บ้านหนองคาง ปลูก “เมล่อน” แก้จน สร้างอาชีพ-รายได้มั่นคงให้ลูกหลาน

ตำบลแจงงาม อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี มีเนื้อที่ทั้งหมด 34,022 ไร่ ชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ ทำนา มีพื้นที่ปลูกอ้อย 2.8 หมื่นไร่ ปลูกข้าวเกือบหมื่นไร่ ที่นี่ขาดแคลนแหล่งน้ำชลประทาน ปลูกข้าวได้แค่ปีละครั้ง ชาวบ้านส่วนใหญ่มีรายได้น้อยและฐานะยากจน หมดฤดูทำนา หนุ่มสาวมักอพยพไปรับจ้างในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และชัยนาท เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงครอบครัว ทิ้งเด็กเล็กคนแก่ไว้เฝ้าบ้าน

ปลูกเมล่อน “แก้จน”

ปี 2549 กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น จึงร่วมมือกับ บริษัท เจียไต๋ จำกัด ดำเนิน “โครงการนำร่องภาคธุรกิจ ช่วยเหลือคนจน จังหวัดสุพรรณบุรี” โดยส่งเสริมชาวบ้านปลูกเมล่อนเป็นรายได้เสริมเลี้ยงดูครอบครัว ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อำเภอหนองหญ้าไซ สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อลงทุนให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ รายละ 450,000 บาท

ป้าเกษร มหาพล คัดผลและแขวนลูกเมล่อน

เจียไต๋สนับสนุนองค์ความรู้เรื่องการปลูกเมล่อน และรับซื้อผลผลิตคืนจากเกษตรกรในราคาประกัน และส่งนักวิชาการเจียไต๋มาให้คำแนะนำการผลิตตั้งแต่เริ่มเพาะต้นกล้า การใส่ปุ๋ย การกำจัดแมลงศัตรูพืช และช่วยเหลือด้านการตลาดแก่เกษตรกรอยู่ตลอดเวลา

หลังจากเปิดตัวโครงการ มีเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการในระยะแรกเพียง 20 กว่าราย ปรากฏว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าพึงพอใจ เพราะเมล่อนเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย ขายดี มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการสามารถผ่อนชำระเงินที่กู้มาลงทุนได้เร็วกว่าระยะเวลาที่กำหนด พวกเขามีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง หมดหนี้หมดสิน ที่สำคัญลูกหลานไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานต่างถิ่นอีกต่อไป ลูกหลานกลับมาทำงานที่บ้านเกิดอย่างมีความสุข มีรายได้และฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจนถึงทุกวันนี้

เมล่อนพันธุ์มรกต ของเจียไต๋

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการปลูกเมล่อน สร้างแรงจูงใจให้ชาวบ้านรายอื่นๆ ในชุมชนหันเข้ามารวมกลุ่มปลูกเมล่อนเพิ่มมากขึ้น พวกเขาได้รวมตัวกันจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง” ภายใต้การนำของ คุณอำนาจ แตงโสภา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแจงงาม (อบต. แจงงาม)

ทุกวันนี้เกษตรกรในหมู่บ้านแห่งนี้ รวมทั้งชุมชนใกล้เคียงหันมาปลูกเมล่อนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน สมาชิกทั้งรายเก่าและรายใหม่สนใจลงทุนและขยายพื้นที่ปลูกเมล่อนอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ปลูกเมล่อนมากกว่า 100 ไร่ เพราะตลาดเมล่อนเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะเมล่อนอยู่ในกลุ่มผลไม้เพื่อสุขภาพ เป็นที่นิยมของคนไทยและต่างชาติ ส่งผลให้เมล่อนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้ชุมชน

แผนที่ไปหมู่บ้านหนองคาง

และชุมชนแห่งนี้ถูกเรียกขานว่าเป็น “หมู่บ้านเมล่อน” มีรูปปั้นเมล่อนผลยักษ์ เป็นสัญลักษณ์ตั้งอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ขณะเดียวกันที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีผู้สนใจแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมและสั่งซื้อเมล่อนจากฟาร์มตลอดทั้งปี

