สาวนครปฐมสู้ชีวิต จบ ป.4 ปลูกผัก มีมานะทำร้านอาหาร “ครัวเจ็ดแยก”…ขายดิบขายดี

ไปตามถนนเพชรเกษม ก่อนถึงตัวเมืองนครปฐม ขวามือเป็นวัดพระประโทน จากนั้นรีบเข้าทางคู่ขนาน ขับไปสักพักเลยบิ๊กซี (อยู่ขวามือ) จะเจอแยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนเล็กๆ ไม่นานนักจะเจอครัวเจ็ดแยกอยู่ซ้ายมือ

ครัวเจ็ดแยก เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ เปิดมาแล้วกว่า 10 ปี มีทั้งหมด 32 โต๊ะ

เจ้าของคือ คุณชนิษธุ์ภัค หรือ นุช บัวสมบูรณ์ อยู่เลขที่ 43 หมู่ที่ 6 ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม

วันที่ไปเยี่ยมเยือนพูดคุย ถือเป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดีนัก แต่คนก็มาอุดหนุนแน่นร้าน สิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากรสชาติอาหารอร่อยแล้ว การเอาใจใส่ลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญมาก

ตำเจ็ดแยก

จบ ป.4

แต่มุมานะ

คุณนุช เล่าว่า เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 อาชีพเดิมคือปลูกผัก จำพวก พริก มะเขือ เป็นพืชล้มลุก ด้วยเหตุนี้ ชีวิตจึงล้มลุกคลุกคลาน หลังเรียนจบ เขาไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่สวนอาหารชื่อรุ่ง ในตัวเมืองนครปฐม นอกจากเสิร์ฟอาหารแล้ว แม่ครัวยังใช้ให้เขาหยิบโน่น ตำนี่ เพราะเหตุนี้เอง เขามีใจรักทางด้านอาหารโดยไม่รู้ตัว

คุณนุช อยู่ร้านอาหาร 7-8 ปี จากนั้นมาแต่งงาน เมื่ออายุได้ 22 ปี เขาและสามีประกอบอาชีพเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นอาชีพยอดฮิตในจังหวัดนครปฐม

คุณนุช คนสู้ชีวิต

แรกทีเดียว งานเลี้ยงหมูประสบความสำเร็จ แต่มีบางช่วงหมูลงราคา ฐานะทางบ้านจึงไม่ดี เหมือนบาปซ้ำกรรมซัด คุณนุชต้องเลิกรากับสามี

ขณะที่เขากำลังหาอาชีพทำอยู่นั้น เพื่อนที่ขายอาหารอยู่ ซึ่งเป็นเพิงเล็กๆ ตั้งอยู่ในที่ผืนปัจจุบัน จะเลิกขาย คุณนุชสนใจ จึงเซ้งร้านจากเพื่อนเป็นเงิน 30,000 บาท เริ่มขายอาหารเล็กๆ น้อยๆ แต่เนื่องจากเขาเป็นคนช่างสังเกตุ จดจำ นำประสบการณ์ที่เคยอยู่สวนอาหารมาใช้ ประกอบกับพี่สาวคุณนุชอีกคนหนึ่งมาช่วยงาน กิจการร้านอาหารจึงขยายใหญ่โตขึ้น มีคนรู้จักในตำบล ต่อมารู้จักไปไกลถึงราชบุรี กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ

แกงคั่วหอยขม

พื้นที่ร้านอาหารในปัจจุบันยังเช่าเขาอยู่ ในเนื้อที่ 2 ไร่ ส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถ แต่ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งโต๊ะรองรับลูกค้า มีห้องแอร์ไว้บริการ

