ชาวเวียงแก่น เจ๋ง ปลูกส้มโอ ส่งขายตลาดยุโรป-เอเชีย 80 เปอร์เซ็นต์

การเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดเชียงราย มีความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำ ภูเขา ป่าไม้ ตลอดจนยังติดกับแม่น้ำโขง จึงทำให้ “เวียงแก่น” มีสภาพทางธรรมชาติที่เอื้อต่อการปลูกพืช ไม้ผล ได้อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะการปลูกส้มโอของชาวบ้านที่พัฒนาคุณภาพได้มาตรฐาน กลายเป็นไม้ผลเศรษฐกิจสำคัญส่งขายต่างประเทศ

สวนส้มโอปลูกแบบพื้นราบ

คุณนงนุช โสดาภูมิ เกษตรอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า มีพื้นที่ปลูกส้มโอทั้งหมด 5,300 ไร่ พันธุ์ส้มโอที่ปลูกเป็นการค้ามี 3 ชนิด คือ ทองดี ขาวใหญ่ และเซลเลอร์ ลักษณะพื้นที่ปลูกแบบพื้นราบ สามารถแยกเป็นสวนที่ให้ผลผลิตประมาณ 3,000 ไร่ และในจำนวนนี้ พื้นที่ 2,000 ไร่ จะปลูกพันธุ์ทองดี อีก 600 ไร่ เป็นขาวใหญ่ และเซลเลอร์ จำนวน 400 ไร่ โดยมีผลผลิตเฉลี่ย 2,000 กิโลกรัม ต่อไร่

ทางด้านคุณภาพส้มโอเวียงแก่น ได้พัฒนาปรับปรุงมาโดยตลอด จากครั้งแรกที่เริ่มปลูกจะได้รสฝาด ขม จนมาถึงทุกวันนี้ชาวสวนส้มโอมีฝีมือการปลูกที่เก่งมาก บริหารจัดการเทคโนโลยีการให้ปุ๋ย การตัดแต่งกิ่ง การป้องกันศัตรูพืช โรคพืช ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รสชาติมีความอร่อยถูกปากผู้บริโภค โดยเฉพาะชาวต่างประเทศที่ติดอกติดใจเจาะจงส้มโอจากเวียงแก่นเท่านั้น

คุณนงนุช โสดาภูมิ เกษตรอำเภอเวียงแก่น (ขวา) กับแม่คำ

“อย่างไรก็ตาม ส้มโอที่ส่งขายต่างประเทศจะมีเฉพาะบางสวนที่มีศักยภาพ และได้มาตรฐาน ตลอดจนได้รับรอง GAP และหนึ่งในนั้นเป็นสวนส้มโอแม่คำ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการผลิตส้มโอทั้งในระดับจังหวัด ภูมิภาค และระดับประเทศ อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของต่างประเทศ”

คุณกิติยา มั่งมูล (แม่คำ) เจ้าของสวนส้มโอ “แม่คำ” บ้านเลขที่ 198 หมู่ที่ 5 ตำบลม่วงยาย อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย นับเป็นสวนส้มโอคุณภาพและเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนส้มโอเวียงแก่นเพื่อการส่งออก

 

ต้นส้มโอที่ต้องปลูกทดแทน

แม่คำ เล่าว่า เดิมปลูกข้าวโพดและถั่ว แต่ประสบปัญหาราคา จึงเปลี่ยนมาปลูกส้มโอ เพราะเห็นว่าชาวบ้านแถวนี้ปลูกได้สำเร็จ ปัจจุบันปลูกส้มโออยู่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ทองดี ขาวใหญ่ และเซลเลอร์ พื้นที่ปลูกส้มโอ จำนวน 20 ไร่ ปลูกมาเป็นเวลา 15 ปี

Advertisement

“แรกเริ่มไปหาซื้อพันธุ์มาจากสมุทรสงคราม แล้วมาขยายด้วยการทาบกิ่ง ศึกษาข้อมูลพันธุ์ตลอดจนวิธีปลูกจากหนังสือเกษตร รวมถึงยังไปดูจากสวนส้มโอที่ชาวบ้านในพื้นที่ปลูกแล้วประสบความสำเร็จ”

ในช่วงทดลองปลูก แม่คำใช้พื้นที่จำนวน 4 ไร่ก่อน ปลูกจำนวนไม่มาก เพราะต้องการเรียนรู้ให้ชำนาญ จนกระทั่งได้ผลผลิตมีคุณภาพพอสมควร เมื่อนำไปขายได้ราคาเป็นที่พอใจ จากนั้นจึงขยายพันธุ์เพิ่มพื้นที่ปลูกมาเรื่อยกระทั่งมีจำนวน 20 ไร่ ในปัจจุบัน

Advertisement

“เน้นปลูกทองดี เป็นพันธุ์หลัก จำนวน 220 ต้น รองลงมาเป็นขาวใหญ่ 60 ต้น และเซลเลอร์ จำนวน 60 ต้น ระยะปลูกมีทั้ง 7 คูณ 7 เมตร กับ 8 คูณ 8 เมตร ขึ้นอยู่กับพื้นที่แต่ละแห่ง”

คุณกิติยา มั่งมูล (แม่คำ) เจ้าของสวน

สวนส้มโอแม่คำ เตรียมแปลงและดูแลปลูกอย่างไร?