“เมล่อนบ้านหนองคาง”
ต้นแบบปลูกเมล่อนในโรงเรือน

ปัจจุบัน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบด้านการปลูกเมล่อนในโรงเรือนปิด ปลอดสารพิษตกค้าง ผ่านการรับรองมาตรฐานการจัดการเกษตรที่ดี (GAP) ผลผลิตส่วนใหญ่จำหน่ายให้ บริษัท เจียไต๋ ก่อนกระจายสินค้าเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด

เกษร เมล่อนฟาร์ม ไปออกบู๊ธงานแสดงสินค้า

ผลผลิตเมล่อนของชุมชนแห่งนี้เป็นสินค้าคุณภาพดี เกรดเอ ปลอดสารพิษตกค้าง รสชาติหวาน อร่อย เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อทั่วประเทศ

จุดเด่นของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง คือมีการบริหารจัดการผลิตที่เป็นระบบ กำหนดรอบเวรให้สมาชิกแต่ละรายปลูกเมล่อนห่างกัน 4 วัน เพื่อให้มีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดตลอดทั้งปี ที่นี่ยังเป็นต้นแบบของการทำงานแบบกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่ภาครัฐภาค เอกชน สนใจเข้าเยี่ยมชมดูงานตลอดทั้งปี เพราะพวกเขาได้นำวัฒนธรรมการลงแขก ในวิถีชีวิตชาวนาแบบดั้งเดิมมาประยุกต์ใช้ในอาชีพการทำฟาร์มเมล่อนได้อย่างน่าชื่นชม

สมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปช่วยกันผสมเกสรต้นเมล่อนและเก็บเกี่ยวผลผลิตในแปลงปลูกเมล่อนของเพื่อนสมาชิกแต่ละราย ช่วยให้การทำงานเสร็จไวขึ้น แถมประหยัดค่าจ้างแรงงาน ลดต้นทุนการผลิตแล้ว ยังก่อให้เกิดความรักความสามัคคีในกลุ่มสมาชิก และช่วยพัฒนาการผลิตเมล่อนของชุมชนแห่งนี้ให้มีคุณภาพดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน

การปลูกดูแล

โดยทั่วไป พื้นที่ 1 ไร่ ลงทุนสร้างโรงเรือนผ้าใบสีขาว ขนาด 6.5×40 เมตร ขนาด 208 ตารางเมตร จำนวน 8 หลัง ปลูกเมล่อนได้ 740 ต้น ต่อโรงเรือน ภายในโรงเรือนมีระบบน้ำหยดให้น้ำต้นเมล่อน ข้อดีของการปลูกเมล่อนในโรงเรือนคือ ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเชื้อรา เพลี้ย และแมลงได้อย่างดี โดยธรรมชาติแล้ว เมล่อนเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี ใช้เวลาปลูกดูแลเพียงแค่ 75 วัน ก็เก็บผลผลิตออกขายได้ ประมาณ 1 ตัน ต่อโรงเรือน

โรงเรือนปลูกเมล่อนระบบปิด

ทางกลุ่มฯ แนะนำให้สมาชิกจดบันทึกการผลิตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันที่ดอกบาน รวมทั้งจำนวนดอกที่ผสมในแต่ละวัน เพื่อกำหนดวันเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ระยะเวลา 1 ปี เกษตรกรสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวเมล่อนได้ถึง 3 รอบ

หากมีการวางแผนจัดการที่ดี เกษตรกรบางรายอาจปลูกเมล่อนได้ถึง 7 รอบ ในระยะเวลา 2 ปี โดยทั่วไป  หลังหักค่าใช้จ่ายจะมีผลกำไรต่อรุ่นไม่ต่ำกว่า 80,000-200,000 บาท แต่เกษตรกรบางรายวางแผนจัดการผลิตอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถสร้างผลกำไรแตะหลักล้านได้อย่างน่าทึ่ง

ทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคางจัดหลักสูตรอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น ช่วยทำให้เกษตรกรมือใหม่ทุกราย สามารถผลิตเมล่อนญี่ปุ่นคุณภาพดี เป็นที่ยอมรับของตลาด สมาชิกมือใหม่ปลูกเมล่อนตามปฏิทินวงจรชีวิตการเติบโตของพืช เริ่มต้นเพาะกล้าในช่วง วันที่ 1-10 ตัดแต่งแขนงต้นเมล่อน ในช่วงวันที่ 11-22 เริ่มผสมเกสรต้นเมล่อน ช่วงวันที่ 23-25 เข้าสู่ขั้นตอนการคัดผลและแขวนลูกในช่วง วันที่ 26-30 ใส่ปุ๋ยให้ต้นเมล่อนเพื่อเร่งลูก ในช่วง วันที่ 36-60 เร่งเพิ่มความหวานให้ผลเมล่อนในช่วง วันที่ 61-70 วัน และเข้าสู่ระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิต ตั้งแต่ วันที่ 71-75