“ที่ตัดสินใจเปิดร้านอาหาร ชวนพี่สาวมาเปิด เลิกเลี้ยงหมูกว่า 10 ปีมาแล้ว ลงทุนไม่เยอะ เงินมีไม่มาก ขายอาหารทุกวัน หยุดช่วงกลางเดือน 2 วัน หนูตั้งใจจะขายอาหารป่าในช่วงแรก ต่อมาคนมาอุดหนุนกันมาก จึงเพิ่มอาหารอีสาน อาหารภาคกลาง เมนูมีกว่า 100 อย่าง ที่นี่เน้นอาหารรสจัด…” คุณนุช บอก

กบคั่วแห้ง

อาหารที่นี่ อร่อยทุกอย่าง

อาหารที่ครัวเจ็ดแยก อร่อยทุกอย่าง เจ้าของใส่ใจเรื่องวัตถุดิบที่สดใหม่ เพราะอยู่ไม่ไกลตลาด อีกอย่างหนึ่งคือไม่หวงเครื่อง เน้นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ แตกต่างจากที่อื่น อย่าง พริกขี้หนูหอม กะเพราป่า หรือใช้น้ำมันมะพร้าวทอดอาหารบางอย่าง

มาชิมอาหารบางเมนูกัน

ไก่ทอดด้วยน้ำมันมะพร้าว

ไก่ทอด กรอบนอกนุ่มใน…คุณนุช แนะนำอาหารจานแรก เป็นไก่ทอด ใช้ไก่เนื้อ แต่ลองชิมแล้วแตกต่างจากไก่ทอดทั่วไป เจ้าของอธิบายวิธีทำว่า ใช้น้ำมันมะพร้าวทอด แล่มันออก จึงกรอบนอกนุ่มใน ถือว่าเป็นเมนูสุดฮิต ใครมาต้องสั่ง

กบคั่วแห้ง ทำยากแต่สั่งกันมาก…วิธีทำ เริ่มจากสับกบ ลวกในน้ำเดือด ทอดในน้ำมันเดือด แล้วจึงนำมาผัดอีกทีหนึ่ง กะเพราที่ใช้เป็นกะเพราป่า ดูขั้นตอนการทำแล้วมีหลายขั้นตอน ทำไม่ง่าย กระนั้นก็ตาม แม่ครัวเต็มใจทำ ส่วนใหญ่ลูกค้าสั่งกินกัน ซึ่งกินได้ทั้งกับแกล้มและกับข้าว

แกงคั่วหอยขม อาหารโบราณ แต่คนรุ่นใหม่ชอบ…เป็นอาหารที่มีหอยขมตัวอ้วนๆ เจ้าของร้านบอกว่า คนรุ่นใหม่ที่ติดตามพ่อแม่มากินอาหาร แรกทีเดียวไม่ค่อยใส่ใจอาหารเก่าแก่มากนัก แต่ได้ชิมแล้วติดใจ

ตำเจ็ดแยกใส่หลายอย่าง…ส้มตำที่นี่มีกว่า 10 อย่าง ตำเจ็ดแยกได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะใส่เครื่องปรุงคุณภาพดี อาทิ เห็ด ปลาหมึก หมูยอ สายบัว เป็นต้น

ต้มยำปลาคัง

ปลาช่อนแป๊ะซะใช้ปลาตัวโตๆ…น้ำแกงทางร้านเตรียมวันละหม้อ เบอร์ 40 ซึ่งรสชาติเข้มข้นมาก ไม่ใส่กะทิ ปลาใช้ปลาสดใหม่ทุกวัน

ปลาคังทำได้หลายอย่าง…เป็นอาหารที่คนนิยมสั่งอยู่แล้ว สำหรับปลาคัง ทางร้านเลือกซื้อตัวขนาด 1.2 กิโลกรัม มากน้อยกว่านี้นิดหนึ่ง เมื่อนำมาทำอาหารจึงได้รสชาติดี รายการอาหารก็เช่น ผัดฉ่า ฉู่ฉี่ ต้มยำ แกงหน่อไม้