ขุดหลุมปลูกขนาด กว้าง ยาว และลึก 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์และปูนขาว นำต้นพันธุ์ที่ได้จากการทาบกิ่ง มีขนาดสูงประมาณ 1 เมตร ลงหลุม กลบดินให้เสมอปากหลุม รดน้ำ โดยยังไม่ต้องใส่ปุ๋ยอะไร เพื่อให้ต้นปรับสภาพความพร้อมเสียก่อน
จากนั้นอีก 1 เดือน จึงเริ่มใส่ปุ๋ย สูตรเสมอ 15-15-15 ประมาณสัก 2 กำมือ โรยรอบต้น โดยใส่เดือนละครั้ง จนเมื่อมีใบอ่อนเริ่มแตก จึงทิ้งช่วงใส่ปุ๋ยสูตรเสมอเดือนเว้นเดือน แต่ยังใส่ปุ๋ยสังเคราะห์แสงและปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก ตลอดจนน้ำหมักร่วมด้วย นอกจากนั้นยังเสริมด้วยฮอร์โมนไข่ที่ผลิตเอง จะฉีดเฉพาะช่วงเช้าสัปดาห์ละครั้ง

น้ำหมักชีวภาพ เพิ่มคุณภาพผลผลิต และไล่แมลง

อย่างไรก็ตาม แม่คำชี้ว่า ปุ๋ยและอาหารเสริมเหล่านี้จะสลับกันใส่ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี ก่อนจะมีผลผลิต ทั้งนี้ปุ๋ยคอก ใช้ประมาณ 3 กิโลกรัม ต่อต้น สลับกับปุ๋ยเคมีที่ใช้เพียง 1 กิโลกรัม ต่อต้น จนเมื่อต้นส้มโอมีอายุได้ประมาณ 4 ปี จะเริ่มมีผลผลิต แต่ยังไม่ใช้แล้วจะเด็ดทิ้ง ระหว่างนั้นจะต้องฉีดยาป้องกันโรคและแมลงอย่างพวกเพลี้ยหรือหนอน จนเมื่อเข้าปีที่ 5 จึงเริ่มทำผลผลิตด้วยการตัดแต่งกิ่ง พร้อมกับพ่นยาป้องกันแมลง จากนั้นประมาณ 15-30 วัน จะเริ่มมียอดอ่อนแตก แล้วค่อยพ่นยาป้องกันไรขาว ไรแดง ประมาณ 10 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร จนเมื่อใบเริ่มมีสีเขียวเข้ม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 วัน

แม่คำลงมือเก็บผลส้มโอเอง

เก็บผลผลิตได้ถึง 3 รุ่น ทุกรุ่นมีคุณภาพดี

แม่คำ เก็บผลผลิตส้มโอในสวนของเธอได้ถึง 3 รุ่น โดยรุ่นแรกยังไม่ได้จำนวนมากนัก อีกทั้งคุณภาพก็ยังไม่จัด จึงนำไปขายในพื้นที่ก่อน ผลผลิตรุ่นแรกจะเริ่มประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม สามารถเก็บได้ประมาณ 1 ตัน ขณะเดียวกันรุ่นสองจะเริ่มมีผลอ่อนแล้วจะมีคุณภาพดีกว่ารุ่นแรก แล้วยังได้จำนวนมากกว่า โดยรุ่นสองจะเก็บประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม จะได้ประมาณ 5 ตัน

เก็บผลผลิตแต่ละต้น แยกขนาดและจำนวน
ส้มโอที่ผ่านการตรวจแล้ว นำมาบรรจุใส่กล่องเตรียมขนส่ง

“ดังนั้น รุ่นนี้จะเริ่มขายส่งให้กับบริษัทเพื่อส่งไปยังตลาดยุโรปและจีน ราคาส่งยุโรป ขายผลละ 25 บาท ขนาดผลประมาณ 1.2 กิโลกรัม ถ้าส่งจีนกำหนดราคาขายด้วยการวัดรอบผล ประมาณ 18-20 นิ้ว จนมาถึงรุ่นสามที่จะไปแก่จัดเก็บได้ประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน จะได้ผลผลิตประมาณ 5 ตัน เช่นกัน”

