ไม้ประดับที่น่าลองปลูก …ฟักทองยักษ์ – ฟักทองประดับ

ฟักทองประดับ

ฟักทองประดับ Ornamental Gourd มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ เช่น ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา มีการใช้ประโยชน์มายาวนานกว่า 10,000-30,000 ปี จากสายพันธุ์อันแตกต่าง ฟักทองประดับบางชนิดมีการผสมเกสรขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ลูกฟักทองที่ออกมาเหมือนของประดับติดลำต้น บางชนิดเป็นการคัดสายพันธุ์ที่แปลกตามาปลูก เพื่อให้สวนมีรายละเอียดที่แตกต่างไป

ฟักทองประดับ มักใช้ตกแต่งในสวนเป็นสำคัญ โดยปลูกฟักทองให้เลื้อยไต่ตามซุ้มหรือค้างไม้ที่ทำไว้ในสวน อาจปลูกเป็นแนวทางเข้าสู่สวน เมื่อฟักทองติดดอกและออกผล ผลที่ห้อยระย้าจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับมุมสวนนั้นๆ ได้อย่างดี แต่หากปลูกฟักทองลงบนพื้นโดยไม่ทำซุ้มหรือค้างไม้ ลำต้นจะเลื้อยไปตามผิวดิน เมื่อเกิดผลจะทำให้เน่าและเสียหายได้ง่าย นอกจากนั้น ยังสามารถเก็บผลฟักทองมาประดับตกแต่งในบ้าน ผลแต่ละลูกที่เก็บมาสามารถเก็บไว้ได้นานอีกด้วย

สนใจติดต่อ คุณมานพ กองเงิน หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม โทร.(081)-8840798

ฟักทองยักษ์

ฟักทองยักษ์ มีชื่อสายพันธุ์ว่า “บิ๊กมูน” แปลว่า พระจันทร์ดวงใหญ่ ปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่มูลนิธิโครงการหลวง ปลูกครั้งแรกที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาขยายพื้นที่และเปลี่ยนพื้นที่ไปปลูกที่อื่น เช่น สถานีวิจัยแม่หลอด อำเภอแม่แตง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง้ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ขณะนี้ปลูกมากที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า อำเภอปง จังหวัดพะเยา

เมล็ดพันธุ์ต้องสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ ราคาเมล็ดละประมาณ 30-50 บาท ด้วยราคาเมล็ดพันธุ์แพง ต้องเพาะเมล็ดก่อนจึงนำไปปลูกในแปลง เมื่อต้นโตจะเลื้อยไปบนดิน ควรจัดลำต้นให้ขนานไปกับแปลง อาจเหลือเพียงกิ่งเดียว หรือ 2 กิ่ง ก็ได้ แต่ให้แยกไปคนละด้าน รอจนออกดอกและเจริญเต็มที่ ควรช่วยผสมพันธุ์ด้วยการเขี่ยละอองเกสรตัวผู้นำไปผสมกับละอองเกสรตัวเมีย หลังจากผสมพันธุ์แล้วประมาณ 7 วัน จะเริ่มเกิดเป็นผล ห่อผลตั้งแต่ผลเล็กๆ ป้องกันไม่ให้แมลงเจาะเข้าไปวางไข่ภายในผลฟักทองยักษ์ ระยะแรกควรปล่อยให้ผลห้อยติดกับขั้ว

เมื่อผลมีน้ำหนักมากขึ้น และต้องการให้รูปทรงสวยงาม ควรทำค้างให้ลำต้นเลื้อยขึ้นไป แล้วหาวัสดุรองรับน้ำหนักผล ผู้ปลูกต้องหมั่นตรวจดูบ่อยครั้ง เพราะฟักทองเจริญเติบโตเร็วมาก สีผิวจะเปลี่ยนตามไปด้วย

สิ่งสำคัญคือ ต้องหุ้มกระดาษเพื่อช่วยให้สีผิวสวย หุ้มด้วยตาข่ายพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันแมลงเข้าทำลายตั้งแต่เริ่มปลูก และจะต้องเปลี่ยนพื้นที่ปลูกทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดโรคเหี่ยว และโรคที่เกิดจากเชื้อราต่างๆ ระยะปลูกไม่กำหนดแน่นอนตายตัว ควรปลูกในเรือนโรงที่มีตาข่ายป้องกันแมลงศัตรูพืช และควรหุ้มด้วยกระดาษและตาข่ายพลาสติกอีกครั้งหนึ่ง

สนใจติดต่อ คุณเสรี พักผ่อน หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า โทร. (089) 997-1159