เผยแพร่ |
---|
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับ บริษัท ห้าตะขาบ ซิมเทียมฮ้อ จำกัด ผู้ผลิตยาอมลูกกลอนแก้ไอ “ตราตะขาบห้าตัว” พัฒนาผลิตภัณฑ์โฉมใหม่ “ยาแก้ไอแบบสเปร์ยพ่น” เพื่อขยายฐานคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ บุกตลาดกว่า 14 ประเทศ พร้อมเปิดตัวแล้วในไตรมาสแรกปี 2563
ดร.กอบกุล เหล่าเท้ง ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยส่วนผสมฟังก์ชั่นและนวัตกรรมอาหาร ไบโอเทค สวทช. เผยว่า ไบโอเทคร่วมกับ บริษัท ห้าตะขาบ ซิมเทียมฮ้อ จำกัด ผู้ผลิตยาอมลูกกลอนแก้ไอตราตะขาบห้าตัว ซึ่งยืนหยัดความนิยมอันดับต้นๆ ในไทยมากว่า 80 ปี ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีช่วยพัฒนากระบวนการผลิตต้นน้ำและกลางน้ำให้สามารถผลิตสินค้าได้ทันความต้องการของลูกค้าที่มีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผลงานดังกล่าวสร้างมูลค่าผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ สูงถึงกว่า 700 ล้านบาท และนำมาสู่ความร่วมมือต่อเนื่องในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ยาแก้ไอรูปแบบใหม่ เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น
“สิ่งที่คณะผู้วิจัยพัฒนาคือวิธีการเตรียมวัตถุดิบยาสำหรับกระบวนการผลิตยาแก้ไอในรูปแบบสเปร์ยพ่น โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวกระบวนการอุตสาหกรรม (Industrial bioprocess technology) และเทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์ยับยั้งจุลชีพ พัฒนายารูปแบบใหม่โดยคงสูตรตัวยาสมุนไพรดั้งเดิม จากการทดสอบพบว่ามีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์เทียบเคียงยาอมสูตรลูกกลอนที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุอาการคออักเสบ (Pharyngitis) ได้มากกว่า 99.9 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลา 5 นาที
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้ ไม่เพียงปรับรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ยา แต่บริษัทและคณะวิจัยยังคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยกระบวนการผลิตทั้งหมดเน้นใช้กรรมวิธีและวัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี และไม่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ เพราะหากผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะไม่ครบตามปริมาณที่กำหนดอาจเกิดการดื้อยาได้ ซึ่งจะส่งผลให้การรักษาในอนาคตจำเป็นต้องใช้ยาที่แรงขึ้น กระบวนการผลิตมีการนำศาสตร์ต่างๆ เข้าไปเสริมความสามารถให้ทำงานได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น สามารถควบคุมคุณภาพตลอดสายการผลิตให้ไม่ก่อเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น กระบวนการผลิตหลักส่วนใหญ่ยังใช้เทคโนโลยีของคนไทย ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ”
ปัจจุบันบริษัทสามารถขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยาแก้ไอแบบสเปร์ยพ่นกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เป็นที่เรียบร้อย มีการนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มสายการผลิต มีแผนจัดจำหน่ายในไตรมาสแรกปี 2563 โดยวางแผนที่จะมีการทำตลาดเพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปสู่คนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติที่ไม่นิยมการบริโภคยาในรูปแบบลูกกลอน ซึ่งบริษัทมีฐานตลาดจากผลิตภัณฑ์เดิมอยู่ก่อนหน้าแล้วกว่า 14 ประเทศ
ดร.กอบกุล กล่าวว่า สิ่งที่ไบโอเทคช่วยหนุนเสริมเสมอมาคือ การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปช่วยเสริมความแกร่ง ช่วยยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตามโจทย์ความต้องการของบริษัท เริ่มจากจุดที่มีความสำคัญเร่งด่วน แล้วจึงแนะนำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาต่อ ไบโอเทคทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจจากการเป็น SMEs ไปสู่บริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้เกิดการจ้างงานและกระจายรายได้สู่คนในประเทศ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตามหลัก BCG (Bio – Circular – Green) Economy Model ที่มุ่งเน้นการนำศาสตร์และความรู้และเทคโนโลยีมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยคำนึงถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นวัตกรรม “ยาแก้ไอตราตะขาบในรูปแบบสเปร์ยพ่น” นับเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกก้าวสำคัญของผู้ประกอบการไทย ที่หันมาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ตลาดสากล