กาแฟ ไหนจริง ไหนลวง

ก่อนมันจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนค่อนโลก จนไม่รู้ว่าจะจัดวางมันไว้ในหมวดไหน ระหว่างเครื่องดื่ม อาหาร หรือวัฒนธรรม กาแฟเป็นพืชที่ใช้เป็นยามานับพันปี และเป็นยาอยู่อย่างเดียวเช่นนั้นเรื่อยมา จนเมื่อสักร้อยกว่าปีมานี่เอง ที่เราเสพมันในเวลาปกติไม่เจ็บป่วย

ประโยชน์ของกาแฟ พูดกันมานาน มีหมอมีงานวิจัยยืนยันว่ามีผลดีต่อสุขภาพจริง เรื่องลดความดัน เรื่องลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อะไรต่อมิอะไรนั้น มีผลการวิจัยเกิน 10 ปีแล้ว ผลเสียของกาแฟที่มีคนพูดถึงส่วนใหญ่มาจากคนที่ไม่ชอบกาแฟ หรือแพ้กาแฟ คือกินแล้วใจสั่น ซึ่งเกิดขึ้นกับสารอื่นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องแปลกที่กาแฟยังคงเป็นเครื่องดื่มมีราคา ทั้งที่มันควรจะเป็นเครื่องดื่มปกติ เครื่องดื่มราคาถูกสำหรับทุกคน แม้ในประเทศที่ผลิตกาแฟ คนที่กินกาแฟได้คือ ต้องมีรายได้พอควร กระทั่งกาแฟถ้วยริมถนน ก็ใช่ว่าคนหาเช้ากินค่ำจะกินได้ทุกวัน

คนเถียงว่า อเมริกามีกาแฟถูกๆ แก้วละเหรียญไง แต่ 1 เหรียญ สำหรับคนจนในอเมริกา ก็ไม่ใช่น้อย หรือถ้าเขามี 1เหรียญ เขาก็เอาไปหาซื้ออย่างอื่นที่กินแล้วอิ่ม

ฉันเห็นกาแฟริมทางแถวอเมริกา ขายถูกแสนถูก ก็ยังมีคนเข้าไม่ถึงมันอยู่ดี จำนวนเงินเท่ากันกับกาแฟแสนถูกนั้น ซื้อข้าวได้ 1 มื้ออยู่ดี

เช่นเดียวกัน ข้อเสียชัดเจนของกาแฟสำหรับคนไทยคือ ราคามันแพง คนหาเช้ากินค่ำไม่อาจจิบกาแฟแก้วละหลายสิบบาทได้ ไม่ต้องพูดถึงแก้วละร้อยกว่าในร้านอื่นใด

ประเทศไทย ก็ปลูกกาแฟเองมาได้จะร้อยปีแล้ว แต่กาแฟยังคงแพง คนทำงานหาเช้ากินค่ำกินกาแฟดีๆ ไม่ได้ เพราะอะไร?

พอฉันมาทำสวนกาแฟเองจึงรู้ ต้นทุนของกาแฟส่วนใหญ่อยู่ที่ค่าแรง ยิ่งทำกาแฟดี ยิ่งต้องใช้แรงงานมาก อย่างกาแฟในสวนฉันซึ่งไม่ใช้สารเคมี ก็จะต้องใช้แรงงานมากมายในการดูแลไม่ให้กาแฟเป็นโรค หรือตกเป็นเหยื่อของศัตรูพืชและเชื้อโรค

เวลาเก็บผลกาแฟ สวนฉันใช้วิธีเก็บด้วยมือ เก็บแต่เมล็ดที่สุกและเก็บทีละเมล็ด ไม่รูดกิ่ง ไม่เก็บเมล็ดเขียว นี่ถือเป็นวิธีเก็บที่ดีนุ่มนวลที่สุด แต่ก็ใช้แรงงานจำนวนมาก แรงงานคนหนึ่งเก็บเต็มที่ได้ 8 กิโล ค่าแรงวันละ 300 บาท กาแฟ 8 กิโล นี่ตากแล้วได้ไม่ถึง 2 กิโล ขายกิโลละ 350 บาท ไม่คุ้มค่าแรงงาน แต่ต้องขายเท่านี้ ราคาที่ใครๆ ก็บ่นว่าแพง ราคาที่คนจนเข้าถึงไม่ได้

งานวิจัยล่าสุดในอเมริกา เขาทดสอบกับคน 20,000 คน จำนวนตัวอย่างขนาดนี้ จัดเป็นงานวิจัยขนาดใหญ่ทีเดียว เขาพบว่าเมื่อให้คนพวกนี้ดื่มกาแฟ วันละอย่างน้อย 4 แก้ว ทุกวัน คนพวกนี้ลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยดื่มหรือดื่มกาแฟ

อันว่าลดความเสี่ยงนี่ เขาว่ายิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงยิ่งลด คือถ้าอายุเกิน 45 ขึ้นไป ฤทธิ์ของการลดความเสี่ยงที่จะตายเร็วนี่ยิ่งแรงขึ้น ยิ่งแก่ยิ่งตายช้าไปอีกหน่อย ว่าง่ายๆ แบบนั้น

