เกษตรกรหนองคาย ชู “ผักปลอดสารพิษ” ปลูก “ฟักหอม” สร้างรายได้นับหมื่น

หนองคาย ปลูกฟักหอมปลอดสารพิษรายได้ดี เกษตรกรชาวจังหวัดหนองคาย ปลูกฟักหอมปลอดสารพิษ ไม่มีปัญหาด้านการตลาด ขายทั้งส่งโรงพยาบาลและขายที่ตลาดสด สร้างรายได้ให้เกษตรกรที่ปลูกได้เป็นอย่างดี

นายสุวพิษ ศรีวงษ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 1 ต.ปะโค อ.เมือง จ.หนองคาย เกษตรกรผู้ปลูกฟักหอมปลอดสารพิษ กล่าวว่า เริ่มปลูกฟักหอมปลอดสารพิษโดยได้มีการจับกลุ่มเพื่อปลูกผักปลอดสารพิษส่งโรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลมีความต้องการฟักหอมเกษตรอินทรีย์ ตนจึงได้ลองปลูกฟักหอมโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างเดียว ซึ่งทางโรงพยาบาลมีความต้องการฟักหอมปลอดสารพิษ 70-80 กิโลกรัมต่อ 1 สัปดาห์ ในส่วนราคาของฟักหอมถ้านำไปขายที่ตลาดสดจะได้ราคากิโลกรัมละ 20 บาท ถ้าส่งขายที่โรงพยาบาลจะได้ราคากิโลกรัม 17-18 บาท

เกษตรกรหนองคาย ชู “ผักปลอดสารพิษ” ปลูก “ฟักหอม” สร้างรายได้นับหมื่น

นายสุวพิษ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการปลูกฟักหอมปลอดสารพิษนั้นจะใช้ระยะเวลาในการปลูก 4 เดือน และเป็นพืชที่ปลูกยากเนื่องจากมีวิธีการดูแลลำบาก เพราะฟักหอมมีเครือต้นที่ยาวทำให้รากของฟักหอมกระจายไปได้ไกล ทำให้ต้องรดน้ำบริเวณที่ปลูกให้ทั่วถึงและชุ่มชื้นอยู่ตลอด และวิธีให้ปุ๋ยอินทรีย์ต้องหว่านไว้รอบ ๆ พื้นที่ตอนที่ต้นฟักหอมโตแล้วจะดูดซึมปุ๋ยที่หว่านไว้เข้าไปเอง ฟักหอมจะเริ่มเก็บได้ตอนอายุประมาณ 3 เดือน เมื่อต้นฟักหอมมีอายุมากแล้วตนก็จะเก็บผลเอาไว้ทำเมล็ดพันธุ์ ซึ่งสามารถเก็บผลผลิตเอาไว้ได้นานเป็นปี โดยที่ผลฟักหอมจะยังคงสดอยู่เสมอ ฟักหอมจะมีเอกลักษณ์คือมีเนื้อแน่น ในสวนของตนนั้นได้ปลูกฟักหอมไว้ 17 ต้นได้ผลผลิตตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงปัจจุบันใช้เวลา 2 เดือนได้ผลผลิตประมาณ 2 ตันหรือ 2000 กิโลกรัม

นายสุวพิษ ยังได้แนะนำถึงผู้ที่สนใจจะปลูกฟักหอมปลอดสารพิษว่า ถ้าเราปลูกฟักหอมตามพื้นดินจะมีโอกาสที่ผลผลิตจะเสียหายสูง จึงต้องปลูกโดยสร้างโรงเรือนไว้ซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตฟักหอมที่สมบูรณ์และสวยงาม สำหรับการปลูกฟักหอมปลอดสารพิษนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกได้ครึ่งต่อครึ่งจากต้นทุน การรดน้ำตนนั้นจะใช้สปริงเกอร์รดด้านบนเหมือนเป็นการทำฝนเทียมจะทำให้ต้นฝักหอมออกดอกผลได้เยอะและเป็นการป้องกันเพลี้ย สภาพอากาศที่เหมาะกับการปลูกฝักหอมคือฤดูร้อน.

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์