เนเธอร์แลนด์ ครึ่งศตวรรษกัญชาเสรี?

เวลาพูดถึง กัญชาเสรี คนมักอ้างประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศเล็กๆ ที่ก้าวหน้ามาก เพราะเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ ตั้งแต่ ปี 2544 คนจึงเชื่อทันทีว่า เมื่อก้าวหน้าเปิดกว้างขนาดนี้ เนเธอร์แลนด์ก็เปิดให้เสพกัญชาเสรีได้

ที่จริงไม่ใช่ จนถึงวันนี้ กัญชายังเป็นสิ่งผิดกฎหมายในเนเธอร์แลนด์ พูดอีกอย่างคือ เขายังไม่ได้เอากัญชาออกจากบัญชีสิ่งเสพติด ยังคงมีโทษระบุว่า ใครครอบครองหรือค้ายังผิดกฎหมาย

แต่ในทางปฏิบัติ เขาให้คนครอบครองเพื่อบริโภคส่วนตัวได้ คนละ 5 กรัม คือถ้าเจอใครครอบครองกัญชาปริมาณต่ำกว่า 5 กรัม ถ้าเป็นบุหรี่พันลำก็ราว 4-5 มวน อันนี้เขาไม่จับ เขาอนุโลมให้ใช้ได้ จะเพื่อการแพทย์หรือเพื่อความสำราญ ได้ทั้งนั้น แต่ต้องเสพในที่ส่วนตัว ที่บ้าน หรือสถานที่เขาจัดไว้ให้เท่านั้น ประเทศเขาจะมีร้านขายกัญชาให้เราเข้าไปนั่งเสพเหมือนร้านกาแฟ ร้านเหล้า และก็มีพื้นที่สาธารณะที่เขาห้ามเสพ ก็เหมือนกับเมืองไทยห้ามดื่มเหล้าในที่สาธารณะในวัด ในโรงเรียน อะไรแบบนั้น

เมืองไทยจนถึงปัจจุบันถ้าเจอครอบครองกัญชานับว่าผิดทันที มีโทษปรับ 1 แสนบาท จำคุก 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าครอบครองหลายกิโล จัดเป็นการครอบครองเพื่อการค้า เจอโทษหนักเป็นเท่าตัว ส่วนที่เริ่มอนุโลมเพื่อการรักษาตัวนั้น ก็ให้ในปริมาณที่จำเป็น ต้องแจกแจงอาการป่วย พร้อมใบรับรองแพทย์ และต้องได้รับอนุญาตเป็นรายๆ ไป ไม่ใช่เปิดเสรี

นโยบายอนุโลมของเนเธอร์แลนด์นี้ เรียกเป็นภาษาเขาว่า “Gedogen” แปลว่า พยายามไม่เข้าไปยุ่ง อารมณ์ประมาณเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เท่านี้เขาก็ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปแก้กฎหมายอะไรต่อมิอะไร และคนเสพก็จะต้องประมาณตนอยู่ตลอดเวลาว่า อยู่ภายใต้การอนุโลมนะ ถ้ากล้ำเกินไปหรือทำปัญหาอะไรขึ้น ก็จะเจอกฎหมาย ไม่ได้เสรีไร้กังวลไปเสียร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาใช้นโยบายนี้กับการครอบครองกัญชา ตั้งแต่ ปี 2519 คือจะครึ่งศตวรรษอยู่รอมร่อ ในระยะที่ว่านี่ไม่เคยมีคนเสพกัญชาแล้วถูกจับเลย

คนเลยเข้าใจว่า เขาเปิดเสรีให้เสพกัญชาไง

นโยบายแบบนี้ เขานำมาใช้กับสิ่งที่เคยผิดกฎหมายมาก่อน แต่มีความพยายามที่จะไม่ให้ผิดกฎหมายอีกต่อไป เขาก็จะเริ่มด้วยการ “Gedogen” นี้ คือ ไม่พยายามจะไปเอาเรื่องเอาราวอะไร ปล่อยให้ดำเนินการกันไป เพียงแต่มีกรอบให้ แล้วเมื่อดูระยะเวลาหนึ่งถ้ามันไปได้ดี เขาก็เปิดให้ถูกกฎหมายเลย อันนี้เขาก็ใช้กับการประกอบอาชีพโสเภณี ซึ่งในที่สุดก็ได้รับการประกาศให้เป็นอาชีพถูกกฎหมาย ในปี 2543 ตามด้วยกฎหมายเสรีแก่การแต่งงานกับคนเพศเดียวกันในปีต่อมา

