วิถีเกษตรริมแม่น้ำ เก็บผักกระเฉด ผักบุ้ง ส่งขาย สร้างรายได้ที่มีความสุข

คำกล่าวที่ว่า “สายน้ำ คือ ชีวิต” คงเป็นสิ่งที่ยังหนีไม่พ้นไปจากวิถีชีวิตของคนไทย ซึ่งสมัยก่อนนั้นการเดินทางสัญจรหรือแม้แต่การขนส่งสินค้าจะเน้นทางเรือเป็นหลัก จึงทำให้คนในสมัยนั้นนิยมปลูกบ้านริมฝั่งแม่น้ำเป็นหลัก

เมื่อบ้านเมืองเกิดการพัฒนามาถึงยุคปัจจุบัน วิถีเหล่านั้นเริ่มจางหายลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีชาวบ้านอีกไม่น้อยที่ยังไม่ละทิ้งสายน้ำที่เป็นดังสายธารชีวิต กลับหาใช้ทำประโยชน์เพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัว เช่น การจับปลาในแม่น้ำ การเลี้ยงปลากระชัง ตลอดจนใช้พื้นที่แนวชายตลิ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกพืช

เกษตรกรแถบตำบลนางบวช อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี มีวิถีชีวิตผูกพันกับ ลุ่มแม่น้ำท่าจีน  ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำเกษตรเป็นอาชีพหลัก ไม่ว่าจะเป็นการปลูกกล้วยพืชผักสวนครัว แต่พืชเหล่านั้นต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต อาจจะมีรายได้ที่ต้องรอเวลา เกษตรกรหลายรายจึงใช้ประโยชน์จากแม่น้ำท่าจีนที่อยู่หลังบ้านปลูกผักกระเฉดกับผักบุ้งเสริมรายได้อีกทาง

เพราะผักกระเฉดและผักบุ้ง ไม่ต้องไปลงทุนหาจากที่ไหนเลย วันดีคืนดีมันก็ลอยมาติดที่ท่าน้ำหน้าบ้านเอง เพียงแค่นำผักกระเฉดและผักบุ้ง มาปักลงในดินไว้ริมตลิ่ง ก็เหมือนกับปลูกพืชผักสวนครัวบนดินประมาณนั้น พอผักกระเฉดและผักบุ้งลอยน้ำสัก 3 อาทิตย์ ก็จะแตกยอดใหม่ออกมา  ก็เก็บพืชน้ำเป็นกำๆ ส่งขายที่ตลาดได้เลย

เมื่อผักกระเฉดและผักบุ้งแตกยอดออกมาเรื่อยๆ ก็เท่ากับเกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ หมุนเวียนแบบนี้ได้ตลอด พืชน้ำเหล่านี้ ไม่ต้องดูแลเรื่องรดน้ำหรือใส่ปุ๋ย เพราะพืชน้ำทั้ง 2 ชนิดนี้ อยู่ในน้ำอยู่แล้วทำให้ง่ายต่อการดูแล

เวลาน้ำในแม่น้ำลดลง เกษตรกรบางรายอาจบำรุงใส่ปุ๋ยยูเรียบ้าง เพื่อบำรุงต้นให้แข็งแรงดี ก็หว่านลงไปได้เลย ผักกระเฉดและผักบุ้งก็เติบโตดี แต่ส่วนมากไม่ต้องใช้ปุ๋ยเลย เพราะน้ำในแม่น้ำจะเต็มตลอด ทำให้ยากต่อการใส่ปุ๋ย ผักพวกนี้ก็หาอาหารกินเองได้ โดยที่เกษตรกรไม่ต้องดูแลให้มากเรื่อง  ผักที่เกษตรกรเก็บมา จะส่งขายตามตลาดนัด หรือมีแม่ค้าที่ทำข้าวแกงขายตลาดเช้ามาสั่งซื้อถึงที่บ้าน โดยที่เกษตรกรไม่ต้องไปตระเวนขายที่ไหน

ทุกวันนี้ ผู้บริโภคนิยมกินทั้งผักกระเฉด ผักบุ้ง แม่ค้าจะมารับผักกระเฉดและผักบุ้งไปขาย  แม่ค้านิยมซื้อผักบุ้งไปทำกับข้าว เช่น แกงหมูเทโพ ยอดขายผักกระเฉดและผักบุ้งจะขึ้นอยู่กับคำสั่งซื้อของแม่ค้าเป็นหลัก เกษตรกรนิยมเก็บผักออกขายเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ไม่ได้เก็บทุกวัน เพราะต้องรอให้ผักกระเฉดและผักบุ้งแตกยอดใหม่เสียก่อน

หากช่วงใด มีผักกระเฉดและผักบุ้งลอยน้ำมาเยอะ เกษตรกรสามารถปลูกผักกระเฉดและผักบุ้งเป็นแพใหญ่ๆ จะช่วยให้มีรายได้จากการขายผลผลิตมากขึ้น ราคาขายผักกระเฉดและผักบุ้ง เฉลี่ยกำละ 10-15 บาท ซึ่งราคาขายพืชผักเหล่านี้จะปรับเปลี่ยนไปตามช่วงฤดูกาล ว่าช่วงนั้นผักชนิดนี้ขาดตลาดมากหรือน้อย

วิถีเกษตรริมแม่น้ำแบบนี้ เป็นงานที่มีความสุขมากสำหรับเกษตรกรหลายๆ คน ตกบ่ายหลังจากเก็บผักบุ้ง เกษตรกรบางรายจะพายเรือไปตกปลา เพื่อนำมาเป็นอาหาร หรือถ้าได้ปลามาจำนวนมากพอ ก็จะแบ่งขาย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และแบ่งเวลาว่างๆ ระหว่างที่รอเก็บผักกระเฉดและผักบุ้ง ไปดูแลพืชผักสวนครัวได้อีกด้วย

เรื่องการทำเกษตร ใครก็สามารถทำได้ ขอเพียงหาสิ่งที่อยากทำให้ได้เท่านั้นพอ ชีวิตคนเราไม่ต้องไปอยากได้อยากมีให้วุ่นวายใจ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ เก็บเล็กผสมน้อย เดี๋ยวก็มีเงินเก็บได้เอง แต่ขอให้ทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ทำแบบมีความสุข ชีวิตก็จะไม่น่าเบื่อ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2562