สมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันฯ บุก ก.พาณิชย์

สมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันฯ บุกกระทรวงพาณิชย์ ได้ประกันราคา หวั่นแบนพาราควอตทำต้นทุนพุ่ง ไม่คุ้มทุน

สมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย และสมาคมเกษตรปลอดภัย เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้องช่วยเหลืออย่างยั่งยืน อย่าเอาภาษีประชาชนมาใช้ พร้อมแจงเหตุต้นทุนการผลิตเพิ่ม และยืนยันต้องการใช้สารพาราควอตในภาคเกษตรกรรมของชาวสวนปาล์ม ขอให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำงานร่วมกัน

นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “วันที่ 1 ตุลาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์ จ่ายเงินชดเชยประกันรายได้ราคาปาล์มน้ำมัน กิโลกรัมละ 4 บาท โดยรับเงินส่วนต่างจากราคาประกันและราคาตลาด ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ โดยส่วนตัวแล้ว ไม่อยากให้รัฐนำภาษีประชาชนมาใช้ อยากให้วางแผนช่วยเหลืออย่างยั่งยืน เบื้องต้นมีหลายมาตรการออกมาสนับสนุน เพื่อลดการใช้ภาษีประชาชน คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมในต้นปีหน้า แต่มาตรการดังกล่าว อาจไม่สำเร็จได้ เนื่องจาก ต้นทุนการผลิตกำลังจะเพิ่มขึ้นจากปัญหาการแบนสารเคมี จึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บูรณาการความร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและประเทศสูงสุด”

ปัจจุบัน มีองค์กรออกมาเสนอให้ใช้สารทดแทนโดยไม่เคยลงมือทำ เกษตรกรไม่ใช่หนูทดลองที่ภาครัฐ NGO หรือผู้ขายจะเข้ามาสั่งให้ซ้ายหันขวาหันแล้วเกษตรกรต้องทำตาม เกษตรกรขอเป็นคนเลือกเองว่าจะใช้อะไร สารตัวไหน มีอะไรมาทดแทนได้จริงหรือไม่ ปลอดภัยจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรกลุ่มปาล์มน้ำมัน ขอให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการวัตถุอันตราย และข้าราชการทุกคน ในการยืนยันมติจำกัดการใช้ 3 สารเคมี พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส รวมทั้งสนับสนุนให้เกษตรเพาะปลูกตามมาตรฐาน GAP ใช้สารเคมีได้อย่างถูกต้องตามข้อปฏิบัติกรมวิชาการเกษตร ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด

นอกจากนี้ เกษตรชาวสวนปาล์มในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีหลายร้อยครอบครัว คิดเป็น 100% ได้เข้าร่วมอบรมและสอบเพื่อรับใบอนุญาตใช้สารเคมี ตามมาตรการจำกัดการใช้ที่ได้กำหนดแล้ว นายสุชล สินผดุง เกษตรกรสวนปาล์มน้ำมัน จังหวัดปทุมธานี กล่าวเสริมว่า “เกษตรกรทุกคนต้องการใช้ พาราควอต จึงได้ตอบรับเข้าร่วมอบรมกันทุกคน โดยการสอบและการอบรมไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย เป็นสิ่งที่เกษตรกรรู้และปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว ที่สำคัญ ชาวสวนปาล์มใช้สารพาราควอตเพียงปีละ 2 ครั้ง เพื่อฉีดพ่นในช่วงหญ้าเติบโตมาก ป้องกันเป็นที่อยู่อาศัยของงู หรือสัตวเลื้อยคลานที่มีพิษอื่นๆ โดยสวนของตนเองมีขนาดพื้นที่กว่า 40 ไร่ ไม่สามารถหาแรงงานคนมาจัดการได้”