นี่คือ การขยับทีละก้าวของเขา ขยับไปดูปฏิกิริยาของทุกฝ่ายไป ค่อยๆ ผ่อนเชือกทีละเปลาะๆ จนที่สุดก็คลายโดยที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากัน ไม่เหนื่อย

ในอเมริกาเอง แต่ละรัฐใช้เวลานับสิบปีเพื่อการต่อรอง หลายรัฐที่เปิดให้ใช้กัญชาได้เพื่อการแพทย์ หรืออย่างเสรี ล้วนผ่านการเผชิญหน้ากันอย่างหนักมาแล้วทั้งสิ้น จนทุกวันนี้ก็ยังขัดแย้งกันอยู่ เพียงแต่จำเป็นต้องยอมรับ เพราะเป็นกฎหมาย และหลายรัฐที่อยากจะเปิดเสรีบ้าง ก็ยังติดแหง็กกับการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้าน

เมืองไทยที่กำลังตื่นตัวกับการเอากัญชามาใช้ทางการแพทย์ ถ้าจะก้าวไปข้างหน้ากับเรื่องนี้ ก็ควรพิจารณาเรื่องราวของผู้มาก่อนนี้ให้จงดี จะได้ไม่เสียเวลา เสียแรง

ที่จริงประเทศไทยใช้กัญชาเป็นยาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ ปัจจุบัน มียาตามตำราดั้งเดิมนี้ 16 ตำรับ ที่ประกาศให้ใช้อย่างถูกกฎหมาย แต่ละตำรับจะผสมสมุนไพรอีกหลายชนิด ที่ขึ้นชื่อที่สุดสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ชื่อตำรับ “สุขไสยาสน์” ซึ่งแปลว่า นอนอย่างมีความสุข จากชื่อจะเห็นได้ว่า ยาตำรับนี้ใช้กินเพื่อให้หลับอย่างถูกต้องและมีความสุข

นับแต่ปี พ.ศ. 2522 กัญชาต้องอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ตามองค์การสหประชาชาติ ที่ประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติด จากนั้นคนในสังคมไทยจึงมีทรรศนะใหม่ว่า กัญชา เป็นยาเสพติด ทั้งที่มีงานวิจัยจากต่างประเทศซึ่งก็ล้วนเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติที่นั่นแหละ เปรียบเทียบระหว่าง บุหรี่ เหล้า กัญชา และกาแฟ พบว่า บุหรี่ เป็นสิ่งที่ติดง่ายที่สุด และเลิกยากที่สุด รองลงมาคือ เหล้า แต่กลับขายได้อย่างถูกกฎหมาย

ประเทศตะวันตกผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์มานาน ประเทศที่ได้ชื่อว่าผลิตสารสกัดจากกัญชาคุณภาพดีคือ ฝรั่งเศส เยอรมนี ตอนนี้จีนเริ่มอนุญาตให้ปลูกและผลิตแล้ว พื้นที่ปลูกขนาดใหญ่อยู่ในจีนตอนใต้ เขาประกาศว่าโรงงานเขาใหญ่ที่สุดในโลก จะผลิตน้ำมันสกัดปีละหลายหมื่นตัน

ข้อเท็จจริงหนึ่งของกัญชา คือ กัญชา ชอบแดด แต่ไม่ชอบลม ไม่ชอบฝนชุก คนไทยไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนที่จะปลูกกันในระยะอันใกล้นี้ พึงพิจารณาให้ดี

มีคนบอกฉันว่า เตรียมปลูกกัญชา 4 พันไร่ ที่เพชรบูรณ์ ฉันถามว่า ที่ดินเหมาะสมไหม เขาบอกโอ๊ย! กัญชา ปลูกที่ไหนก็ได้ แบบนี้น่าห่วงนะ

…………………

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562