาเสียอีก จากที่ลูกสาวลาออกจากแบงก์กรุงเทพ มาเหมาสวนทำจนประสบความสำเร็จ เธอชื่อ มะลิวัลย์ จงพิทักษ์พงศ์ (ไก่) ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

รายได้จากธุรกิจมะม่วงพอที่เขาจะมีความสุขกับครอบครัวเล็กๆ ที่เขาได้มาจากมันสมองที่คิดออกมาจากประสบการณ์ด้วยมือตัวเอง และสมควรแก่การยกย่องให้เป็นเกษตรกรมะม่วงอาวุโส แห่งบ้านฉาง จังหวัดระยอง ใครต้องการเคล็ดลับความรู้จากมะม่วงของเขา ติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ (081) 983-6025 เพื่อเป็นวิทยาทาน ยินดีต้อนรับ

มะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ ต้องติดคุณภาพเพื่อส่งออก