ปลูกข้าวไร่ในสวนผลไม้ เกษตรพอเพียงของ ‘บุญเลิศ ปานสวี’ จังหวัดระนอง

“ละอุ่น” เป็นชื่ออำเภอหนึ่งใน 5 อำเภอ ของจังหวัดระนอง มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา สลับกับพื้นที่ราบเชิงเขา เกษตรกรส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และสวนผลไม้แบบผสมผสาน และที่บ้านในวง ตำบลในวงเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง เกษตรกรได้ทำเกษตรหลากหลายทั้งไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผักต่างๆ รวมทั้งปลูกข้าวไร่ในสวนผลไม้ ตามแนวเกษตรพอเพียง เช่น เกษตรกรรายนี้ คุณบุญเลิศ ปานสวี


เกษตรกรดีเด่น
สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม จ.ระนอง ปี 2554

คุณบุญเลิศ ปานสวี อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ที่ 2 ตำบลในวงเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง ทำการเกษตรแบบพอเพียงบนเนื้อที่เพียง 10 ไร่ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ อยู่แบบพอเพียง เป็นต้นแบบของเกษตรกร อีกทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงของอำเภอละอุ่น และได้รับการคัดเลือกจากจังหวัดระนองให้เป็นเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ปี 2554 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง

กิจกรรมเกษตรผสมผสาน

บนเนื้อที่เพียง 10 ไร่ คุณบุญเลิศ มีกิจกรรมการเกษตรผสมผสาน ได้แก่

ด้านการปลูกพืช
– พืชหลัก ได้แก่ ทุเรียน มังคุด ลองกอง
– พืชเสริม ได้แก่ ผักเหลียง สับปะรด เสาวรส มันสำปะหลัง
– พืชผัก ได้แก่ ผักบุ้ง ผักคะน้า บวบ ฟักทอง มะระ ถั่วฝักยาว เป็นต้น
– พืชอื่นๆ ได้แก่ กล้วย หมาก ไม้ใช้สอย

ด้านเลี้ยงสัตว์
– เลี้ยงวัว ไว้ใช้งานในสวนโดยลากไม้แทนเครื่องจักร
– เลี้ยงหมู เลี้ยงห่าน เลี้ยงไก่

ด้านประมง
– มีบ่อเลี้ยงปลา 1 บ่อ เป็นปลาดุก 1,000 ตัว

ด้านการปรับปรุงบำรุงดิน
– ทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
– เผาถ่าน/ทำน้ำส้มควันไม้
– ปลูกพืชปุ๋ยสด

ศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียง

คุณบุญเลิศ ทำกิจกรรมเกษตรแบบพอเพียงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน เป็นต้นแบบให้กับเพื่อนเกษตรกรข้างเคียง อำเภอละอุ่นจึงคัดเลือกให้เป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงของอำเภอ มีเกษตรกรมาศึกษาดูงานทั้งจากในพื้นที่ และจากต่างจังหวัด มาศึกษาดูงานเป็นระยะ นับเป็นการช่วยเหลือสังคม ในการแบ่งปันองค์ความรู้ในการทำการเกษตรแบบพอเพียงให้ครอบคลุมและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ปลูกข้าวไร่ ในสวนผลไม้

ในยุคข้าวยากหมากแพง น้ำมันแพง ข้าวราคาแพง และเกือบทุกอย่างแพงทั้งนั้น หลายจังหวัดของประเทศประสบกับมหาอุทกภัย แต่คุณบุญเลิศไม่เดือดร้อน เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยการปลูกพืชหลากหลาย มีกิน มีใช้ตลอดปี รวมทั้งมีการปลูกข้าวไร่พันธุ์ดอกพยอม

คุณบุญเลิศ เล่าว่า มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า การปลูกพืชเชิงเดี่ยว ปลูกปาล์มน้ำมัน ปลูกยางพารา เมื่อนำผลผลิตไปขาย ก็ต้องซื้อข้าวมารับประทาน ทำไมเราไม่ปลูกข้าวรับประทานเอง แค่พอเลี้ยงครอบครัวก็พอแล้ว ปีหน้าปลูกใหม่จะทำให้ไม่ต้องซื้อข้าวรับประทานแน่นอน จึงได้ทดลองปลูกข้าวไร่ในพื้นที่ว่างในสวนผลไม้ ปรากฏว่าถึงวันนี้ ข้าวเจริญเติบโตดี ออกรวงเหลืองอร่าม จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว

คุณบุญเลิศ ปลูกข้าวไร่ในสวนผลไม้ที่อยู่บริเวณข้างบ้าน โดยเลือกบริเวณที่โล่ง แสงแดดส่องถึง รวม 3 จุด เนื้อที่ปลูกข้าวไร่ ประมาณ 2 ไร่ คาดว่าจะได้ผลผลิตข้าวมากพอสมควร เก็บไว้รับประทานได้ภายในครอบครัวได้ตลอดปี และในปีต่อๆ ไป จะปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง

ร้านตากหมาก

ร้านตากหมาก
หนึ่งเดียวในระนอง

ด้วยความที่คุณบุญเลิศ ทำการเกษตรผสมผสานหลากหลาย รวมทั้งการปลูกหมาก ตามหัวไร่ปลายนา แต่ละปีมีผลผลิตหมาก ประมาณ 5 ตัน แต่ปัญหาสำคัญ คือ ระนอง เมืองฝนแปด แดดสี่ แปลว่า ฝนตกมากทำให้หมากเปียก ชื้น ขึ้นรา คุณภาพต่ำ จึงได้คิดหาหนทางแก้ปัญหาดังกล่าว โดยการทำร้านตากหมากด้วยมือ

รูปแบบการสร้าง โดยสร้างร้านขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร ยกเสา 6 ต้น สูงประมาณ 3 เมตร เหตุผลที่ยกเสาสูง คุณบุญเลิศ บอกว่า เพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านล่างเป็นที่เก็บของ วัสดุการเกษตร ปุ๋ย หรือเก็บรถไถ และป้องกันน้ำท่วมได้ด้วย

“ด้านบนเป็นพื้น หลังคามุงจากเป็นจั่ว ปิด-เปิด ได้ เมื่อจะตากหมากก็ใช้รอกดึงหมากขึ้นไปตากบนร้าน ได้ครั้งละ 1-2 ตัน วันไหนแดดดี ก็เปิดหลังคาอ้าออกทั้ง 2 ข้าง รับแดด โดยมีเชือกยึดดึงไว้ และหากฝนตกมา ก็ดึงเชือกให้หลังคาหุบเข้าหากัน แค่นี้หมากก็ไม่เปียกฝน แห้งเร็ว ไม่ขึ้นรา เมื่อหมากแห้งดีแล้วก็สามารถขายได้ราคาคุณภาพดีด้วย”

สำหรับวิธีการนำหมากลงจากร้านโดยเจาะรูกลางลานตาก แล้วกวาดหมากให้ไหลลงตามรูหรือท่อที่เตรียมไว้ เป็นสังกะสี หรือเย็บด้วยผ้า ปลายท่อมีภาชนะรองรับ เช่น กระสอบ เข่ง ซึ่งทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ร้านตากหมากนี้ ทำมาแล้วกว่า 3 ปี ใช้ได้ผลดี คุณบุญเลิศ ยืนยันด้วยความมั่นใจ