| ที่มา | ผลิตภัณฑ์น่าซื้อ |
|---|---|
| ผู้เขียน | การุณย์ มะโนใจ |
| เผยแพร่ |
อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัด เกษียณอายุราชการพร้อมภรรยา ปลูกมัลเบอร์รี่ต่างประเทศหลากหลายสายพันธุ์นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบ ทั้งในเรื่องของอาหาร ขนม รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมความงาม นอกจากนี้ ยังเปิดเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของมันเบอร์รี่ทุกเมนู ให้กับนักท่องเที่ยวได้เดินทางแวะรับประทาน ซึ่งถือว่าเป็นร้านอาหารแห่งแรกแห่งเดียวของจังหวัดพะเยา ที่มีเมนูแตกต่างจากร้านอื่นๆ ทั่วไปของจังหวัด
ใครอยากรับประทานมัลเบอร์รี่ หรือหม่อน ผลไม้หนึ่งในตระกูลเบอร์รี่ที่มีประโยชน์และวิตามินสูง มัลเบอร์รี่หรือหม่อนปลูกง่ายมาก หากเราปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน แดดจัด ผลจะดก โตเร็ว ถ้าปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นผลจะออกไม่ดกมาก แต่ผลจะมีความหวานกรอบ เราสามารถปลูกแบบเด็ดลูกหม่อนกินผลสดได้ตลอดทั้งปี ปลอดสารพิษแน่นอน มัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ปลูกง่าย โตเร็ว อีกทั้งยังสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย ทั้งขายผลสด แปรรูปเป็นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ แยม อบแห้ง กวน
มัลเบอร์รี่ปลูกง่าย ไม่ต้องใช้สารเคมีก็โตเร็ว มีการจัดกิ่งให้โน้มเข้าหากันคล้ายอุโมงค์ เพื่อง่ายต่อการดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิต สามารถเก็บผลสดถ่ายรูปได้ตลอดทั้งปี ทำได้โดยตัดแต่งกิ่งและยอด เอาใบออก แล้วจับกางออกให้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง นับตั้งแต่วันตัดแต่งกิ่ง 50 วัน จะเริ่มเก็บผลได้ ระยะเวลาในการเก็บ 20 วัน ถึง 1 เดือน
สำหรับการเก็บใบเอามาเลี้ยงไหม หลังปลูกหม่อน 8-10 เดือนก็สามารถที่จะเก็บเกี่ยวใบหม่อนมาเลี้ยงไหมได้แล้ว ปลูกให้ต้นโตดี ให้ใบให้ผลดก เลือกพื้นที่ให้เหมาะสมกับการปลูก แดดจัด ยิ่งอากาศร้อนยิ่งออกลูกดี
ปลูกระยะ 4×4 เมตร เพื่อให้กิ่งแผ่รับแสงแดดได้เต็มที่ ทำงานสะดวก เก็บผล เก็บใบง่าย ปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก ลงสม่ำเสมอ จะน้อยจะเยอะก็ไม่เป็นไร ขอให้สม่ำเสมอ
คุณสุชาติ สุวรรณกาศ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดแถบปักษ์ใต้ เมื่อเกษียณอายุราชการแล้วจึงมาสร้างบ้านอยู่ที่อำเภอดอกคำใต้ พร้อมกับ คุณเยาวณาฎ สุวรรณกาศ ภรรยา ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ (สาวงามดอกคำใต้) จึงได้ร่วมกันปลูกมัลเบอร์รี่ สายพันธุ์เบลเยียม ตุรกี ออสเตรเลีย และไต้หวัน
