ลิลลี่ ต้องปลูกในที่อากาศหนาวเย็น

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมสนใจอยากปลูกต้นลิลลี่ เพราะสวยงาม ทั้งลำต้นและดอก ไม่ทราบว่าแถบจังหวัดนครสวรรค์จะปลูกได้หรือไม่ ที่ผ่านมาเคยเห็นนำมาจัดแสดงที่จังหวัดเชียงใหม่หลายครั้ง อีกทั้งเคยเห็นตามร้านขายดอกไม้ใน กทม. เขาเก็บในตู้ปรับอากาศ จึงมีความสงสัยอยู่หลายอย่าง จึงขอความรู้เรื่องลิลลี่จากคุณหมอเกษตร กรุณาแนะนำด้วยครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

สุวิทย์ วุฒิมงคลชัย

นครสวรรค์

ตอบ คุณสุวิทย์ วุฒิมงคลชัย

ลิลลี่ เป็นไม้ดอกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ลักษณะดอกมี 6 กลีบ แยกจากกัน ช่อดอกตั้งตรง ดอกมีหลายสี ตั้งแต่สีขาว แดง ชมพู และม่วง พันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทย มีพันธุ์คาซาบลังก้า ดอกสีขาว พันธุ์สีขาว พันธุ์อาคาปุลโก้ ดอกสีชมพู และพันธุ์โซลีมีโอ้ ดอกสีม่วงอมน้ำตาล แหล่งปลูกที่เหมาะสมกับลิลลี่ต้องมีอุณหภูมิกลางวัน 20-25 องศาเซลเซียส ส่วนกลางคืน 13-18 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-75 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การปลูกลิลลี่ที่ให้ผลดีจึงปลูกบนที่สูง เหนือจากระดับน้ำทะเลปานกลาง อย่างน้อย 400 เมตร ช่วงปลูกที่ดีคือในช่วงอากาศหนาว

การเตรียมแปลงปลูก ปรับปรุงดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน และแกลบดิบอีก 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน ยกร่อง กว้าง 1 เมตร สูงจากพื้น 20-30 เซนติเมตร ปรับผิวหน้าให้เรียบ หากเป็นหัวพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศให้นำลงปลูกในแปลงทันที หากยังไม่ปลูกต้องเก็บในตู้เย็น ที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส ขนาดหัววัดรอบวง 16-18 เซนติเมตร ใช้ระยะปลูก 15×15 เซนติเมตร ปลูกลึกไม่เกิน 60 เซนติเมตร แล้วรดน้ำด้วยฝักบัว วันละ 1 ครั้ง บำรุงต้นด้วยปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ 100 ตารางเมตร เดือนละ 2 ครั้ง ไปจนถึงระยะใกล้ตัดดอก เมื่อต้นสูงขึ้นประมาณ 20 เซนติเมตร ให้ขึงตาข่าย ตาหมากรุก มีช่องขนาด 10×10 เซนติเมตร หรือ 4×4 นิ้ว ไว้เหนือแปลงปลูก 1 ชั้น เพื่อพยุงให้ต้นและก้านดอกตั้งขึ้น แล้วขยับขึ้นตามเมื่อก้านดอกยืดยาวขึ้น

โรคระบาด ที่พบเสมอคือ โรคโคนเน่าและหัวเน่า ป้องกันได้โดยการอบดินฆ่าเชื้อ ที่ 85 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือขุดพลิกดินตากแดดไว้เป็นเวลา 1 เดือน แล้วหว่านด้วยปูนขาว อัตรา 50 กิโลกรัม ต่อแปลงขนาด 100 ตารางเมตร ปีละ 2 ครั้ง ก่อนปลูกและหลังการเก็บเกี่ยว ประการสำคัญอย่าให้น้ำขังแฉะในแปลงปลูก หมั่นบำรุงและดูแลรักษา กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ

ระยะเก็บเกี่ยว ขึ้นอยู่กับแต่ละพันธุ์ ให้สังเกตเมื่อดอกที่ 1 และ 2 เริ่มเปลี่ยนสีสดใสขึ้น เป็นระยะเก็บเกี่ยวที่ดีที่สุด ให้ตัดก้านดอกด้วยคีมที่คมและสะอาด ให้มีความยาว 50-100 เซนติเมตร และควรเก็บเกี่ยวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเวลา 10.00 น. รวบรวมไว้นำไปใช้ประโยชน์ หรือจำหน่ายในตลาด

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามที่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ในบริเวณเดียวกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน จตุจักร กรุงเทพฯ ในวัน และเวลาราชการ