หลังจากเก็บผลผลิตรุ่นสามเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มปรับปรุงดูแลต้น โดยเริ่มจากการตัดหญ้าในสวน แล้วตัดแต่งกิ่ง ทรงพุ่ม ด้วยการดูว่ากิ่งไหนที่ซ้อนกันบังกันก็จะตัดออก เพื่อต้องการให้แสงแดดส่องผ่าน เสร็จแล้วจึงฉีดพ่นยาล้างต้นที่เรียกว่า Copper เพื่อป้องกันแคงเกอร์ หลังจากพ่นเสร็จแล้ว จะใส่ปุ๋ย สูตร 8-24-24 ใส่ต้นละ 1 กิโลกรัม ทิ้งไว้ 1 เดือน แล้วค่อยใส่ปุ๋ย สูตร 25-7-7 ประมาณ 1 กิโลกรัม ต่อต้น เพื่อเร่งการแตกใบอ่อนและเกิดดอกตามมา พร้อมไปกับการควบคุมปริมาณน้ำและเติมฮอร์โมนช่วย
สำหรับแหล่งน้ำที่นำมาใช้มาจากการขุดสระในสวนไว้หลายแห่ง เพื่อรองรับปริมาณน้ำให้เพียงพอ พร้อมกับวางระบบสปริงเกลอร์ไว้ทั่วสวน

เป็นสวนส้มโอปลอดภัยระดับมาตรฐานสากล

ตลาดที่ขายคือ ขายผ่านบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนนำไปส่งตลาดยุโรป จีน และที่อื่น แม่คำชี้ว่าส้มโอส่งขายตลาดยุโรปมีจำนวนประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ของผลผลิตรวม ส่งจีนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือส่งขายตลาดในประเทศ

ส้มโอที่บรรจุกล่องขนใส่รถคอนเทนเนอร์เตรียมเดินทาง

ส่วนวิธีรับซื้อนั้น ทางบริษัทจะเข้ามาดูความสมบูรณ์ของส้มโอทั้งในเรื่องขนาด รสชาติ รูปลักษณะผลก่อนจะตั้งราคารับซื้อ โดยจะตั้งราคารวมกันเป็นกลุ่มร่วมกับทางวิสาหกิจ ในชื่อ “วิสาหกิจชุมชนส้มโอเพื่อการส่งออก”

แม่คำ บอกว่า แม้จะปลูกกันหลายสวนในเขตอำเภอเวียงแก่น แต่ไม่ทุกสวนที่มีศักยภาพผลิตส้มโอส่งขายต่างประเทศ เนื่องจากสวนเหล่านั้นจะต้องผ่านเกณฑ์การปลูกส้มโอที่ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ผลมีขนาดเท่ากันสม่ำเสมอ ผิวสวย ไม่มีตำหนิ นอกจากนั้น สวนส้มโอแม่คำยังได้รับมาตรฐาน GLOBAL GAP ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับส่งขายต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ จึงนับเป็นสวนที่ปลูกส้มโอปลอดภัยในระดับมาตรฐานสากล

ออกขายตามงานในนามกลุ่มวิสาหกิจ

แจง…ความอร่อยของแต่ละพันธุ์

ลักษณะเด่นของส้มโอสวนแม่คำอยู่ที่เนื้อไม่แห้ง ไม่แฉะ มีสีชมพูอ่อน รสหวานอมเปรี้ยว โดยเฉพาะถ้าเป็นผลผลิตช่วงเดือนสิหาคม-กันยายน ของรุ่นสามจะมีความอร่อยสุดสุด ส่วนขาวใหญ่เนื้อมีสีน้ำผึ้ง หวานฉ่ำ ขณะที่เซลเลอร์ มีผิวผลเมื่อสุกสีเขียวอมเหลือง เนื้อในสีแดง แต่ไม่เข้มเท่ากับพันธุ์ทับทิมสยาม เป็นส้มโอที่มีรสชาติหวาน ทั้งนี้ ทองดีขายดีเป็นอันดับ 1 แล้วมักส่งขายที่ยุโรปร่วมกับเซลเลอร์ ส่วนขาวใหญ่ทางจีนชอบ และส่งในประเทศด้วย

ส้มโอและยำส้มโอ (จานซ้าย)

แม่คำ เผยว่า ในแต่ละปี จำนวนส้มโอไม่เท่ากัน ปีนี้ได้มาก พอปีหน้าลดลง จะสลับแบบนี้ตลอด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ รวมถึงความเป็นธรรมชาติของต้นส้มโอที่จะต้องสะสมอาหารไว้ปีเว้นปี

“ท่านใดมีโอกาสเดินทางมาเวียงแก่น อย่าลืมแวะมาชิมส้มโอที่มีวางขายทั่วทั้งอำเภอ แต่ถ้าสนใจเข้ามาชิมในสวนติดต่อแม่คำได้ที่ โทรศัพท์ 091-852-4117 หรือที่ คุณนงนุช โสดาภูมิ โทรศัพท์ 081-971-5783”

แม่คำ (เสื้อน้ำเงิน) ให้รายละเอียดสวนส้มโอกับคณะต่างประเทศ

สวนส้มโอแม่คำ นับเป็นแหล่งปลูกส้มโอที่ดีเด่นทั้งในระดับอำเภอและจังหวัด มีกลุ่มผู้สนใจทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาชมสวนอย่างคับคั่ง จึงเป็นสวนส้มโอที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพ ส้มโอติดตลาดสากลไปแล้ว

ผลส้มโอมีหลายขนาด หลายรุ่น ทยอยเจริญเติบโต