กะเพราป่าจากเมืองกาญจน์ และพริกขี้หนูหอม

วัตถุดิบสดใหม่จริงๆ

กะเพราป่า จากเมืองกาญจน์

คุณนุช บอกว่า ที่ตั้งของร้านอยู่ไม่ไกลจากตลาด วิ่งรถไปซื้อ 5 นาที ก็ถึงแล้ว เป็นตลาดใหญ่ของนครปฐม ขาดอะไรก็ไปซื้อ ส่วนใหญ่ซื้อวันต่อวัน อย่าง ปลา ซื้อมาขังไว้ตัวเป็นๆ ลูกค้าสั่งจึงจับมาทำ

“แถบนี้ปลูกกะเพรากันมาก เป็นพันธุ์ทั่วไป เราทดลองใช้แล้ว ไม่หอมเท่ากะเพราป่า ซึ่งเขาปลูกอยู่ชายเขา ที่ค่อนข้างแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อนำมาปรุงอาหารได้กลิ่นหอมแรงมีเอกลักษณ์ ราคาจะสูงกว่ากะเพราทั่วไปครึ่งต่อครึ่ง อย่างทั่วไป 20 บาท กะเพราป่า 40 บาท ราคาขึ้นลงเป็นบางฤดู วันหนึ่งใช้ไม่ต่ำกว่า 2 กิโลกรัม เคยมีผู้พยายามนำมาปลูกแถบนครปฐมแต่ได้กลิ่นไม่ดีเท่าจึงไม่ปลูกกัน…อาหารบางอย่างเราย้อนยุค อย่างไข่เจียวใช้น้ำมันหมู เราเจียวเอง ทุกวันนี้พิสูจน์แล้วว่า น้ำมันหมูไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ” คุณนุช พูดถึงวัตถุดิบ

บรรยากาศการมาเป็นหมู่คณะ

ดูแลคนรอบข้างดี

อยู่กันมาตั้งแต่เริ่มทำร้าน

ครัวเจ็ดแยก ถือว่าเป็นร้านยอดนิยมอีกมุมหนึ่งของจังหวัดนครปฐม คนท้องถิ่นน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก

“ลูกค้าของหนู บางคนอุดหนุนกันมาเป็น 10 ปี ไกลๆ จากราชบุรี กาญจนบุรี กรุงเทพฯ…ร้านหนูขายอาหารไม่แพง เต็มที่พันกว่าบาทก็อิ่มแล้ว มีอยู่เจ้าหนึ่ง คนอายุ 60 ปี 4-5 คน เด็ก 10 ขวบอีก 2 คน มากินทีหมดไป 4-5 พันบาทไม่มีเหลือ เขากินกันได้อย่างไร อาทิตย์หนึ่งมาครั้งหนึ่ง บางครั้งถ้า 6 พันบาท เหลือนิดหน่อย” คุณนุช เล่าถึงลูกค้าอย่างภาคภูมิใจ

ปลาช่อนแป๊ะซะ

คุณนุช ยอมรับว่าพี่สาวคือผู้มีส่วนช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จักและขายดี เธอบอกว่า ปัจจุบัน แม่ครัวมีทั้งหมด 9 คน แยกภาระหน้าที่กันทำ

“งานที่ทำอยู่ หนูว่าหนูประสบความสำเร็จ มีทุกอย่าง พอใจ ได้ช่วยคนได้มีงานทำอีกเยอะ อย่างทีมงานเราได้ช่วยลูกเขาด้วย…วัยเด็กเรายากจน ฐานะไม่ดีมาก่อนไม่น้อยใจ ก็พยายาม เรามาหาเอง ลูกๆ เรียนจบทำงานกันแล้ว เขาก็มีแนวทางของเขา” เจ้าของคนเก่งบอก

คุณนุช บอกว่า ที่ร้านเปิด 10 โมงเช้า ปิด 2 ทุ่มครึ่ง

เมนูสร้างสรรค์

สนใจแวะไปอุดหนุน สอบถามได้ที่ โทรศัพท์ (089) 378-6652 และ (086) 133-5048 หรือ เฟซบุ๊ก:ครัวเจ็ดแยก