จากนั้นก็ได้นำมาแปรรูปหลากหลายเมนูอาหาร ทั้งในเรื่องของ ยำยอดมัลเบอร์รี่ ผัดไทยซอสมัลเบอร์รี่ ซี่โครงอบซอสมัลเบอร์รี่ กระเพาะหมูตุ๋นมัลเบอร์รี่ ขนมจีนมัลเบอร์รี่ น้ำยาปู รวมทั้งเครื่องดื่มขนมหลากหลายรูปแบบที่มีส่วนผสมของมัลเบอร์รี่ ทุกรายการ เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์จากผลมัลเบอร์รี่ ทั้งเบเกอรี่ น้ำมัลเบอร์รี่ จากนั้นก็ยังได้พัฒนาปรับปรุงเข้าไปเป็นส่วนผสมของอาหารหลายชนิด ทั้งเครื่องดื่ม ขนมเค้ก ขนมชั้น และอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องประทินผิวหลากหลาย รวมทั้งเปิดเป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศตกแต่งอย่างสวยงามในนามร้าน “เลอกองแล” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านพัก ติดถนนสายพะเยา-เชียงคำ หมู่ที่ 6 บ้านกองแล ตำบลดงสุวรรณ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา โดยส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกผสมด้วยมัลเบอร์รี่ทุกรายการ ซึ่งจะมีเมนูหลากหลายไม่เหมือนใครและมีความแปลกแตกต่างจากที่อื่น
โดยคุณเยาวณาฎ เล่าว่า ตนเองและสามีได้ทำสวนมัลเบอร์รี่ไว้ภายในบริเวณบ้าน ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 1.2 ไร่ และก็เริ่มต้นด้วยการนำมัลเบอร์รี่มาทำเป็นเบเกอรี่และน้ำมัลเบอร์รี่ ออกจำหน่ายให้กับลูกค้า และลูกค้าที่เดินทางมารับประทานเบเกอรี่ ดังกล่าวนั้น ได้แนะนำว่าควรจะมีอาหารไว้รองรับลูกค้าด้วย ทั้งสองคนจึงได้มีการพัฒนาโดยการนำมัลเบอร์รี่มาทำเป็นส่วนผสมของอาหารทุกชนิด โดยเริ่มต้นที่การทำน้ำพริก ที่นำส่วนผสมของมัลเบอร์รี่มาทำการผสมลงในอาหาร และก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้มีเมนูหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกรับประทานทั้งในเรื่องของยำยอดมัลเบอร์รี่ ซี่โครงหมูอบซอสมัลเบอร์รี่ ผัดไทยซอสมัลเบอร์รี่ เครื่องในตุ๋นมัลเบอร์รี่ ขนมจีนที่ทำจากผลและใบของมัลเบอร์รี่รับประทานกับน้ำยาปู
ยังมีเมนูที่เป็นส่วนผสมของมัลเบอร์รี่ทุกรายการให้ลูกค้าได้เลือกสรรรับประทาน ซึ่งหลังจากที่เปิดร้านอาหารมามีลูกค้าเดินทางมารับประทานกันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีรสชาติที่แปลก อร่อย และมีเมนูที่ไม่เหมือนกับร้านโดยทั่วไป นอกจากมีเมนูอาหารแล้วทางร้านก็จะมีในเรื่องของขนมต่างๆ ทั้งวุ้นมัลเบอร์รี่ ขนมชั้นมัลเบอร์รี่ เค้กมัลเบอร์รี่ เบเกอรี่มัลเบอร์รี่
เจ้าของยังได้พัฒนานำเอาผลมันเบอร์รี่และส่วนอื่นๆ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและเครื่องประทินผิวอีกหลากหลาย ทั้งแชมพู สบู่ สครับ ตลอดจนซีรั่มที่จะให้ลูกค้าสามารถเลือกสรรนำไปใช้ได้
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือมารับประทานอาหารเมนูมัลเบอร์รี่ ติดต่อคุณสุชาติ และคุณเยาวณาฎ สุวรรณกาศ เลขที่ 120 หมู่ที่ 6 บ้านกองแล ตำบลดงสุวรรณ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา โทร. (063) 132-5999
เผยแพร่ครั้งแรก วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ.2564
