ผู้เขียน | ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา |
---|---|
เผยแพร่ |
ดีใจที่เกษตรกรหลายพื้นที่เห็นความสำคัญของการรวมกันเป็นกลุ่มกิจกรรม ข้อดีของการร่วมมือกันจะสร้างพลังให้เกิดความเข้มแข็ง มีผลทั้งทางตรงและอ้อมต่ออาชีพเกษตรกรรมที่ยั่งยืนแล้วมั่นคง
คุณสมพนธ์ ไทยบุญรอด บ้านเลขที่ 1015 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอาชีพทำสวนผักมาตั้งแต่เด็ก เป็นรุ่น 2 ต่อจากพ่อ-แม่ เมื่อปี 2543 ทางเกษตรมาแนะนำและส่งเสริมให้รวมตัวจัดตั้งเป็นกลุ่มปลูกผักธรรมชาติ มีเป้าหมายเพื่อส่งเข้าตลาด จนสามารถปลูกผักได้มีคุณภาพได้อันดับ 1 ระดับจังหวัด ทำให้สมาชิกกลุ่มมีกำลังใจ และความเชื่อมั่นมากขึ้น
จากนั้นได้พัฒนาปรับปรุงคุณภาพผักเรื่อยมาจนเป็นผักปลอดภัยแถวหน้าของจังหวัด พร้อมกับจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเมื่อปี 2560 กระทั่งได้รับการโปรโมตให้เป็นกลุ่มปลูกผักแปลงใหญ่ จนปี 2561 ได้ทำสัญญาซื้อ-ขายผักกับห้างเทสโก้ โลตัส มาถึงปัจจุบัน
กลุ่มนี้ปลูกผักแบบปลอดภัย ทุกรายที่เข้าร่วมจะต้องผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน GAP โดยลักษณะปลูกแบบยกร่อง แหล่งขายในช่วงแรกตามตลาดต่างๆ แต่หลังจากตกลงส่งขายให้เทสโก้ โลตัส จึงเริ่มทำผักปลอดภัยแบบเข้มข้นมากขึ้น มีความเข้มงวดในทุกขั้นตอนการตรวจสอบ ปัจจุบันมีสมาชิกเกือบ 60 คน มีพื้นที่ปลูกรวมทั้งสิ้นกว่า 400 ไร่
ผักที่ปลูกได้แก่ ฮ่องเต้ไต้หวัน กวางตุ้ง คะน้า ผักบุ้ง มะระจีน บวบ ถั่วฝักยาว ผักชี พริก (ยอดสน) โดยจะจัดสรรให้สมาชิกไปปลูกตามออเดอร์ การปลูกแบบควบคุมคุณภาพความปลอดภัย จะต้องกำหนดปริมาณและระยะเวลาเพื่อควบคุมการใช้สาร พร้อมกับต้องตรวจทุกสัปดาห์ก่อนส่งขาย
ทั้งนี้ การเลือกหรือกำหนดให้สมาชิกแต่ละรายปลูกผักจะต้องพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความต้องการตลาด สภาพอากาศและฤดูกาล โดยพริกและผักบุ้งสามารถปลูกได้ต่อเนื่อง ซึ่งชาวบ้านแต่ละรายอาจปลูกขายส่งห้างอย่างเดียวหรือส่งตลาดทั่วไปกับส่งห้าง ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละรายมีพื้นที่เท่าไร
“ในแต่ละฤดูจะต้องพิจารณาว่าควรปลูกผักอะไรที่เหมาะแล้วไม่เสี่ยง แต่ผักบุ้งและพริกจะเป็นสินค้าหมุนเวียนตลอด อย่างไรก็ตาม ผักทุกชนิดสามารถส่งให้ลูกค้าได้ไม่ขาดตอนเพราะมีการวางแผนปลูกและดูแลอย่างดี อย่างกวางตุ้งใช้เวลาประมาณ 30 วัน ส่วนคะน้า มะระ ถั่วฝักยาว ใช้เวลาประมาณ 45 วัน และเก็บผักบุ้งขายเฉลี่ยวันละ 400-500 กิโลกรัม”
ผลผลิตผักทุกชนิดลำเลียงเฉลี่ยวันละ 2-3 ตัน มีรายได้วันละ 2-3 หมื่นบาท เพดานราคาขายที่ตกลงกับเทสโก้ โลตัส จะยืนราคาไว้ทุก 3 เดือน แล้วราคาขายกับห้างใหญ่สูงกว่าขายปกติกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ อยู่ที่เกษตรกรต้องเอาใจใส่ ควบคุมการปลูกให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยต่อครัวเรือนประมาณ 4 หมื่นบาทต่อเดือน มีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีงานทำอยู่กับบ้านและครอบครัว พวกเขารู้ว่ามีรายได้แน่นอนและมั่นคง จึงมีความกระตือรือร้นแล้วใส่ใจกับการปลูกผักอย่างจริงจัง ขณะที่การลงทุนปลูกไม่มากเพราะต้นทุนส่วนมากซื้อในราคาผ่านกลุ่ม ส่วนเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ มีกันอยู่แล้ว พื้นที่เฉลี่ยต่อรายประมาณ 5-7 ไร่
คุณสมพนธ์บอกถึงเหตุผลที่กลุ่มได้รับเลือกให้เป็นแหล่งปลูกผักคุณภาพเพราะเป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง ดูแลเอาใจใส่การปลูกผักอย่างจริงจังจนได้รับรางวัลมากมาย ดังนั้น ในสุราษฎร์ธานีถือว่าเป็นกลุ่มปลูกผักที่มีศักยภาพ
พร้อมกับชี้ว่าการที่ได้เข้ามาร่วมปลูกผักแปลงใหญ่ มีส่วนช่วยให้สมาชิกกลุ่มได้รับผลประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าการซื้อวัตถุดิบเกษตรในราคาถูก ได้รับการช่วยเหลือข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนเทคนิคต่างๆ จากภาคราชการ การจัดหาตลาดขายที่ไม่เสี่ยง ได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม
“การทำกิจกรรมทางเกษตรเป็นกลุ่มถือว่าเป็นแนวทางที่ช่วยให้เกษตรกรอยู่รอดได้ ปัจจุบันภาคราชการมีโครงการต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคเกษตรกรรม จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ อย่าฝืนทำเองเพียงลำพัง” คุณสมพนธ์ กล่าว
สอบถามรายละเอียดการปลูกผักแปลงใหญ่ได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ (077) 283-282