ไทยเซ็นทรัลเคมี เปิดโรงงานอบรมเกษตรกรเรื่องปุ๋ยเคมี และธาตุอาหารข้าว

ไทยเซ็นทรัลเคมี เปิดโรงงาน ชูกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมจัดอบรมเกษตรกรเรื่องปุ๋ยเคมี และธาตุอาหารข้าว

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.62  นายโยชิฮิโระ ทามูระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ผู้ผลิตปุ๋ยเคมี ตราหัววัวคันไถเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเกษตรกร เรื่องปุ๋ยเคมี และธาตุอาหารข้าว ณห้องประชุมโรงงานนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นายโยชิฮิโระ ทามูระ กล่าวว่า ในฐานะนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และเป็นแหล่งผลิตปุ๋ยเคมีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บริษัทฯ มีภารกิจหลัก 3 ด้านด้วยกัน คือ 1)การพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างคุณค่าใหม่ๆ คือการผลิตสินค้าให้ได้ตามมาตรฐานสากล โดยในปุ๋ยแต่ละเม็ดจำเป็นที่จะต้องมีค่าธาตุอาหารตามที่ระบุไว้ในแต่ละสูตร โดยมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดด้วยห้อง Lab ที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน เกษตรกรจึงมั่นใจได้ว่าปุ๋ยเคมีจากบริษัทฯ ของเรานั้นสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรได้ตามที่ต้องการ

2)การพัฒนาองค์ความรู้ให้กับเกษตรกร ในปัจจุบันการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการเพิ่มผลผลิต จำเป็นต้องมีการใช้อย่างถูกสูตร ถูกที่ ถูกวิธี และถูกเวลา ดังนั้นการให้ความรู้กับเกษตรกร อาทิ การจัดประชุมให้ความรู้ ลงพื้นที่เพื่ออธิบายวิธีการทำการเกษตรอย่างถูกต้องในเชิงวิชาการ รวมไปถึงจัดทำแปลงสาธิตเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรได้เข้ามาศึกษา จึงเป็นภารกิจที่สำคัญของบริษัทที่จะ ต้องทำควบคู่กันไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์

และ 3)การพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรด้านการเกษตร ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาหาแนว ทางในการทำการเกษตรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงต่อยอดแนวความคิดเชิงวิชาการด้านการเกษตรให้สามารถนำมาใช้ได้จริง เป็นการสร้างความเชื่อมโยงกันระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน และในส่วนของบุคลากรก็ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อ เนื่อง ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะเป็นกำลังหลักในภาคการเกษตรของไทยต่อไป

ด้าน นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย ซึ่งได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเกษตรกรฯ ครั้งนี้ ได้กล่าวว่า “เศรษฐกิจภาคการเกษตรของไทยในปี พ.ศ.2563 ยังคงจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในหลายด้านทั้งราคา ปริมาณการเพาะปลูก รวมไปถึงศักยภาพด้านการเกษตร ในส่วนของปัจจัยด้านราคาในพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว อ้อย ยางพารา ฯลฯ ยังคงอยู่ในระดับต่ำและคาดว่าจะไม่ฟื้นตัวมากนัก

ในขณะเดียวกัน ด้านปริมาณการเพาะปลูกจะได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งที่จะยังเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นปี พ.ศ. 2563 พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังคาดว่าจะลดลงเนื่องจากปริมาณน้ำในระบบชลประทานมีไม่เพียงพอ ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวโยงไปถึงปัจจัยของตัวเกษตรกรเองที่มีปัญหาด้านหนี้สินและลดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตทำให้อาจส่งกระทบต่อผลิตภาพโดยรวมของการเกษตรได้

นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช

อย่างไรก็ตามคาดว่าภาคการเกษตรไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในระดับมหภาคและในระดับโลกมากนักในปีหน้า ปี 2563 หากเทียบกับในภาคการผลิตและภาคการบริการ เนื่องจากสินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่มีความสำคัญในการรักษาความมั่นคงด้านอาหารของทุกๆประเทศ อีกทั้งคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การประกันรายได้ การพักหนี้เกษตรกร นำมาใช้อย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2563

