ผู้เขียน | อุษณี เจียมรา |
---|---|
เผยแพร่ |
ปัจจุบัน การทำสวนยางพารามีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก เนื่องจากปุ๋ยเคมีราคาแพง เกษตรกรรายย่อยไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะซื้อปุ๋ยเคมีใส่ยางพาราให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเกษตรกร ทำให้ได้รับผลผลิตตกต่ำ รายได้ลดลง สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรเป็นอย่างมาก
แต่มีเกษตรกรหัวไว ใจสู้ ที่ไม่ยอมแพ้ คิดค้นวิธีการที่จะลดต้นทุนการผลิตในเรื่องของปุ๋ยเคมี โดยหันมาใช้น้ำหมักชีวภาพแทน
คุณลุงสุริยา เพชรเกษม อยู่บ้านเลขที่ 46/2 หมู่ที่ 4 ตำบลท่านา อำเภอกะปง จังหวัดพังงา เป็นเกษตรกรหัวไว ใจสู้ ซึ่งได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย ทำการเกษตรไร่นาสวนผสม โดยการเลี้ยงสัตว์ ปลูกไม้ผลและยางพารา ได้ตัดสินใจเลิกใช้ปุ๋ยเคมี มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยยึดหลักการทำเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยทำน้ำหมักชีวภาพใช้เอง ต้นทุน 2,000 บาท/พื้นที่ปลูกยางพารา 10 ไร่ ผลผลิตที่ได้รับ 26 กิโลกรัม/วัน
สูตรน้ำหมักชีวภาพที่ใช้บำรุงต้นยางพารา ประกอบด้วย
1. กล้วย จำนวน 1 กิโลกรัม ราคา 5 บาท
2. ปลา จำนวน 1 กิโลกรัม ราคา 30 บาท
3. ฟักทอง จำนวน 1 กิโลกรัม ราคา 20 บาท
4. มะละกอ จำนวน 1 กิโลกรัม ราคา 20 บาท
5. กากน้ำตาล จำนวน 1 กิโลกรัม ราคา 5 บาท
6. สารเร่ง พด.2 จำนวน 1 ซอง
7. น้ำ จำนวน 10 ลิตร
รวมต้นทุนการผลิต 80 บาท ใช้เวลาหมัก จำนวน 21 วัน จะได้หัวเชื้อจุลินทรีย์เข้มข้น 10 ลิตร ผสมน้ำใช้กับสวนยางพาราได้ 2,000 ลิตร
เคล็ดลับในการทำน้ำหมักชีวภาพให้ได้ผลดี
1. ควรเลือกใช้เศษผัก ผลไม้ ที่ยังไม่เน่าเสีย สับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ภาชนะที่มีปากกว้าง เช่น ถังพลาสติก หรือโอ่ง หากมีน้ำหมักชีวภาพอยู่แล้ว ให้เทผสมลงไปแล้วลดปริมาณกากน้ำตาลลง ปิดฝาภาชนะทิ้งไว้จนได้เป็นน้ำหมักชีวภาพ จากนั้นกรอกใส่ขวด ปิดฝาให้สนิทรอการใช้งานต่อไป
2. ในระหว่างการหมักห้ามปิดฝาภาชนะจนแน่นสนิท เพราะอาจทำให้ระเบิดได้ เนื่องจากระหว่างการหมักจะทำให้เกิดแก๊สต่างๆ ขึ้น เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน เป็นต้น
3. ไม่ควรเลือกพืชจำพวกเปลือกส้มใช้ทำน้ำหมักชีวภาพ เพราะมีน้ำมันที่ผิวเปลือกส้มจะทำให้จุลินทรีย์ไม่ย่อยสลาย การทำน้ำหมักชีวภาพไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน ที่สำคัญน้ำหมักชีวภาพไม่มีสูตรตายตัว เราสามารถทดลองปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้เหมาะสมกับต้นไม้ของเรา เพราะสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน ต้นไม้แต่ละท้องถิ่นก็ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน น้ำหมักชีวภาพจึงจำเป็นต้องมีความแตกต่างกันตามท้องถิ่น
วิธีใช้ให้ได้ผลดี
– ใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์เข้มข้น 1 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร ใส่ยางพาราได้ 1 ไร่
– วิธีการใช้น้ำหมักใส่แปลงยางพาราที่เปิดกรีดแล้ว ใช้น้ำหมักเข้มข้นใส่ถ้วยรับน้ำยาง เมื่อกรีดครั้งต่อไปก็จะเทน้ำหมักที่ผสมน้ำแล้ว ในถ้วยรับน้ำยางลงในแปลงยางพาราโดยไม่ต้องจ้างแรงงาน
– การใส่น้ำหมักชีวภาพในสวนยางพารา ใส่เดือนละ 3 ครั้ง
ประโยชน์ที่ได้รับ
– ลดต้นทุนในการผลิตยางพารา โดยใช้แทนปุ๋ยเคมี
– ปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดีขึ้น เหมาะสมแก่การปลูกพืช
– รักษาสภาพแวดล้อม
– เปลือกยางพารานิ่ม กรีดง่าย
– ใช้ทาหน้ายางเพื่อรักษาโรคหน้ายางตายนึ่ง