เลี้ยงหอยแครง อาชีพเลี้ยงปากท้อง อนาคตยังสดใส ราคาดีไม่มีตก

“เดินทางมาถึงเมืองสุราษฎร์ ถิ่นหอยใหญ่ ถ้าพาดเรื่องหอย ก็คงจะเสียดายแย่”

แน่นอนว่าหากพูดถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถ้ามีโอกาสเดินทางมาถึง เรื่องที่ต้องห้ามพลาดคือเรื่องหอย ดังคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ”

เนื่องด้วยจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีภูมิประเทศหลากหลาย มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับทำอาชีพประมงเป็นอย่างยิ่ง อ่าวบ้านดอน ถือเป็นอ่าวที่สำคัญ มีขนาดใหญ่ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย เป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอาหารของสัตว์นานาชนิด นอกจากพื้นที่อ่าวบ้านดอนยังเป็นแหล่งทำการประมง เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การเลี้ยงหอยแครงและหอยนางรม จึงถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจของคนเมืองสุราษฎร์

คุณลุงประกิต คงบุญรักษ์ อยู่บ้านเลขที่ 3/4 หมู่ที่ 2 ตำบลตะเคียนทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยแครงมานานกว่า 20 ปี นับได้ว่าเป็นฟาร์มที่มีพื้นที่เลี้ยงหอยแครงใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด แต่ก่อนที่จะมาเป็นชาวประมง คุณลุงประกิตทำงานรับราชการอยู่กรมพัฒนาที่ดินมาก่อน เมื่อถึงจุดอิ่มตัวจึงออกจากงานเพื่อมาทำอาชีพประมง ด้วยเหตุผลที่ว่าในเมื่อที่นี่มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับการที่จะประกอบอาชีพประมงที่สุด จึงคิดว่าไม่น่ายากหากจะเอาดีทางด้านนี้ แต่ก่อนที่จะมาเลี้ยงหอยแครง คุณลุงประกิตลงทุนเลี้ยงกุ้งก่อน 2 ปี แต่ต้องหยุดเลี้ยงไป เพราะกุ้งมีปัญหาเยอะ จึงต้องเปลี่ยนจากการเลี้ยงกุ้งแล้วมองหาสัตว์เลี้ยงชนิดใหม่ที่เลี้ยงง่ายและเหมาะสมกับการดำเนินชีวิต

 

คุณลุงประกิต คงบุญรักษ์ เจ้าของฟาร์มหอยแครง

เจ๊งจากบ่อกุ้ง รุ่งเพราะหอยแครง

คุณลุงประกิต บอกว่า ก่อนที่จะยึดอาชีพเลี้ยงหอยแครงและประสบความสำเร็จมาได้ขนาดนี้ ก็เจออุปสรรคมาเยอะเพราะตอนออกจากงานข้าราชการ ก็มาลงทุนเลี้ยงกุ้งกว่า 2 ปี เพราะเห็นคนอื่นทำกันแล้วมันดี แต่พอถึงคราวตัวเองกลับเจ๊งไม่เป็นท่า หลังจากนั้น จึงเลิกเลี้ยงกุ้งแล้วหันมาเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นแทนเพราะถ้าจะเลิกทำอาชีพประมงเลยแล้วไม่รู้จะทำอะไรต่อ ก็เลยต้องสู้และหันมาเอาดีกับหอยแครง

คุณลุงประกิตเริ่มเลี้ยงหอยแครงเมื่อปี 2546 บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ฟาร์มหอยแครงของคุณลุงประกิตนับว่าเป็นฟาร์มแรกๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นฟาร์มเลี้ยงหอยที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง มีการเสียภาษีอย่างถูกต้องทุกปี