ปริมาณความต้องการปุ๋ยเคมีของไทยในปี พ.ศ. 2563 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านราคาสินค้าเกษตรและจำนวนพื้นที่เพาะปลูกเป็นหลัก แม้ว่าราคาวัตถุดิบและค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มผันผวนส่งผลให้ราคาปุ๋ยเคมีในประเทศมีความผันผวนตามไปด้วย แต่ราคาปุ๋ยเคมีไม่ใช่เป็นปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อปุ๋ยเคมีของเกษตรกรจึงทำให้ไม่กระทบต่อปริมาณความต้องการใช้ปุ๋ยเคมีมากนัก ดังนั้นจากสถานการณ์ด้านเกษตรตามที่กล่าวมาในข้างต้น จึงคาดการณ์ว่าปริมาณการใช้ปุ๋ยในปีหน้าจะยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับในปี 2562

นายสมรักษ์ ลิขิตเจริญพันธ์  เจ้าหน้าที่บริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการผลิต/ผู้จัดการโรงงาน ได้กล่าวถึงการผลิตปุ๋ยเคมี และการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยตราหัววัวคันไถว่า “ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถผลิตปุ๋ยเคมีชนิดเม็ดภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราหัววัวคันไถ, ตราทีซีซีซี, ตราสิงห์ และตราเด็กน้อย ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานทัดเทียมกับปุ๋ยที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยบรรจุกระสอบละ 50 กก. ซึ่งประกอบด้วยธาตุอาหารหลักคือไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม และธาตุอาหารรอง เช่น แมกนีเซียม, กำมะถัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีธาตุอาหารเสริม เช่น โบรอน อีกด้วย ซึ่งจะทำให้พืชเจริญงอกงามมีผลผลิตดี ได้ปริมาณและคุณคุณภาพสูง

นอกจากนี้ปุ๋ยตราหัววัวคันไถ ที่บริษัทฯได้ผลิตขึ้นมานั้นก็มีคุณภาพตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังเป็นที่แพร่หลายในพื้นที่เกษตรกรรมทั่วประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงงานขนาดใหญ่ที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน 2 แห่ง รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้นปีละ 1.2 ล้านเมตริกตัน แบ่งเป็น 1)โรงงานพระประแดง จ.สมุทรปราการ มีกำลังการผลิต 850,000 เมตริกตัน มีคลังเก็บสินค้าได้ 100,000 เมตริกตัน ขนาดท่าเรือยาว 310 เมตร หน้าท่าลึก 8.4 เมตร กำลังการขนถ่ายวัตถุดิบต่อวัน 6,000 เมตริกตันและ 2)โรงงานนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิต 350,000 เมตริกตัน มีคลังเก็บสินค้าได้ 90,000 เมตริกตัน ขนาดท่าเรือยาว 189 เมตร หน้าท่าลึก 5 เมตร กำลังการขนถ่ายวัตถุดิบต่อวัน 4,000 เมตริกตัน”

ด้าน นายวัชระ ปิงสุทธิวงศ์ เจ้าหน้าที่บริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านธุรกรรมการค้า/สายงานการตลาด วิจัย และพัฒนา ได้กล่าวถึงการจัดอบรมการถ่ายทอดความรู้เชิงวิชาการเรื่อง “ปุ๋ยเคมี และธาตุอาหารข้าว” ว่า “โครงการนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านธาตุอาหาร การดูแล และการจัดการ การปลูกข้าวอย่างถูกวิธีแก่เกษตรกร เพื่อให้มีผลผลิตที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งเพื่อให้เกษตรกรได้มาเยี่ยมชมกระบวนการผลิตปุ๋ยเคมี และการตรวจสอบคุณภาพ ของบริษัทไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยตราหัววัว-คันไถ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อเกษตรกร และประชาชนผู้สนใจอย่างมาก เพราะจะทำให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้จากการจัดอบรม คำแนะนำต่างๆ ของผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการไปประยุกต์ใช้ในปลูกข้าว เพื่อที่จะทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาด และส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น”

ล่าสุด บริษัทไทยเซ็นทรัลเคมีได้รับโล่รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 4 จากกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการยืนยันเรื่องความเป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี  โดยเกษตรกรและผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมี ตราหัววัวคันไถ ของบริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) รวมถึงโครงการอบรมเกษตรกรเรื่องปุ๋ยเคมี และธาตุอาหารข้าว จะสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-6398888 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป