เครื่องหยอดเมล็ดข้าวบังคับด้วยรีโมท ลดการใช้แรงงาน ประหยัดเวลา แต่ผลผลิตได้มากขึ้น

ชาวนาไม่ต้องหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินอีกต่อไปแล้ว หลังศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ออกแบบเครื่องหยอดข้าวบังคับด้วยรีโมทคอนโทรลระยะไกลพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยชาวนาลดการใช้แรงงาน ประหยัดเวลา แต่ผลผลิตได้มากขึ้น เหมาะกับชาวนาที่อายุเริ่มมากขึ้นด้วย

คุณถาวร บุญล้อม

ที่แปลงนาข้าวบ้านคำข่า ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี คุณธฤติ ประสานสอน ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมสาธิตการใช้เครื่องหยอดข้าวควบคุมการทำงานด้วยรีโมทคอนโทรลจากระยะไกล และใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นตัวจ่ายกระแสไฟฟ้า โดยใช้แผงโซล่าร์เซลล์ ขนาด 360 วัตต์ เป็นตัวสร้างพลังงานไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ในตัวรถ ช่วยลดการสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิง แถมน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายไปตามแปลงนาต่างๆ ได้อย่างสบาย

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เครื่องดังกล่าวนี้จะลดการใช้แรงงานคน โดยเฉพาะชาวนาที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งเรี่ยวแรงเริ่มถดถอย สามารถควบคุมการทำงานอยู่ในที่ร่มจากระยะไกลได้อย่างสะดวกสบาย และประหยัดเวลาในการทำนา แต่ได้ผลผลิตเต็มที่มากกว่าเดิม

คุณธฤติ ประสานสอน

ด้าน คุณอนุชิต ทุมมากร อายุ 55 ปี ครู กศน. ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งร่วมกับนักศึกษาคิดประดิษฐ์เครื่องหยอดเมล็ดข้าวรีโมทคอนโทรลพลังงานแสงอาทิตย์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการคิดประดิษฐ์เครื่องหยอดข้าวรีโมทคอนโทรลพลังงานแสงอาทิตย์ต้องการช่วยเหลือชาวนา ซึ่งปัจจุบันชาวนามีจำนวนน้อยลง

ประกอบกับชาวนาส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เพราะลูกหลานเริ่มหันไปประกอบอาชีพอื่น ด้วยมองว่าการทำนาต้องตากแดดทั้งวัน และใช้เวลาในการทำนาเป็นเวลานาน ส่วนผลผลิตก็ได้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย

คุณอนุชิต ทุมมากร

คุณอนุชิต ผู้ประดิษฐ์เครื่องหยอดข้าวยังกล่าวต่อว่า ยิ่งปัจจุบันโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ทำให้สภาพอากาศประเทศไทยได้รับผลกระทบมีอากาศร้อนจัดมากยิ่งขึ้น เมื่อชาวนาที่เป็นผู้สูงอายุ ต้องเดินหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว หรือหยอดเมล็ดข้าวลงแปลงนาเป็นเวลานานๆ จะเกิดอาการเมื่อยล้าและต้องทนกับสภาพแดดที่ร้อนจัด ทำให้เจ็บป่วยไม่สบายได้ง่าย

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี จึงร่วมกับนักศึกษาคิดออกแบบและคิดค้นเครื่องหยอดเมล็ดข้าวรีโมทคอนโทรลพลังงานแสงอาทิตย์ ให้ชาวนานำไปใช้ประโยชน์ ลดขั้นตอนและเวลาในการทำงานให้รวดเร็วขึ้น รวมทั้งชาวนาสามารถทำงานในที่ร่มด้วยการควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรลจากระยะไกลให้สมกับเป็นชาวนายุคไทยแลนด์ 4.0

เครื่องหยอดเมล็ดข้าว

โดยพื้นที่ปลูกข้าว 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเติมเข้าไปในช่องที่เตรียมไว้ จำนวน 5 ช่อง ราว 6 กิโลกรัม เมื่อรถเริ่มแล่นล้อของเครื่องปล่อยเมล็ดข้าวที่อยู่ด้านหลังก็หมุนตาม และเริ่มปล่อยเมล็ดพันธุ์ทิ้งระยะห่างกันประมาณ 25 เซนติเมตร ต่อหลุม โดยหลุมหนึ่งจะมีเมล็ดพันธุ์ข้าวร่วงหล่นลงไป 5-6 เมล็ด ใช้เวลาในการหยอดเพียง 20 นาที ซึ่งหากเป็นการใช้แรงคนแบบเดิม ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ส่วนราคาของเครื่องนี้ มีต้นทุนประมาณ 25,000 บาท เท่านั้น

ประสิทธิภาพสูง

ขณะที่ คุณถาวร บุญล้อม อายุ 55 ปี ชาวนาบ้านคำข่า ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน ซึ่งได้ทดลองใช้เครื่องหยอดเมล็ดข้าวรีโมทคอนโทรลพลังงานแสงอาทิตย์บังคับจากระยะไกล ระบุว่า เครื่องสามารถใช้งานได้จริง และดีกว่าการใช้แรงงานคน เพราะช่วยประหยัดทั้งเวลาและแรงงานคน จากเดิมต้องใช้ 2-3 คน แต่หากใช้เครื่องนี้ ก็ใช้แค่คนเดียวก็ทำงานได้ รวมทั้งชาวนายังสามารถทำงานในที่ร่มได้ด้วย ซึ่งเป็นผลดีกับชาวนาสูงอายุแบบตนเป็นอย่างมาก

คุณธฤติ ประสานสอน ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งร่วมดูการสาธิตบอกว่า เครื่องหยอดข้าวรีโมทคอนโทรลพลังงานแสงอาทิตย์บังคับจากระยะไกล เป็นการคิดค้นของอาจารย์และนักศึกษาตามระบบสะเต็มศึกษา เพื่อให้นักศึกษานำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในชีวิตประจำวัน

รางวัลที่ได้รับ

สำหรับ กศน. อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ได้มีแต่เครื่องหยอดเมล็ดข้าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเครื่องสีข้าวอัตโนมัติและโครงงานต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาการทำการเกษตรให้ง่าย ประหยัด และสะดวกรวดเร็ว เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศที่เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตนยินดีสนับสนุนให้มีการพัฒนาต่อยอดสิ่งประดิษฐ์จนนำไปสู่การจดลิขสิทธิ์ และผลิตนำออกจำหน่ายให้กับเกษตรกรทั่วไป เพื่อช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพื่อประโยชน์ของประเทศด้วย

สำหรับเกษตรกรที่สนใจการทำงานของเครื่องหยอดเมล็ดข้าวด้วยรีโมทคอนโทรลพลังงานแสงอาทิตย์บังคับจากระยะไกล สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี หมายเลขโทรศัพท์ 045-371-374