เจาะลึก EIMA SHOW งานมหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติ (ตอนที่ 1)

บริเวณอาคารจัดแสดง

นับเป็นความโชคดีที่ “นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน” มีโอกาสได้รับคัดเลือกให้เดินทางไปร่วมงานมหกรรมระดับนานาชาติ ที่เกี่ยวข้องกับมหกรรมเครื่องจักรกลโดยตรง โดยการรับเชิญจากสถานทูตอิตาลี และสหภาพผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศอิตาลี ให้เข้าร่วมงามมหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติ EIMA SHOW (Exhibition International Machinery Agricultural) ที่เมืองโบโลญญา (Bologna) ประเทศอิตาลี เมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา

กว่าจะนำมารีวิวให้ผู้อ่านได้เห็นภาพกันได้ ต้องคัดกรองหลายขั้นตอน เนื่องจากผู้เขียนไม่สันทัดด้านการใช้ภาษาต่างประเทศสักเท่าไร แต่การสื่อสารและการเก็บข้อมูลในครั้งนี้ ต้องใช้ภาษาสากลเท่านั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาให้ดีก่อนนำเสนอข้อมูลที่เป็นสาระออกไป และก่อนเข้าสาระสำคัญของการจัดงาน ขอขอบคุณ คุณสุปราณี ณ สงขลา ผู้สื่อข่าววารสารเคหการเกษตร ที่ช่วยเหลือทางด้านภาษา ตลอดการเก็บข้อมูลในเมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี

งานมหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติ ซึ่งต่อไปขอเรียกสั้นๆ ว่า งาน EIMA (ออกเสียงเป็นภาษาไทยว่า เอม่า) เป็นงานที่รวบรวมเครื่องจักรกลทางการเกษตรจากทั่วโลกมาจัดแสดงไว้ในที่เดียวกัน ทั้งยังนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตรต่างๆ มาจัดแสดงภายในงาน ซึ่งงาน EIMA SHOW จัดขึ้นตั้งแต่ ปี 1969 ภายใต้งานนิทรรศการเครื่องจักรเพื่อการเกษตรและสวน

ทางเข้างาน EIMA SHOW

ครั้งนี้ นับเป็น ครั้งที่ 42 ของการจัดงาน แสดงให้เห็นว่า งาน EIMA เป็นงานที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในแต่ละปีก็มีไฮไลต์ของงานที่แตกต่างกันไปตามสภาวการณ์ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางการเกษตรและโลกที่เปลี่ยนไป เพื่อให้เกษตรกรนำไปประยุกต์ใช้ให้ตรงตามสภาพแวดล้อม ยังประโยชน์แก่ผู้ร่วมงาน ซึ่งในทุกปีมีผู้สนใจทั่วโลกเดินทางเข้าชมงานจำนวนมาก

คุณแมสซิโม โกล์ดโดนี่

งานจัดขึ้นที่เมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี ซึ่งไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศ แต่เป็นเมืองเก่าที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นเมืองศูนย์กลางแห่งเครื่องจักรกลการเกษตรที่ขึ้นชื่อในความทันสมัย และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งหนึ่งของโลก

การเดินทางจากประเทศไทย ใช้เวลาประมาณ 12-13 ชั่วโมง และครั้งนี้ผู้เขียนจำเป็นต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินทาง เนื่องจากช่วงเวลาที่มีการจัดงาน เมืองโบโลญญากำลังก้าวเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ย 4-9 องศาเซลเซียส ขณะที่ประเทศไทย อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28-34 องศาเซลเซียส ซึ่งการร่วมงานครั้งนี้ ประเทศเจ้าภาพได้เชิญสื่อมวลชนจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน เพื่อให้การจัดงานมหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรที่มีผู้ผลิตนำมาจัดแสดงทั่วไปออกเผยแพร่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และครั้งนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 5 วัน ระหว่าง วันที่ 9-13 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา โดยเพิ่มพื้นที่การจัดงานจาก ปี 2558 จำนวน 16 ฮอลล์ เป็น 24 ฮอลล์ โดยมีผู้จัดแสดงจาก 1,900 บริษัท เครื่องจักรกลการเกษตรกว่า 50,000 รุ่น 60 ประเทศทั่วโลก และเปิดงานโดย คุณแมสซิโม โกล์ดโดนี่ ประธานสหภาพผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศอิตาลี ซึ่งงานนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ Itabia, EIMA Energy, Bio Habitat and EIMA M.i.A., Unacma and EIMADESK, Ascom และ Galleria Cavour

