ชาวหนองบัวลำภู หลบปัญหาอ้อยราคาตก ปลูกดาวเรืองและข้าวโพดรุ่นละไร่ สร้างรายได้กว่า 2 แสน

จากสถานการณ์การผลิตอ้อยในปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกมาก ผลผลิตออกมากเป็นเงาตามตัว ราคาค่อนข้างต่ำ ทำให้รายได้ต่อไร่ต่ำ มีเกษตรกรรายย่อยหลายรายปลูกอ้อยแล้ว เมื่อถึงระยะจะตัดอ้อยส่งโรงงานกลับไม่ตัดเอง เพราะไม่คุ้มค่าตัด แรงงานหายาก จึงขายเหมาให้พ่อค้ามาตัดส่งโรงงาน ในราคาไร่ละ4,000-5,000 บาท (เกษตรกรบางรายบอกขาย ไร่ละ 3,500 บาท ก็มี) และมีพ่อค้าจำนวนหนึ่งต้องเผาอ้อยเพื่อให้สะดวกต่อการตัด ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการตัด เช่นเดียวกับเกษตรกรบางรายก็เผาก่อนตัด โดยไม่ได้รับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงเกิดฝุ่นละออง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประกอบกับในการปลูกอ้อยนั้นทำรายได้ปีละครั้ง และในระยะแรกเกษตรกรยังต้องใช้สารกำจัดวัชพืชค่อนข้างมาก ส่งผลให้ตกค้างในดิน บางส่วนถูกฝนชะล้างพัดพาลงสู่แหล่งน้ำ และเกิดผลกระทบอื่นๆ มากมาย

คุณลักษณู หาริพงษ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ที่ 4 บ้านฝั่งแดง ตำบลฝั่งแดง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู โทร. 089-160-9889 เป็นอีกคนหนึ่งที่ปลูกอ้อย ต่อมาลดพื้นที่การปลูกลงแล้วหันมาปลูกดาวเรือง ข้าวโพดข้าวเหนียว และพืชผัก เพียงไม่กี่ไร่ สร้างรายได้ตลอดปี ปีละกว่า 2 แสนบาท

คุณลักษณู ให้ข้อมูลว่า เมื่อหลายปีมาแล้ว ทำไร่อ้อย ประมาณ 10 ไร่ ระยะแรกรายได้ดี และใช้สารกำจัดวัชพืชค่อนข้างมาก ต่อมาราคาตกต่ำ จึงลดพื้นที่ปลูกลง ปัจจุบัน ทำนา 5 ไร่ เก็บผลผลิตไว้บริโภคในครัวเรือน อ้อยโรงงาน 4 ไร่ แต่ที่ทำรายได้หลักคือ ดาวเรือง รุ่นละประมาณ 7,000 ต้น (ราว 1 ไร่) และข้าวโพดข้าวเหนียว รุ่นละประมาณ 1 งาน โดยพื้นที่ปลูกดาวเรืองและข้าวโพด ประมาณ 3 ไร่ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป

คุณลักษณู หาริพงษ์ และสามี

คุณลักษณู บอกว่า ปลูกดาวเรืองมา 3 ปี ปีละ 4 รุ่น รุ่นละ 7,000 ต้น พันธุ์มหาโชค สีเหลืองทองซื้อเมล็ดราคา เมล็ดละ 1 บาท ปลูกเพื่อร้อยมาลัย

ขั้นตอนการปลูกและดูแลรักษา เริ่มจากเพาะเมล็ดในกระบะเพาะ เป็นเวลา 15 วัน แล้วนำลงปลูกในแปลงระยะระหว่างต้น ประมาณ 1 คืบ ระหว่างแถว ประมาณ 120 เซนติเมตร ให้น้ำโดยระบบน้ำหยด

โรคแมลงศัตรู มีหนอนกินดอก เจาะดอก เจาะยอด ถ้าพบจะฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลง แต่ละรุ่น 2-3 ครั้ง

หลังจากปลูก 15 วัน ดาวเรืองจะเจริญเติบโตมีใบ 6 ใบ (3 คู่) ให้เด็ดยอด นับอีก 15 วัน จะเริ่มออกดอก (ตั้งแต่เพาะกล้าถึงออกดอกราว 45 วัน) ให้ใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 โดยโรยข้างหลุมแล้วใช้ดินกลบ ให้น้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ อีกประมาณ 15 วัน จะเริ่มเก็บดอกขายได้ (เมื่ออายุรวม 60 วัน) จากนั้นจะเก็บดอกได้ทุกๆ 3-4 วัน เป็นจำนวนร่วม 20 รุ่น

สภาพแปลงดาวเรือง

โดยรุ่นแรก ดอกจะโต ราคาขาย ดอกละ 70-80 สตางค์ จะเก็บดอกได้ราว 3,000-4,000 ดอก รุ่นที่ 2 ขนาดดอกจะลดลง ราคา ดอกละ 40-60 สตางค์ ได้ดอก 7,000-8,000 ดอก รุ่นที่ 3 เป็นต้นไป ราคา ดอกละ 25-30 สตางค์ ได้ดอก 11,000-12,000 ดอก แต่ละรุ่นจะให้ดอกเพิ่มประมาณ 5,000 ดอก โดยรุ่นท้ายๆ จะเก็บดอกได้ 60,000-70,000 ดอก โดยใช้เวลาในการเก็บดอกขายเดือนเศษ รายได้รุ่นละ 35,000-40,000 บาท โดยส่งขายให้พ่อค้าที่จังหวัดอุดรธานี ช่วงที่ราคาดีจะอยู่ในช่วงฤดูฝนต่อเนื่องถึงเดือนธันวาคม จากนั้นราคาจะลดลงบ้าง ทั้งนี้เนื่องจากหลังจากเก็บเกี่ยวข้าว จะมีการปลูกดาวเรือง ทำให้ผลผลิตออกมากทำให้ราคาต่ำ

นอกจากนี้ ยังปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว รุ่นละประมาณ 1 งาน ใช้เวลา 2 เดือนเศษ นำมานึ่งขายที่หน้าสวน (ติดถนน) มีรายได้รุ่นละประมาณ 8,000-9,000 บาท ปีละ 4-5 รุ่น และยังปลูกผักขายภายในชุมชนอีกด้วย

คุณยายเบญจมาศ (แม่คุณลักษณู) ปลูกผักขายในชุมชน

คุณลักษณู บอกว่า ภายหลังจากลดการปลูกอ้อย หันมาปลูกดาวเรือง ข้าวโพดข้าวเหนียวและพืชผัก ปรากฏว่ามีรายได้หมุนเวียนทุกเดือน ปีละกว่า 2 แสนบาท (นอกเหนือจากข้าวและอ้อย)

คุณชนะ ไชยฮ้อย เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู (ที่ 7จากซ้าย) ออกเยี่ยมเกษตรกรที่อดีตปลูกอ้อยแล้วหันมาปลูกผัก

คุณชนะ ไชยฮ้อย เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า จังหวัดหนองบัวลำภูมีพื้นที่ปลูกอ้อย 6 แสนไร่เศษ ในการผลิตมีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช ประกอบกับส่วนใหญ่มักจะปลูกพืชเชิงเดี่ยว (อ้อย) ที่อายุยาวหลายเดือน รายได้ต่อไร่ก็ลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากอ้อยราคาตก ดังนั้น จึงขอแนะนำให้เกษตรกรลดการปลูกอ้อยลง แล้วหันมาทำการเกษตรหลายอย่างในรูปแบบไร่นาสวนผสม หรือเกษตรผสมผสาน และปลูกพืชหลากหลายชนิดหมุนเวียน ที่ทำให้มีการใช้แรงงานตลอดปี ทำให้มีรายได้รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และผลิตให้ปลอดภัยจากสารพิษ ลดละการใช้สารเคมี โดยใช้วิธีการอื่นทดแทน จะทำให้สินค้าปลอดสารพิษเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น

ดังนั้น หากเกษตรกรมีปัญหาในการทำการเกษตร หรือการควบคุมโรคแมลงศัตรูพืช ขอคำปรึกษาได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่าน!!!

ตัดแต่งดอกและบรรจุ