กาแฟ มีฤทธิ์ช่วยลดความดัน โรคตับ มะเร็งลำไส้ อัลไซเมอร์ และมะเร็งผิวหนัง สาเหตุหลักคือ กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารต้านความเสื่อมโทรมของร่างกาย แต่ถ้าพูดว่ากินกาแฟแล้วไม่แก่ หรือยิ่งกินยิ่งหน้าอ่อน อันนั้นก็เกินไป

ในเมล็ดกาแฟมีสารกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน และมีฤทธิ์ลดการติดเชื้อ อันนี้คือ มหาวิทยาลัยในอเมริกาเขาวิจัยมา อาจารย์บางคนถึงขั้นเขียนหนังสือว่า กาแฟ มีผลต่อการมีอายุยืน อันนี้ฉันว่าฟันธงไม่ได้ มันคงต้องมีเรื่องอื่นด้วย อย่างคนแถวอเมริกาใต้ กินกาแฟกันเยอะแยะ แต่อายุก็ไม่ยืน เพราะความยากจนทำให้สุขภาพอ่อนแอ

คนตั้งครรภ์ มักจำกัดการจิบกาแฟ เพราะกลัวจะมีผลต่อทารกในครรภ์ งานวิจัยบอกว่า ถ้าบริโภคกาเฟอีนในปริมาณเหมาะสม คือราว 20 มิลลิกรัม ต่อวัน หรือแก้วเดียว ไม่มีผลต่อการแท้งบุตร อาจารย์หมอบางคนบอกว่า ถึงมากกว่านั้นก็ไม่มีผล

Man inspects coffee berries

แต่คนที่เขาเถียง เขาบอกเขาไม่ได้กลัวแท้ง แต่เขาไม่อยากให้มีผลต่อเด็กในท้อง อันนี้ฉันว่าถามหมอให้แน่นอนก่อนก็ดีนะ โลกนี้มันมีเสียงค้านกันไปค้านกันมาตลอดเวลา ถ้าอีกฝ่ายเจอหลักฐานเพิ่มก็จะมีข้อถกเถียงที่แข็งแรงขึ้น เราอยู่ระหว่างกลาง รักษาตัวไว้ให้ปลอดภัยเป็นดีที่สุด

แต่ถ้าเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ก็ต้องลดปริมาณการดื่ม ไม่ถึงกับไม่ดื่มเลย จะดื่มก็ได้แต่ต้องควบคุมปริมาณ เพราะกาแฟมีผลต่อการเต้นของหัวใจ คนที่มีอาการไฮเปอร์ก็ควรดื่มให้น้อย

สำหรับกาแฟที่เรียกกันว่า กาแฟปลอดกาเฟอีน หรือ decaffeinated coffee ที่จริงมันไม่ได้ปลอดกาเฟอีนจริงๆ นะ เพียงแต่มันมีปริมาณกาเฟอีนน้อย ปกติกาแฟ 1 แก้ว จะมีกาเฟอีน 75-165 มิลลิกรัม ส่วนเจ้า decaffeinated coffee มีกาเฟอีนราว 2-7 มิลลิกรัม

เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจว่า มันไม่มีกาเฟอีนแล้วดื่มไม่แล้วไม่เลิก ไม่ดี

ผลเสียของกาแฟที่วิจัยพบคือ มันลดแคลเซียมในกระดูก คนจึงกลัวว่ามันจะทำให้กระดูกผุ แต่หมอกระดูกที่ทำงานวิจัยกาแฟค้านว่า ผลมันน้อยมาก เพราะในทางหนึ่งมันอาจลดแคลเซียมเรา แต่ฤทธิ์ของมันอีกทางคือ ทำให้ประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียมของร่างกายเราดีขึ้น หมายถึง ถ้าเรากินแคลเซียมอย่างอื่น กาแฟจะช่วยดูดให้มันมาทำงานได้เร็วขึ้นมากขึ้น

อันนี้ก็งงอยู่ แต่หมอกระดูกเขาว่ามา

ร่ายความดีงามมามาก แต่ที่จริงกาแฟเป็นยานพาหนะของพิษร้ายหลายอย่าง เพราะคนส่วนใหญ่กินกาแฟใส่น้ำตาล และครีมเทียม เวลากินกาแฟที่ว่าดีแสนดี ก็เอาเจ้าพวกร้ายแสนร้ายนี่เข้าไปด้วย

ถ้าจะกินกาแฟเป็นยา ต้องหลีกเลี่ยงการทำให้กาแฟกลายเป็นตัวร้าย อย่างเช่น เลิกกินมันกับครีมเทียม ที่รังแต่จะทำให้เส้นเลือดอุดตัน หรือกินแบบประโคมน้ำตาล เพราะกาแฟไม่สามารถช่วยให้รอดจากฤทธิ์ร้ายของน้ำตาล หรือครีมเทียมได้

ถ้ามีไขมันในเลือดสูง เขาให้กินกาแฟที่ผ่านเครื่องกรองจนไม่มีกาก กากกาแฟมีสารบางอย่างทำให้ไขมันในเลือดสูงขึ้นในบางคน

และถ้าเป็นคนนอนยากอยู่แล้ว ก็ควรอยู่ให้ไกลจากกาแฟ