“อาทิตย์ มติธรรม”ปราชญ์เกษตรดีเด่น ปี 2562 ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ต้นแบบการทำสวนสละครบวงจร

กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมผลักดันเกษตรกร สู่ปราชญ์เกษตรดีเด่น ปี 2562 ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ต้นแบบการทำสวนสละครบวงจร –เน้นแปรรูปสละสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน

นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีนักส่งเสริมการเกษตรครอบคลุมในทุกตำบล ทำหน้าที่ให้ความรู้ คำแนะนำ เป็นพี่เลี้ยงให้แก่เกษตรกร พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรในด้านต่างๆ เพื่อผลักดันให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง ทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน รวมถึงสามารถผลักดันเกษตรกรในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงให้เกิดความเข้มแข็งไปด้วยกัน หนึ่งในเกษตรกรรายนั้นคือ นายอาทิตย์ มติธรรม  ชาวอำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เกษตรกรที่ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นเกษตรกรต้นแบบการทำสวนสละครบวงจร เน้นการแปรรูปผลผลิตสร้างมูลค่าเพิ่ม ผู้ได้รับรางวัลปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น ประจำปี 2562 ซึ่งได้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลปราชญ์เกษตรดีเด่น ในงานพระราช พิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี พ.ศ.2562 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา

นายอาทิตย์ มติธรรม  ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการประกอบอาชีพจนประสบความสำเร็จ จากเดิมเคยเป็นข้าราชการครู ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานทำสวนทุเรียน เป็นระยะเวลา 25 ปี ก่อนจะลาออกมาทำอาชีพเกษตรกรอย่างเต็มตัว ในปี 2538 ช่วงนั้นเกิดวิกฤตราคาทุเรียนตกต่ำ สำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้นำเกษตรกรในท้องถิ่นรวมทั้งนายอาทิตย์ไปศึกษาดูงานสวนผลไม้ในจังหวัดจันทบุรี โดยนายอาทิตย์สนใจปลูกสละจึงซื้อต้นพันธุ์สละมาปลูกที่บ้านเกิด จำนวน 36 ต้น ถือเป็นรายแรกที่นำสละมาปลูกในเชิงการค้าในภาคใต้จนได้ OTOP ของตำบลคลองปราบ เป็นสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัด

นายอาทิตย์ เล่าให้ฟังว่า ระยะแรก ทดลองปลูกสละแซมในสวนทุเรียนก่อน เมื่อต้นสละให้ผลผลิตที่ดี จึงค่อยๆ ขยายพื้นที่ปลูกสละเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกรวม 152 ไร่ มีสละประมาณ 8,000 กอ ให้ผลผลิตมากกว่าปีละ 300 ตัน และผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP ผลสละคุณภาพดี ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดในอนาคต เพราะทุกวันนี้ ผู้บริโภคสนใจเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและความปลอดภัยทางอาหารเพิ่มมากขึ้น

นายอาทิตย์สนใจศึกษาหาความรู้ พัฒนาการปลูกสละจนเกิดความเชี่ยวชาญในการปลูกสละ กลายเป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้การทำสวนสละครบวงจร ผลผลิตสละสดของสวนสละอาทิตย์ ได้รับรางวัลสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว และพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าในรูปแบบต่างๆ เช่น น้ำสละ สละลอยแก้ว  ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. และฮาลาล  สร้างตราสินค้า (Brand) เป็นของตนเอง รวมทั้งจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนผลิตและแปรรูปสละอาทิตย์ เปิดสวนสละอาทิตย์เป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงเกษตร ในปี 2550 เส้นทางความสำเร็จของ สวนสละอาทิตย์ สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรในเขตภาคใต้ที่ประสบปัญหายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ สนใจที่จะปลูกสละในพื้นที่ของตนเอง เพื่อสร้างอาชีพรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

 

เทคนิคการปลูกสละของนายอาทิตย์ จะใช้ต้นพันธุ์ที่แยกจากส่วนลำต้นมาเพาะและอนุบาลในกระถางก่อนนำไปปลูกในระยะ 4×6 เมตร โดยปลูกสละทั้ง 2 เพศในแปลงเดียวกันใน อัตราส่วนต้นตัวผู้ 1 ต้นต่อตัวเมีย 20 ต้น ซึ่งพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกสละได้ 66 ต้น และปลูกต้นสะตอเหลียงไว้ในแปลงสละด้วย เพื่อเป็นร่มเงาแก่ต้นสละ รากต้นสะตอเหลียงสามารถตรึงไนโตรเจนในดินแถมยังใช้ใบสะตอเหลียง เป็นปุ๋ยพืชสดบำรุงต้นสละไปพร้อมๆ กัน ช่วยประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีได้เกือบ 50%

ภายในสวนแห่งนี้ ได้ติดตั้งเครื่องวัดความชื้นในดินและความชื้นในอากาศด้วย เพื่อดูแลจัดการให้น้ำต้นสละอย่างเพียงพอตามความต้องการของพืช ช่วยให้ผลผลิตคุณภาพดีการดูแลจัดการสวนสละไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด เน้นดูแลจัดการสวนให้โปร่งสะอาด เก็บสละผลเน่า ผลร่วงออกให้หมดเพื่อป้องกันปัญหาเชื้อรา และเลี้ยงแมวไว้กว่า 50 ตัว เพื่อช่วยกำจัดศัตรูพืชประเภท หนู กระรอก กระแต ภายในสวนสละแห่งนี้

หลังปลูก 6 เดือนเมื่อต้นสละแตกกอ จะทำการตัดแต่งต้นสละหลุมละไม่เกิน 3 ต้น ใส่ปุ๋ยครั้งละน้อยแต่ใส่บ่อยๆ โดยใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 300 กรัม/กอ/เดือน สลับกับปุ๋ยคอกและมูลไก่อัดเม็ด เมื่อต้นสละอายุครบ 30 เดือน จะเริ่มออกดอก อาศัยแรงงานคนช่วยผสมเกสรโดยนำดอกตัวผู้มาเคาะใส่ดอกตัวเมียที่บานแล้ว หลังจากนั้นอีก 9 เดือน ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ โดยมีผลผลิตเฉลี่ยกอละ  60 ก.ก. ขายในราคาก.ก.ละ100บาท

ปัจจุบัน สวนสละอาทิตย์ กลายเป็น 1 ใน 50 แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรต้องชม ที่กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำให้เกษตรกรและนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะชมสวนแห่งนี้ โดยนักท่่องเที่ยวจะได้สนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ  ทั้งการศึกษากรรมวิธีการผลิตสละคุณภาพ GAP และมีสละสดให้รับประทานฟรี ดูแปลงไร่นาสวนผสม ถ่ายรูปตามจุด(Check In) ภายในสวน กิจกรรมคั่วกาแฟ และดื่มกาแฟที่คั่วเอง ซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ทางสวนปลูกเอง การให้บริการที่พักโฮมสเตย์ มีร้านค้าสำหรับขายเครื่องดื่มให้ผู้สนใจได้เลือกชม ชิม และซื้อของฝากของที่ระลึกติดมือกลับบ้านได้

ผู้สนใจสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำสวนสละกับปราชญ์เกษตรดีเด่นประจำปี 2562 ได้ที่ “สวนสละอาทิตย์”  หมู่ 1 ตำบลคลองปราบ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โทร. 08-1968-3602 และติดตามกิจกรรมของสวนสละอาทิตย์ได้ทางเฟซบุ๊คสละอาทิตย์ และทางเว็บไซต์ www.สละอาทิตย์.com ได้ตลอดเวลา