เกษตรกรเชียงใหม่ ปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว “สวีทไวโอเล็ท” รายได้ดีทั่วหน้า คนกินติดใจ

ไม่ว่าจะเดินทางไปภูมิภาคไหน มักเห็นชาวบ้านต้มข้าวโพดขายริมถนน ผู้คนก็นิยมซื้อกินกัน

ข้าวโพด เป็นที่นิยมของผู้ปลูกและผู้บริโภคมานานหลายปีแล้ว นอกจากปลูกแล้วซื้อขายกันในประเทศ ทราบว่า ยังปลูกแปรรูปส่งไปต่างประเทศอีกด้วย

คุณพิรุณ แสงดวง

เมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณพิรุณ แสงดวง คุณอุไรพรรณ แสงดวง เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดพันธุ์สวีทไวโอเล็ท ประสบผลสำเร็จ อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 2 ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

คุณพิรุณ เล่าว่า “ปัจจุบัน ประกอบอาชีพทำนา หลังจากทำนาก็จะปลูกข้าวโพดข้าวเหนียวพันธุ์สวีทไวโอเล็ทของศรแดง เป็นพันธุ์ต้านทานโรคได้ดี ทนแล้ง รสชาติอร่อย คนนิยม ลูกค้าเขาชอบพันธุ์สวีทไวโอเล็ทนี้มาก…ข้าวโพดพันธุ์นี้ มีรสชาติหวานเหนียวอยู่ในฝักเดียวกัน เวลาเรารับประทานเข้าไปจะหวานเหนียวอยู่ในปากเลย”

คุณอุไรพรรณ แสงดวง

เทคนิคการปลูก

คุณพิรุณ เล่าว่า หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้วก็ล้มตอซัง จ้างรถไถมาไถ จากนั้นก็ยกร่องแปลง แล้วก็ขุดหลุม ความกว้างหลังแปลงประมาณ 75 เซนติเมตร ระหว่างต้นระหว่างแถวปลูกข้าวโพด 70 คูณ 70 เซนติเมตร หลุมหนึ่งหยอดเมล็ด 2 เมล็ด หยอดเมล็ดแห้งลงไป กลบดิน ใส่น้ำ ปล่อยน้ำซึมให้ไหลเข้าไปในแปลงให้ไหลไปตามร่อง

“การให้ปุ๋ยก่อนหยอดเมล็ดก็รองก้นหลุมก่อน ประมาณช้อนชาต่อหลุม ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ลงไป หลังจากเมล็ดข้าวโพดงอกแล้ว ประมาณ 10 กว่าวัน ให้น้ำครั้งแรก แล้วก็ใส่ปุ๋ยสูตรเสมออีกรอบหนึ่ง หลังจากนั้นประมาณ20 วัน ใส่ปุ๋ยอีกครั้ง ใส่ครั้งนี้เยอะหน่อย ใส่ 15-15-15 กับ 13-13-21 รวมกันเลย โยนเข้าไปในหลุมเลย แล้วก็ขุดดินกลบ” คุณพิรุณ กล่าว

ผลผลิตซื้อขายในราคาประกัน เกษตรกรมีรายได้แน่นอน

คุณพิรุณ บอกถึงอายุการเก็บเกี่ยวผลผลิตว่า “อยู่ที่ดินฟ้าอากาศนะครับ รุ่นนี้จะไว ถ้าหน้าหนาวจะนาน โดยช่วงปกติหน้าร้อน ประมาณ 70 วัน ถ้าหน้าหนาว ประมาณ 3 เดือนกว่า 90 กว่าวัน โดยอันนี้ที่ปลูก ปลูก 24 เมษายนจะเก็บแล้วเนี่ย ได้ 2 เดือน กับ 4 วัน”

คุณพิรุณ บอกว่า สภาพอากาศและสภาพดินมีผลต่อขนาดฝัก

“ตอนนี้ที่มันอ่อนแอที่สุดคือ โรคใบลาย การป้องกันเราก็ป้องกันตั้งแต่แรก ใช้ยาพ่นไปประมาณ 2-3 ครั้ง ถ้าเจอโรคระบาดเราก็ต้องพ่นซ้ำ ถ้าโรคใบไหม้ต้องพ่นซ้ำเรื่อยๆ แต่รุ่นนี้ดี โรคใบไหม้ไม่ค่อยมี ลักษณะใบไหม้จะเป็นจุดๆ”