การผสมเกสรดอกเมล่อนในระยะเวลาที่เหมาะสม คือเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดี ต้นเมล่อนมีดอกสมบูรณ์ เพราะมีเกสรดอกตัวผู้และเกสรดอกตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกตัวผู้จะผลิบานอยู่ระหว่างข้อบนลำต้น

เมล่อนพันธุ์มรกตมีรสหวาน นุ่ม หอม อร่อย

ทางกลุ่มฯ แนะนำให้สมาชิกผสมเกสรในช่วง 07.00-11.00 น. แต่จังหวะที่ดีที่สุดในการผสมเกสร เริ่มตั้งแต่ 07.00-09.00 น. โดยเลือกผสมดอกเพียง 2-3 แขนง ต่อต้น หากพ้นระยะเวลาที่กำหนด มักผสมเกสรไม่ได้ผลเพราะต้นเมล่อนจะคายน้ำ

เกษร เมล่อนฟาร์ม

ป้าเกษร มหาพล หนึ่งในเกษตรกรผู้บุกเบิกปลูกเมล่อนในชุมชนแห่งนี้ ปัจจุบัน ป้าเกษร มีบทบาทเป็นแกนนำของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง ทำหน้าที่ดูแลด้านตลาดให้แก่สมาชิกของกลุ่ม ป้าเกษรบอกว่า การปลูกเมล่อนให้ประสบความสำเร็จ มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ ตั้งแต่การวางแผนการปลูกดูแลในระยะเวลาที่เหมาะสม ปัจจัยด้านตลาด รวมทั้งการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์เมล่อนคุณภาพดี

ป้าเกษร มหาพล

ปัจจุบันสมาชิกกลุ่มเลือกใช้เมล็ดพันธุ์เมล่อนของเจียไต๋เป็นหลัก ได้แก่ เมล่อนพันธุ์มรกต ML254 ที่มีลักษณะเด่นคือ ต้นใหญ่ ใบหนา ให้น้ำหนักผลดี เมล่อนมีรสหวาน นุ่ม หอม อร่อย เพราะเป็นเมล่อนญี่ปุ่นสายพันธุ์แท้ ทำความหวานง่าย สินค้าอีกชนิดที่ปลูกง่าย ขายดีคือ เมล่อนพันธุ์โกลเด้นควีน 1520 ที่โดดเด่นในเรื่องรสชาติหวานกรอบ หอม อร่อย ถูกปากผู้บริโภค เมล่อนพันธุ์นี้ปลูกง่ายเติบโตไว ทำความหวานได้ง่าย

เมล่อนพันธุ์โกลเด้นควีน

สินค้าเมล่อนของวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ ปลูกง่าย ขายดีตลอดทั้งปี แถมบางช่วงผลผลิตมีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอีกต่างหาก เมล่อนเป็นไม้ผลที่ปลูกดูแลง่าย ใช้ระยะเวลาปลูกดูแลสั้น แค่ 75 วัน ก็เก็บผลผลิตออกขายได้ ที่สำคัญสร้างผลกำไรงาม ทำให้เกษตรกรรายเก่าและรายใหม่ขยายพื้นที่ปลูกเมล่อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐและเอกชนแวะเวียนเข้ามาศึกษาดูฟาร์มเมล่อนทุกวัน หากใครสนใจอยากชิมรสชาติความอร่อยเมล่อนของชุมชนแห่งนี้ได้ตลอดเวลา

ป้ายติดต่อ เกษร เมล่อนฟาร์ม

เกษร เมล่อนฟาร์ม ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ที่ 1 ตำบลแจงงาม อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี สามารถติดต่อชมฟาร์มศึกษาดูงานกับ ป้าเกษร มหาพล ได้ที่เบอร์โทร. 083-317-7829 คุณนิตยา ถิ่นธรณี เบอร์โทร. 086-110-4177 ได้ทุกวัน