“ไม้ตัดดอกริมโขง” สินค้าพืชทางเลือกที่น่าสนใจ สร้างรายได้งาม ของจังหวัดหนองคาย

นางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงพืชทางเลือกของเกษตรกรจังหวัดหนองคาย พบว่า ไม้ดอกไม้ประดับที่สำคัญ ได้แก่ ดอกดาวเรือง ดอกเบญจมาศ และดอกมัม เป็นพืชทางเลือกที่เกษตรกรนิยมปลูกมากที่สุดในอำเภอเมือง อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอท่าบ่อ ยังมีปริมาณน้ำเพียงพอ ทั้งจากแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขา ไม้ดอกทั้ง 3 ชนิดนิยมนำมาเป็นเครื่องสักการะบูชาในศาสนาพุทธ อีกทั้งตลาดมีความต้องการสูง โดยเฉพาะดอกดาวเรืองสามารถส่งขายไปยัง สปป.ลาว สร้างรายได้ให้เกษตรกร

นางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3)

จากการลงพื้นที่ สศท.3 โดยสัมภาษณ์เกษตรกรกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับชุมชนหนองบัวทอง อำเภอเมือง มีจำนวนสมาชิก 30 ราย ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูก 29 ไร่ พบว่า เกษตรกรนิยมปลูกดอกดาวเรือง ดอกเบญจมาศ และดอกมัม ในพื้นที่ครึ่งงาน ถึง 1 งาน ซึ่งเกษตรกรสามารถปลูกได้ 1-2 รอบ ต่อปี โดยดอกดาวเรือง ต้นทุนนับตั้งแต่เริ่มต้นปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 34,498 บาท ต่อไร่ อายุการเพาะปลูกประมาณ  2-4 เดือน ให้ดอกตั้งแต่อายุ 2 เดือน นิยมปลูกในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ระยะเวลาเก็บเกี่ยวช่วงเดือนตุลาคม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 979 กิโลกรัม ต่อไร่ (5-6 หมื่นดอกคละเกรด) ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 63 บาท ต่อกิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 27,056 บาท ต่อไร่ ต่อรอบการผลิต ซึ่งจะมีแม่ค้าคนกลางมารับซื้อถึงสวนทุกวัน ราคาแยกเป็นเกรดตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก ซึ่งเกรด A ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร ราคาขายอยู่ที่ 1 บาท ต่อดอก ส่วนเกรด B ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8-9 เซนติเมตร ราคาขาย 0.6 บาท ต่อดอก หรือ เกรด C ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-7 เซนติเมตร ราคา 0.5 บาท ต่อดอก และขนาดเล็ก ราคา 0.3-0.25 บาท ต่อดอก ทั้งนี้ ดอกดาวเรืองเป็นพืชสวนที่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้น้ำและการตัดดอกขายและจะขายดีในช่วงก่อนถึงวันพระ 1 วัน (วันโกน)

ดอกเบญจมาศ ต้นทุนนับตั้งแต่เริ่มต้นปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 81,739 บาท ต่อไร่ อายุการเพาะปลูกประมาณ 3-4 เดือน การเก็บเกี่ยวจะสามารถเก็บผลผลิตได้เพียงครั้งเดียว โดยทยอยตัดได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม นิยมปลูกในช่วงเดือนมิถุนายน-มกราคม ของปีถัดไป ให้ผลผลิตเฉลี่ย 3,584 กิโลกรัม ต่อไร่ ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 97,477 บาท ต่อไร่ ต่อรอบการผลิต การตัดดอกขายแยกเป็นเกรดตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก ซึ่งเกรด A ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8-10 เซนติเมตร ราคาขายอยู่ที่ 75 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนเกรด B ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร ราคาขาย 60 บาท ต่อกิโลกรัม

ดอกมัม ต้นทุนนับตั้งแต่เริ่มต้นปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 69,140 บาท ต่อไร่ อายุการเพาะปลูกประมาณ 3-4 เดือน การเก็บเกี่ยวจะสามารถเก็บผลิตได้เพียงครั้งเดียว โดยทยอยตัดได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม เช่นเดียวกับดอกเบญจมาศ นิยมปลูกในช่วงเดือนมิถุนายน-มกราคม ของปีถัดไป ให้ผลผลิตเฉลี่ย 2,443 กิโลกรัม ต่อไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้ 60-70 บาท ต่อกิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 87,803 บาท ต่อไร่ ต่อรอบการผลิต ส่วนใหญ่จะมีแม่ค้าคนกลางมารับซื้อถึงสวนทุกวัน ซึ่งเกษตรกรบางรายที่มีแผงและร้านจำหน่ายดอกไม้ จะนำไม้ดอกมาเพิ่มมูลค่าด้วยการร้อยมาลัยหรือจัดช่อสำหรับไหว้พระ แหล่งขายส่วนใหญ่อยู่ที่หลังวัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย โดยราคาขายจะอยู่ที่ 10 บาท ต่อกำ หากขายเป็นพวงมาลัยราคาขายจะอยู่ที่ 5-40 บาท ต่อพวง ซึ่งขึ้นกับขนาดและรูปแบบของมาลัย

นอกจากนี้ ยังมีไม้ดอกไม้ประดับที่เกษตรปลูกเพิ่มเติม ได้แก่ ใบเตย ดอกมะลิ ดอกพุด ดอกคัตเตอร์ และดอกสร้อยทอง แสดงให้เห็นว่าการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เป็นสินค้าพืชทางเลือกที่น่าสนใจ ช่วยสร้างรายได้กับเกษตรกร ทั้งนี้ ท่านที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการปลูกไม้ดอกจังหวัดหนองคาย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นางขวัญเรือน น้อยเจริญ รองประธานกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับชุมชนหนองบัวทอง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย โทร. (085) 000-8651