คุณพิรุณ บอก และเล่าต่ออีกว่า

“ปลูกเมล็ดพันธุ์ของศรแดงมา 13 ปีแล้วครับ ไม่เคยเปลี่ยนเลย ข้าวโพดข้าวเหนียวหมดเลย เลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดข้าวเหนียว เพราะอายุสั้น ขายง่าย ราคาดี ไม่ต้องจ้างคนเก็บด้วย เขามาเก็บเอง เราดูแลให้เขาอย่างเดียว”

คุณพิรุณ กล่าวถึงต้นทุนว่า “ค่ารถไถ ไร่ละ 700 บาท แรงงานจะจ้างช่วงหยอดเมล็ดกับกลบปุ๋ย ค่าแรง วันละ 300 บาท ค่าแรง ปุ๋ยอะไรประมาณ 4,000 บาท ประมาณนี้นะครับ กำไรต่อไร่หักเมล็ดพันธุ์อะไรแล้ว เหลือประมาณ 8,000 บาท ต่อไร่ 1 ปี ปลูกประมาณ 2 รอบ”

ฝักโพดพันธุ์สวีทไวโอเล็ท

“ทางด้านผลผลิตต่อไร่ ไร่หนึ่งได้ผลผลิตประมาณ 2 ตันกว่า ปัจจุบัน ปลูก 3 ไร่ 2 งาน หมดเมล็ดพันธุ์ไปประมาณ5 กิโลกรัม แนวโน้มอนาคตคิดว่ามีการขยายเกิดขึ้น ผลผลิตที่ได้สม่ำเสมอ โดย 2 คน ทำได้ประมาณ 3-4 ไร่ ต่อรอบ” คุณพิรุณ บอก

ทางด้านการตลาด คุณพิรุณ บอก “ช่วงปลูกแรกๆ ก็ 5 บาท 50 สตางค์ แล้วก็ขยับขึ้นมาเป็น 6 บาท เราจะรู้ราคาตั้งแต่ก่อนปลูก โบรคเกอร์เขาจะประกันราคาให้เลย ส่งขายในจังหวัดเชียงใหม่ กิโลกรัมละ 6 บาท ตลอดทั้งปี เป็นราคาประกัน เป็นราคาที่เราพอใจครับ ทางด้านความเสี่ยงในข้าวโพดแต่ละรุ่นไม่มีครับ”

 

คุยกับนักส่งเสริม ข้าวโพดข้าวเหนียว

ทางด้าน คุณฐิติพันธ์ จงจิระสวัสดิ์ หรือ คุณอุ๋ย ผู้ส่งเสริมการปลูก-ส่งเสริมการขาย กล่าวว่า “เดิมทีที่บ้านปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว ปลูกเองแล้วก็ไปขายเองตามตลาด เราเป็นพ่อค้า เราก็เห็นว่ามีเพื่อนในตลาดบางคนก็ขายของอันนั้นบ้าง อันนี้บ้าง เราก็ไปแนะนำให้เขาขาย และเราก็ปลูกเผื่อเขา ปลูกเผื่อเรื่อยๆ ณ วันหนึ่ง เราออกมาทำส่งเสริมเกษตรกรดีกว่า แล้วให้กลุ่มเพื่อนๆ หรือกลุ่มแม่ค้าที่เราแนะนำเขาเป็นคนขาย ส่งเสริมเกษตรกรปีนี้เป็นปีที่ 12 พอดีครับ พื้นที่ส่งเสริมอยู่ในอำเภอแม่แตงทั้งหมดครับ ขายที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ทั่วจังหวัดเชียงใหม่ครับ แล้วแต่ว่ากลุ่มแม่ค้าจะอยู่ที่ไหน มีต่างอำเภอบ้าง มีแม่ฮ่องสอนบ้าง มีเชียงรายบ้าง ถ้าเป็นแม่ค้าที่เป็นแม่ค้าประจำของเราเนี่ยอยู่ที่เชียงใหม่ เป็นแม่ค้าที่เราส่งเสริมไว้ เป็นแม่ค้ารายย่อยที่ขายนึ่ง มีแม่ค้าอยู่ประมาณ 60 ราย บางรายส่งสูงถึง 500 กิโลกรัม ต่อวัน แล้วแต่ราย บางรายก็แค่ 20 กิโลกรัม รวมแล้วส่งขายประมาณ วันละ 4-5 ตัน ต่อวัน เราวิ่งส่งตามจุดที่เรานัด ใกล้บ้านเขา เส้นหลักๆ มีสายส่งเพียงสายเดียวครับ รถ 1 คัน วิ่งให้สุด จุดที่เรานัดกันประมาณ 10 จุด จุดหนึ่งก็ประมาณ 5-6 ราย บางจุดใหญ่หน่อยก็ 10 กว่าราย อย่างนี้นะครับ”

คุณฐิติพันธ์ จงจิระสวัสดิ์ หรือ คุณอุ๋ย

คุณอุ๋ย เผยสิ่งที่เกษตรกรจะได้ “เราก็ให้เมล็ดพันธุ์แล้วก็รับซื้อ ส่วนเรื่องพวกยาทางเคมี พวกอะไรเนี่ย ร้านเกษตรเยอะ เราก็ให้บ้าง อย่างถ้าเมล็ด เราก็ให้ยืมก่อน แล้วก็ไปหักตอนเก็บผลผลิตครับ…ราคารับซื้อก็เข้ากระเป๋าเกษตรกรเลยครับ 6 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม ไม่มีการขึ้นลงตามฤดูกาล เราประกันราคาซื้อ เพราะเราประกันราคาขาย ราคาก็จะไม่ขึ้นไม่ลง ราคาสม่ำเสมอตลอดทั้งปี แต่ว่า 6 บาทนี่ คือเกษตรกรเขาก็แค่ปลูกนะ ไม่มีคนงานอะไร คนงานเนี่ยเราก็เอาคนงานมาเก็บเอง เอาขึ้นรถเอง เขาก็แค่มาจดดูว่าน้ำหนักเท่าไร ตัวคนงานค่าแรงก็จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 1 บาท อยู่แล้ว เพราะว่าเราเก็บตอนเที่ยงคืน”

คุณอุ๋ย เผยว่า “การรับเกษตรกรเพิ่ม อันนี้เป็นส่วนของโบรคเกอร์ เราไม่สามารถตอบได้จริงๆ อันนี้เรารับซื้อผ่านโบรคเกอร์แต่ละหมู่บ้านอยู่ ผมจะจ่ายเงินผ่านโบรคเกอร์ แล้วโบรคเกอร์ก็จ่ายเงินให้เกษตรกร โบรคเกอร์จะเป็นตัวการันตีว่าลูกไร่คนนี้ทำงานดีนะ โบรคเกอร์ก็จะคัดสรรมา โบรคเกอร์จะเป็นตัวไปรับประกันกับลูกไร่อีกทีหนึ่งว่าพ่อค้าคนนี้ดีนะ ก็จะเป็นประมาณนี้ครับ รายได้ของโบรคเกอร์ก็จะมาจากเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนัก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเงินของเกษตรกร เกษตรกรก็เข้ากระเป๋า 6 บาท เต็มๆ”

“เราไปขายแม่ค้า ถ้าใกล้หน่อย แถวๆ บ้านเราก็ 8-9 บาท ถ้าไกลแล้วเป็นลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกค้าเรา เราก็จะคิด 10 บาท ไม่คิดค่าขนส่ง แต่ต้องอยู่เชียงใหม่ เวลาเขาไปนึ่งขาย เขาก็จะขายที่ 3 ฝัก 20 บาท ต้นทุนซื้อของเขา 3 ฝัก อยู่ที่ประมาณ 7-8 บาท ก็ถ้าเขาซื้อเราไป 1 หน่วย หรือ 1 กระสอบ ราคา 180 บาท หรือ 200 บาท เขาก็จะขายได้ประมาณ 400-500 บาท ส่วนใหญ่ผลผลิตจากเมล็ดพันธุ์ศรแดงแทบจะไม่มีอันเสียเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์เลย ยกตัวอย่าง แปลงนี้พูดได้เลยว่า 99 เปอร์เซ็นต์ครับ” คุณอุ๋ย กล่าว

มีซื้อขายกันมาก

ในส่วนของมุมมองของพ่อค้าคนกลาง พันธุ์นี้ที่นิยมขายมากกว่าพันธุ์อื่น “คุณภาพการกิน ก็คือ กินแล้วอร่อย คนชอบกิน เวลาขายแล้วเนี่ยได้กำไร เพราะว่าขนาดของฝักเขาแทบจะเท่ากัน ฉะนั้น มาตรฐานของฝักจะเท่ากัน ทำให้วันหนึ่งที่เขารับไป 100 กิโลกรัม ทำให้เขารู้ว่า 100 กิโลกรัม ที่เขารับไปเนี่ยจะได้กำไร 1,000 บาท นะเขารู้ คนซื้อเขาก็เน้นมาว่า เอาพันธุ์นี้นะ ลงพันธุ์นี้นะ” คุณอุ๋ย บอก

สำหรับโรคและแมลง คุณอุ๋ย บอกว่า พันธุ์นี้ถ้าเป็นโรคก็จะพบเจอราน้ำค้างครับ ใบไหม้แผลใหญ่ ราสนิมบ้าง ส่วนแมลงก็จะเป็นหนอนเจาะฝัก หนอนเจาะสมอฝ้าย แล้วก็หนอนกระทู้ วิธีการป้องกันและกำจัด โดยการใช้เคมีพ่นตอนต้นอ่อน ส่วนยาโรคพืชก็ใช้ยาโรคพืชแก้ สารเคมีที่ใช้กำจัดหนอนกระทู้เราใช้อะบาเม็กติน แต่ก็จะเป็นช่วงสั้นๆ นะครับ ถ้าติดฝักแล้วเขาก็จะไม่ขึ้นแล้วครับ ถ้าเป็นพวกราน้ำค้างใช้เป็นพวกแมนโคเซบ

 

มุมมองในอนาคต

“พันธุ์นี้ใช้ได้นะครับ พันธุ์นี้ผมใช้คำว่า ลอยตัว คือเขามีฐานคนกินของเขาอยู่แล้ว คือถ้ามีพันธุ์อื่นเข้ามาเนี่ยมันอาจจะเพิ่มความหวานหรืออาจจะเพิ่มขนาดของฝัก อันนั้นมันก็จะเป็นกลุ่มคนกินอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ตัวนี้ก็คือความอร่อย เขาได้เกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ฉะนั้นคือเขาเติมเต็มสำหรับการกินแล้ว ก็อนาคตข้างหน้าก็เชื่อว่ายังอยู่ในตลาดตลอดไป ทาง EAST-WEST-SEED หรือ ศรแดง เขาเก่ง”

สำหรับผู้ที่สนใจปลูกหรือสนใจสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ หรือผลผลิตข้าวโพด สามารถติดต่อผ่าน คุณอุ๋ย ได้โดยตรง

“ถ้าเป็นเชียงใหม่ ก็ส่งฟรีครับ แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็จะมีค่าขนส่งครับ” คุณอุ๋ย บอก

คุณอุ๋ย ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว “ถ้าเกษตรกรอยากปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว…ข้าวโพดข้าวเหนียวเขาต้องการน้ำและปุ๋ยสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ปุ๋ยใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง ระยะก็ให้มีวินัยหน่อย ระยะการใส่ปุ่ยก็อย่าให้เกิน 15 วัน ครับ ไม่งั้นผลผลิตก็จะไม่ได้ 15 วันนี่ นับตั้งแต่ปลูกเลยครับ เพราะว่าเกษตรกรก่อนปลูกเขาจะมีการรองก้นหลุมอยู่แล้ว ปุ๋ยที่ให้เป็นปุ๋ยตลาดทั่วไปเลยครับ”

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณฐิติพันธ์ จงจิระสวัสดิ์ หรือ คุณอุ๋ย โทรศัพท์ 085-008-5885 หรือ Facebook : จงเจริญการเกษตร ข้าวโพดข้าวเหนียวเชียงใหม่ หรือการปลูก การดูแลรักษา คุณพิรุณ แสงดวง คุณอุไรวรรณ แสงดวง โทรศัพท์ 085-036-2791 และ 097-154-5527

แปลงข้าวโพดหลังนา