กรมเจรจาฯ จับมือกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยกทัพบุกลำพูน เพิ่มศักยภาพสินค้าลำไย สู่ตลาดโลกด้วยเอฟทีเอ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่สหกรณ์การเกษตรประตูป่า จำกัด จังหวัดลำพูน สำรวจศักยภาพสินค้าลำไย พร้อมจัดเสวนาถกเข้มแนวทางการพัฒนาสินค้าลำไยและแปรรูป และสร้างความรู้ความเข้าใจการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ยกระดับการแข่งขันของสหกรณ์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการ “พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี” ในปี 2562 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในภูมิภาคต่างๆ ของไทย โดยในวันที่ 3 กรกฎาคม 2562 มีกำหนดลงพื้นที่พบปะกลุ่มสหกรณ์และจัดเสวนา ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดลำพูน จะเน้นสินค้าลำไยซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ โดยลงพื้นที่ ณ สหกรณ์การเกษตรประตูป่า จำกัด เพื่อสำรวจศักยภาพสหกรณ์พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ เกี่ยวกับศักยภาพการผลิตและการตลาดของสินค้าลำไยและผลิตภัณฑ์

 

และในวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 จะเชิญเครือข่ายสหกรณ์ที่ผลิตลำไยในพื้นที่ มาร่วมวงเสวนากับภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นต่างๆ เช่น ศักยภาพการส่งออกลำไยของไทย การติดอาวุธสหกรณ์ไทยใช้ประโยชน์เอฟทีเอ และการยกระดับการแข่งขันสหกรณ์ไทยให้ก้าวไกลในโลกค้าเสรี เป็นต้น เพื่อให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้ใช้เอฟทีเอสร้างแต้มต่อทางการค้าและขยายตลาดสู่ต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานสินค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหกรณ์

ทั้งนี้ สหกรณ์การเกษตรประตูป่า จำกัด เป็นศูนย์รวบรวมผลผลิตลำไยจากสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ โดยสหกรณ์ฯ คาดว่าจะรวบรวมผลผลิตลำไยในฤดูกาลปี 2562 ประมาณ 1,600 ตัน และในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งต้องมีการกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นโอกาสดีที่กรมฯ จะลงพื้นที่ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอให้แก่สหกรณ์ สมาชิกสหกรณ์ และผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดและโอกาสทางการค้าให้กับสหกรณ์ได้มากขึ้น

นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ มีกำหนดจะลงพื้นที่พบปะกลุ่มสหกรณ์และจัดเสวนาอีก 3 ครั้ง คือ สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูป ระหว่างวันที่ 25 – 26 กรกฎาคม 2562 ณ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด จังหวัดตรัง สินค้าโคเนื้อ ระหว่างวันที่ 6 – 7 สิงหาคม 2562 ณ สหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด จังหวัดมุกดาหาร และสินค้าเงาะและกล้วยหอม ระหว่างวันที่ 19 – 20 กันยายน 2562 ณ สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำหรับลำไยถือเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปประเทศคู่ค้าโดยได้รับยกเว้นภาษีภายใต้เอฟทีเอหลายฉบับ เช่น อาเซียนได้ยกเลิกภาษีนำเข้าลำไยสด ลำไยแช่แข็ง ลำไยกระป๋อง และลำไยอบแห้งให้ไทยแล้ว (ยกเว้นลาวที่ยังเก็บภาษีลำไยอบแห้ง 5%) ญี่ปุ่นและจีน ได้ยกเลิกภาษีสินค้าลำไยสด ลำไยแช่แข็ง และลำไยอบแห้งให้ไทยแล้วภายใต้เอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น และเอฟทีเอ อาเซียน-จีน

ส่วนลำไยกระป๋อง จีนลดภาษีให้ไทยภายใต้เอฟทีเอ อาเซียน-จีน จากร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ทั้งนี้ ในปี 2561 ไทยส่งออกลำไยบรรจุแบบสูญญากาศมูลค่า 556 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 10.04 โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น และส่งออกลำไยแช่เย็นแช่แข็งมูลค่า 3.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ  45.22 โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ เช่น  ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เป็นต้น