การเลี้ยงหอยแครงถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดี แต่คนเลี้ยงต้องมีประสบการณ์และเงินลงทุนมาก ดูแลง่าย แต่เสี่ยง ตอนเริ่มเลี้ยงหมดเงินลงทุนไปหลายแสน และต้องเสี่ยงกับภัยธรรมชาติ ปัจจัยการรอดธรรมชาติเป็นตัวกำหนด หากน้ำเค็มจัด หรือน้ำหลาก อัตราการรอดก็จะน้อย ถ้าเลี้ยงให้รอดได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ถือว่าไม่ขาดทุนแล้ว แต่ถ้าโชคดีอัตราการรอดสูง 50-60 เปอร์เซ็นต์ ปีนั้นถือว่ารวย เจ้าของบอก

อาณาเขตการเลี้ยงหอยแครงที่อ่าวบ้านดอน

ฟาร์มเลี้ยงหอยของคุณลุงประกิตอยู่ที่อ่าวบ้านดอน มีแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร สัตวน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้หอยมีขนาดใหญ่รสชาติดี การเลี้ยงจึงไม่ต้องกังวลกับค่าอาหาร หรือยุ่งยากในการถ่ายน้ำเลย จะกังวลแค่ต้องรับความเสี่ยงที่เกิดจากภัยธรรมชาติให้ดี โรคไม่มี ห่วงแต่น้ำเสียจากบ่อกุ้งที่ปล่อยลงทะเล

“เลี้ยงหอยแครงให้ได้ผลดีตามธรรมชาติต้องเลี้ยงตามทะเลจะดีที่สุด และน้ำต้องไม่เค็มจัด หอยจะโตเร็ว ถ้าน้ำเค็มมากหอยโตช้า รสชาติไม่อร่อย สีของเนื้อจะดำ” คุณลุงประกิต บอก

 

เตรียมแปลงอย่างไร

คุณลุงประกิตบอก เตรียมแปลงไม่ยุ่งยาก ยิ่งถ้าหากเลี้ยงทุกปียิ่งไม่ต้องทำอะไรมาก

เริ่มต้นจาก ใช้เรือลากตะแกรงดึงเลนสลับดินเพื่อสร้างแพลงตอน 2 เดือน ลาก 1 ครั้ง ยิ่งลากสลับเลนบ่อยหอยจะยิ่งโตเร็ว

การปล่อยลูกพันธุ์ แรกเริ่มที่เลี้ยงคุณลุงประกิตซื้อพันธุ์หอยแครงมาจากประเทศมาเลเซีย กระทั่งเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาทางจังหวัดสามารถเพาะพันธุ์ได้เอง และข้อดีของหอยที่เพาะพันธุ์จากสุราษฎร์ธานีจะมีอัตราการรอดสูง เพราะชินกับน้ำและสภาพแวดล้อม

ขนาดหอยแครงที่ใช้เลี้ยงจำนวน 6,000 ตัว ต่อกิโลกรัม การปล่อยลูกหอยลงน้ำให้กระจายเต็มพื้นที่ ไม่ควรปล่อยกระจุกอยู่ที่เดียว

 

ระยะเวลาการเลี้ยง

เมื่อก่อนใช้ลูกพันธุ์จากมาเลเซียต้องเลี้ยงนานถึง 18 เดือน แต่พอที่นี่เพาะลูกพันธุ์ได้เอง หอยที่เลี้ยงจะมีความชินน้ำและโตเร็วกว่า ร่นระยะเวลาการเลี้ยงเหลือแค่ 12 เดือน

ระยะเวลา 1 ปี เก็บได้ครั้งเดียว 1 ไร่ เก็บหอยได้ประมาณ 1 ตันกว่า โดยเก็บตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง แต่จะไม่ปล่อยทิ้งไว้เกินเดือน ส่วนหอยแครงที่มีออกมาขายตลอดทั้งปีคือหอยที่มาจากมาเลเซีย รสชาติจะไม่ค่อยอร่อย น้ำจะเค็ม หอยจะดำ

 

อาชีพเลี้ยงหอยแครง เหมือนเอาเงินล้านมาลงทะเลไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ถ้าทำได้อนาคตก็สดใส

