ธ.ก.ส. จ่อออกมาตรการช่วยเกษตรกรประสบภัยแล้งยืดเวลาจ่ายดอกเบี้ย 3 ปี

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ที่คาดว่าเกิดปัญหาภัยแล้งกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่เพาะปลูกทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง แม้ว่าเกษตรกรรายย่อยในปีนี้จะเข้ามาตรการพักหนี้เงินต้นเป็นเวลา 3 ปี แต่ก็ต้องผ่อนชำระดอกเบี้ยตามปกติ ดังนั้นหากปีนี้เกษตรกรได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทำให้รายได้ลดลง ธ.ก.ส. อาจพิจารณาให้เกษตรกรยืดเวลาผ่อนชำระในส่วนของดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี โดยให้ผ่อนชำระดอกเบี้ยแค่ 30% ของภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย

นายอภิรมย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลให้ ธ.ก.ส. ทำสองโครงการเพื่อช่วยลดภาระการชำระหนี้ของเกษตรกร คือ โครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรที่มีหนี้คงค้างกับ ธ.ก.ส. ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ขยายระยะเวลาชำระต้นเงินกู้ออกไป 3 ปี เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ตามความสมัครใจ แต่ยังต้องชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้ตามกำหนดเดิม หรือตามที่มาแห่งรายได้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เว้นในกรณีเป็นภาระหนัก ให้ขยายเวลาชำระดอกเบี้ย หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นรายกรณีไป

และโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกร สำหรับต้นเงินกู้ 300,000 บาทแรก ธ.ก.ส. ลดดอกเบี้ยให้ 3% เป็นระยะเวลา 1ปี เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ยกตัวอย่าง เกษตรกรเป็นหนี้กับ ธ.ก.ส. 500,000 บาท ปกติจ่ายดอกเบี้ย 7% ต่อปี หากเลือกเข้าโครงการลดดอกเบี้ย 3% ก็จะจ่ายค่าดอกเบี้ยแค่ 4% ต่อปี เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนี้จ่ายดอกเบี้ยตามปกติ

นายอภิรมย์ กล่าวว่า มาตรการออกมาเพื่อเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดต้นทุนในการประกอบอาชีพสามารถฟื้นฟูตนเอง รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือนและออมเงินมากขึ้น โดยรัฐบาลจะจัดงบประมาณมาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกรในอัตรา 2.5% ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระค่าใช้จ่ายแทนเกษตรกรในอัตรา 0.5% ต่อปี คิดเป็นวงเงินรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท