สวนยาง ‘นราธิวาส’ อ่วม! พบเชื้อราระบาดหนัก ทำเสียหายนับแสนไร่ คาดแพร่มาจากเพื่อนบ้าน

(17 ต.ค.) นายวีระ นุ้ยผอม ผอ.กยท.สาขาสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปพบปะพูดคุยและทำความเข้าใจกับชาวบ้านหมู่บ้านโล๊ะจูด ม.9 ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส หลังจากที่ตรวจพบว่าต้นยางพาราของชาวบ้านมีการแพร่ระบาดของเชื้อรา Pestalotiopsis sp. อย่างหนักในพื้นที่ 44 หมู่บ้าน 6 ตำบล ซึ่งมีสวนยางพาราทั้งสิ้น 106,415 ไร่

โดยต้นยางพาราแต่ละต้นจะมีลักษณะคล้ายกับการพลัดใบ แต่ข้อสังเกตคือ ใบของต้นยางพาราที่ร่วงลงมาแต่ละใบที่ติดเชื้อรา จะมีลักษณะเด่นชัดคือ ใบจะมีรูปร่างคล้ายวงกลมสีเหลืองเป็นจุดๆ เหมือนรอยไหม้ ซึ่งเชื้อราชนิดนี้ได้แพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งมีภูมิอากาศร้อนชื้นและฝนตกชุก เหมือนกับพื้นที่ภาคใต้ของไทย

โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าโรคเชื้อรานี้คาดว่า มีการแพร่ระบาดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จากกระแสลมที่พัดพานำเชื้อราเข้ามาในพื้นที่ อ.แว้ง และกระแสลมได้พัดพาเชื้อรานี้ต่อไปยังอำเภอใกล้เคียง จนแพร่ระบาดไปยังพื้นที่อำเภอต่างๆ ของ จ.นราธิวาส ซึ่งอาการใบร่วงจากเชื้อรานี้ มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นยางพารา เนื่องจากแต่ละต้นมีใบร่วงมากกว่า ร้อยละ 90 จึงเป็นต้นเหตุทำให้ผลผลิตลดลงถึง ร้อยละ 30 ถึง 50 เลยทีเดียว

และหากเจ้าของสวนยางพารายังคงกรีดยางเพื่อเป็นรายได้ในขณะที่ต้นยางพาราติดเชื้อรานี้ มีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อต้นยางพาราในอนาคตได้ คืออายุของต้นยางพาราอาจจะสั้นลง เนื่องจากต้นยางพาราขาดน้ำเลี้ยงและเปลือกของต้นยางพาราจะแห้งและยืนต้นตายไปในที่สุด

นอกจากนี้ ได้รับการเปิดเผยจาก นายวีระ นุ้ยผอม ผอ.กยท.สาขาสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อรา Pestalotiopsis sp. ในขณะนี้สำรวจพบหลายอำเภอ ซึ่งพื้นที่ที่แพร่ระบาดหนักสุดอยู่ใน อ.แว้ง ระแงะ และรือเสาะ ส่วนอำเภออื่นๆ ก็เริ่มมีการแพร่ระบาดอยู่หลายจุด โดยภาพรวมคิดเป็นเนื้อที่หลายแสนไร่

ซึ่งขณะนี้ทาง สนง.กยท. ที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ ได้เข้าไปสำรวจและทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเบื้องต้นแล้ว โดยทาง ผอ.กยท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งคาดว่าในเร็ววันนี้ โดยเฉพาะตนกำลังปรึกษาหารือกับผู้บังคับบัญชา เพื่อนำโดรนติดตั้งเครื่องบรรจุน้ำยาฆ่าเชื้อรา บินเพื่อโปรยน้ำยาฆ่าเชื้อราทางอากาศให้กับสวนยางพาราของชาวบ้าน โดยจะทดลองสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่ ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง หากพบว่ามาตรการดังกล่าวได้ผล ก็จะมีการปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีและใช้โดรนเพื่อขอสนับสนุนโดรนมาบินโปรยยาฆ่าเชื้อราในโอกาสต่อไป

ด้าน นายนิพนธ์ ศรีสุวรรณ ประธานศูนย์รวบรวมน้ำยางสด อ.แว้ง กล่าวว่า ในเบื้องต้นโรคใบร่วงนี้ตอนแรกดูเหมือนกับเป็นเหตุปกติ โดยในเวทีชาวบ้านมีการพูดคุยเริ่มแรกคือ น้ำยางไม่ออก สาเหตุเกิดจากอะไร ก็มานั่งวิเคราะห์กันในช่วงฤดูนี้ใบมันไม่น่าร่วง และเมื่อประมาณเดือนสิงหาคมมีการจัดประชุมกรรมการกลุ่มแปลงใหญ่ โดยมีสมาชิกบางคนพูดขึ้นว่าเหตุที่เกิดขึ้นมันผิดปกติ ใบร่วงมันน่าจะเป็นโรคอะไรสักอย่าง จึงได้แจ้งไปยังการยางแห่งประเทศไทย สาขาสุไหงโก-ลก ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาดูเห็นผิดสังเกต จึงได้แจ้งประสานไปตามลำดับชั้นจนกระทั่งเจ้าหน้าที่วิจัยเกี่ยวกับโรคได้ลงมาดู แล้วนำใบยางที่ร่วงไปเพาะเชื้อ จนทราบว่าเป็นโรคที่ระบาดมาจากเพื่อนบ้านเราและรุนแรงน่าเป็นห่วง

โดยเจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่าให้กวาดใบและฉีดพ่น ซึ่งแนวทางจริงในการปฏิบัติมันทำไม่ได้พื้นที่กว้าง ซึ่งแปลงใหญ่มีสมาชิก 65 ราย เนื้อที่เกือบ 1,000 ไร่ ติดเชื้อราทั้งหมดเลย และทราบว่าขณะนี้แพร่ระบาดไปในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก สุคิริน สุไหงปาดี และได้ลุกลามไป อ.ระแงะ ซึ่งต่อไปอาจจะขึ้นไปทางบาเจาะ หรือลุกลามไปยังเขตปัตตานี ยะลา สงขลา หากไม่รีบป้องกัน

ส่วนผลผลิตที่เคยได้รับหายไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลกระทบตรงนี้มันเป็นวัฏจักร ถ้าเราสังเกตใบมันจะร่วงและจะเกิดยอดขึ้นมาใหม่ ยอดใหม่มันก็จะติดโรคอีก มันก็จะวนอยู่อย่างนี้ ซึ่งมันจะกระทบต่อต้นยางหน้าตายน้ำยางไม่มี