การเลี้ยงหอยแครงนั้น คุณลุงประกิตบอกว่าไม่ง่าย ในเรื่องของการลงทุนเหมือนเอาเงินล้านมาลงทะเลจะเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งถ้าหากเกษตรกรมือใหม่คิดจะทำแล้วไม่มีเงินทุนเป็นของตัวเอง ต้องไปกู้หนี้ยืมสินถือว่าไม่คุ้มเพราะลงไปแล้วจะได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร จะทำแล้วได้ดีมีเงินใช้หนี้หรือเปล่า ให้คิดไว้เสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง

ครั้งแรกของการเลี้ยงหอยแครงสิ่งที่ต้องลงทุนคือ เจ้าของฟาร์มต้องมีเรือไว้เก็บหอย ต้องมีลูกน้อง ต้นทุนนับว่าสูงมาก ส่วนค่าลูกพันธุ์ราคาสูงต่ำไม่เท่ากันในแต่ละปี หากปีไหนมีหอยเยอะราคาจะถูก อย่างปีที่แล้วลุงซื้อ 70-80 เข่ง หมดเงินไปประมาณ 500,000 บาท 1 เข่ง น้ำหนัก 30 กิโลกรัม ราคาเข่งละ 6,000-7,000 บาท นับว่าต้องมีเงินทุนและเงินสำรองไว้พอสมควร ดังนั้น เมื่อทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุนเยอะและเสี่ยงแต่ทำไมยังมีคนเลี้ยง เพราะถ้าปีไหนโชคดี ไม่เจออุปสรรค กำไรก็มากกว่าต้นทุน 5-6 เท่า สร้างรายได้หลายล้าน หรือถ้าทรงตัวเจอปัญหาบ้างจะมีรายได้ปีละ 3,000,000 บาท ลงทุนไป 600,000 บาท และหากใครอยากจะเลี้ยงจริงๆ ให้คำนึงถึงน้ำท่าความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่เป็นหลัก หากเลี้ยงได้ การตลาดนับว่าไม่มีปัญหา มีแม่ค้ารับซื้อตลอด

ล่องเรือหย่อนตะแกรงเก็บหอย

ตอนนี้ถ้าทำการเกษตรก็ไปไม่รอด พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบกำหนดราคาเองหมด แต่ถ้าเป็นหอยถูกกดราคาเราก็ไม่ขาย เลี้ยงต่อไว้ตรึงราคา ตอนนี้ไซซ์ที่ตลาดต้องการคือไซต์ 120-140 ตัว ต่อกิโลกรัม ราคาส่งกิโลกรัมละเกือบร้อยบาท ถือว่าได้ราคาดีมากและไม่ค่อยประสบปัญหาเรื่องราคาตก” คุณลุงประกิต กระซิบ

ไซซ์ 120-140 ตัว ต่อกิโลกรัม เป็นที่ต้องการของตลาด

ฝากถึงเกษตรกรที่อยากเลี้ยง

การเลี้ยงหอยแครงถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดี แต่เหมาะสำหรับคนพร้อมเท่านั้น พื้นที่พร้อม เงินลงทุนพร้อม เงินสำรองพร้อม และอย่างน้อยต้องมีเงินจ่ายลูกน้องให้ได้เดือนละหมื่นห้าทุกเดือน ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมทุกอย่างก็ลงมือทำ เพราะอนาคตเรื่องตลาดยังสดใส คู่แข่งน้อยเพราะเงื่อนไขการเลี้ยงจะช่วยจำกัดคนเลี้ยงไปในตัว

สนใจเยี่ยมชมฟาร์มหอยของคุณลุงประกิต คงบุญรัตน์ หรือสอบถามความรู้เรื่องการเลี้ยงหอยแครง ติดต่อได้ที่เบอร์โทร. (081) 978-7434

คัดไซต์ส่งตลาด

เผยแพร่ครั้งแรกวันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2562