ในปีนี้ มีไฮไลต์การจัดงานอยู่ที่การจัดแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ ภายในงาน รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ 25 ชนิด ที่ได้รับรางวัล Novita Tecnica และไอเดียใหม่ ซึ่งเป็นทางเลือกของการทำการเกษตรอีก 54 ชนิด ที่ได้รับรางวัล Segnalazione

คุณแมสซิโม โกล์ดโดนี่ ประธานสหภาพผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศอิตาลี เปิดเผยถึงรูปแบบการจัดงานว่า รูปแบบในปี 2559 นี้ ได้มุ่งเน้นไปที่ “อาหาร” เพื่อให้ต่อเนื่องจากงาน Expo Milano ที่จัดขึ้นเมื่อ ปี 2558 และเป็นตัวเชื่อมโยงไปสู่ภาคอุตสาหกรรม 4.0 (Industrial 4.0) โดยจะเชื่อมโยงกับแคว้นเอมิเลีย โรมัญญา (Emilia Romagna) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตื่นตัวในเรื่องของความท้าทายในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร และยังให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพอาหารและการลงทุนให้ความรู้ในด้านบุคลากร

แปลงทำการเกษตรในเมืองโบโลญญา
ภาพถ่ายแปลงทำการเกษตร จากมุมสูง

ประธานสหภาพผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศอิตาลี ยังกล่าวถึงภาพรวมของเครื่องจักรกลการเกษตรของโลกว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง ไม่ว่าจะเป็นยุโรป จีน บราซิล ซึ่งต้นเหตุของเครื่องจักรกลการเกษตรอยู่ในช่วงขาลงเกือบทุกประเทศ เป็นเพราะเกษตรกรหลายประเทศทั่วโลกผลิตอาหารหลักมากเกินความต้องการ ทำให้เกิดภาวะสินค้าทางการเกษตรมีมูลค่าลดลง ซึ่งผลที่ตามมาคือ รายได้ของเกษตรกรก็ลดลงตามไปด้วย และส่งผลกระทบไปถึงการซื้อขายเครื่องจักรกลการเกษตร แต่ในทางกลับกัน ตลาดใหม่ๆ ที่อยู่ในช่วงขาขึ้นก็มี เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา หรือแม้กระทั่งเอธิโอเปีย ก็อยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกัน หากมองในภาพรวมของการตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร ภาวะขาลงของเครื่องจักรกลการเกษตรจะยังคงตกลงต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2560 และน่าจะขยับขึ้นในปี 2561 ที่จะถึง

“การซื้อขายเครื่องจักรกลการเกษตรที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เช่น เวียดนาม ก็มีการซื้อขายรถแทรกเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 411 เปอร์เซ็นต์ หรือ 124 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเป็นเอธิโอเปีย ก็มีการซื้อขายรถแทรกเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 250 เปอร์เซ็นต์ และเคนยา (ไม่รวมคิวบา) ก็มีการซื้อขายรถแทรกเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 240 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ คิวบา ยังเป็นประเทศที่มีการซื้อขายส่วนอุปกรณ์ต่อพ่วงของรถแทรกเตอร์ เพิ่มขึ้นสูงถึง 800 เปอร์เซ็นต์ สำหรับประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่ประเทศไทยควรจับตามองคือ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเวียดนาม โดยกัมพูชามีการซื้อขายรถแทรกเตอร์เพิ่มขึ้น 210 เปอร์เซ็นต์ ฟิลิปปินส์ มีการซื้อขายรถแทรกเตอร์เพิ่มขึ้น 190 เปอร์เซ็นต์ และเวียดนาม มีการซื้อขายรถแทรกเตอร์เพิ่มขึ้น 128 เปอร์เซ็นต์”

ประธานสหภาพผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศอิตาลี กล่าวอีกว่า แม้ว่าการจัดงาน EIMA SHOW ใน ปี 2559 นี้ จะเพิ่มพื้นที่การจัดแสดงจากปีที่ผ่านมา (ปี 2558) จากจำนวน 16 ฮอลล์ เป็น 24 ฮอลล์ แล้วก็ตาม แต่การจัดงาน EIMA SHOW ครั้งต่อไปในอีก 3-6 ปีข้างหน้า มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่การจัดแสดงเพิ่มขึ้นอีก โดยเน้นพื้นที่การจัดงานให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้น

วิหาร San Petronio Basilica ก่อสร้างด้วยอิฐ
Piazza Maggiore จตุรัสกลางเมือง

งาน EIMA SHOW จัดแสดงขึ้นภายในอาคารขนาดมหึมา แบ่งเครื่องจักรกลการเกษตรที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้ออกเป็น การจัดแสดงเครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์การเกษตรทั่วไป อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในอนาคต และอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกับเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้ รถแทรกเตอร์ เครื่องเตรียมดินขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เครื่องมือปลูก เครื่องพ่นสารเคมี อุปกรณ์ระบบน้ำ อุปกรณ์การตรวจวัด และอุปกรณ์ไฮเทคที่นำมาผสมผสานให้กับเครื่องจักรกลการเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แต่ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดของงาน ภายใต้อาคารจัดแสดงขนาดมหึมา ขอพาไปรู้จักกับเมืองโบโลญญา เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเครื่องจักรกลการเกษตรของประเทศอิตาลี ว่าแท้จริงแล้ว เมืองโบโลญญา เป็นเมืองเก่าและเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นเอมิเลีย โรมัญญา (Emilia Romagna) ทั้งยังเป็นเมืองหลวงของแคว้น เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดในอิตาลี เพราะมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีข้อมูลระบุว่า เมืองโบโลญญา เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี อันดับ 5 ของอิตาลี ในปี 2006 และอันดับที่ 12 ในปี 2007

ความโดดเด่นของเมืองโบโลญญา ตามความสนใจของนักท่องเที่ยวคือ เมืองที่มีมหาวิทยาลัย Alma Mater Studiorum ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1088 จึงถือเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และขึ้นชื่อเรื่องของเมืองอาหารอร่อย เพราะเป็นต้นกำเนิดของอาหารอิตาเลียนชื่อดัง เช่น ลาซานญ่า (Lasagna) และพาสต้าโบโลเนส (Pasta Bolognese)

สัญลักษณ์ของเมืองเก่าอย่างโบโลญญามีมาก ที่น่าสนใจและโดดเด่นควรแก่การไปชม คือ Asinelli Tower หอคอยที่สูงที่สุด ความสูงของหอคอย 97 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 30 ชั้น ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1119 ด้านข้างยังมีหอคอย Garisenda Tower ในอดีตมีความสูง 60 เมตร แต่ภายหลังฐานเริ่มยุบตัวลงจนหอคอยเอียง และเหลือความสูงในปัจจุบันเพียง 48 เมตร บริเวณใกล้เคียงกัน เป็นที่ตั้งของ Piazza Maggiore (จตุรัสมักเจโร) จตุรัสกลางเมืองโบโลญญา ตรงข้ามกับจตุรัสคือ วิหาร San Petronio Basilica เป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็น อันดับที่ 5 ของประเทศอิตาลี และเป็นโบสถ์ที่ก่อสร้างด้วยอิฐแบบกอธิคแท้ๆ

Asinelli Tower หอคอยที่สูงที่สุด
Alma Mater Studiorum มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในโลก

แม้ว่าสภาพบ้านเมืองจะเป็นเมืองเก่า แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของเมืองได้เป็นอย่างดี ประกอบกับร้านค้าทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในแหล่งช็อปปิ้ง ส่วนใหญ่เป็นร้านที่เรียกตามแบบฉบับบ้านเราว่า ร้านขายของชำ ตั้งขายเครื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงผักและผลไม้ที่มีอยู่มากมายหลายหลาก

ร้านขายของชำ
ผักสด จัดวางในกระบะอย่างเป็นระเบียบ
อาร์ติโชค
หอมแดง ร้อยโชว์เรียกลูกค้า
พริกหวาน

สินค้าทุกกระบะจะติดราคาไว้ ใครต้องการซื้อในปริมาณมากน้อยก็สามารถหยิบใส่ตะกร้า แล้วนำไปที่ผู้ขาย ซึ่งจะชั่งน้ำหนักและคิดเงินตามน้ำหนักของสินค้าแต่ละชนิด

ผักและผลไม้ ที่วางจำหน่ายในร้านขายของชำ ย่านชุมชนเมืองโบโลญญา มีความสดมาก ทั้งยังมีสีสันน่าจับต้อง น่าลองหลายชนิด

ทั้งหมดข้างต้นเป็นรายละเอียดฉบับย่อในการทำความรู้จักเมืองโบโลญญา ก่อนจะนำเข้าสู่รายละเอียดของการจัดงาน EIMA SHOW ในฉบับหน้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตรในแต่ละโซนของการจัดงาน แล้วพบกันฉบับต่อไป