ข้าวโพดหวาน สวีท ไวโอเล็ท และ จัมโบ้ สวีท เคลือบสารเพิ่มประสิทธิภาพ ทนแล้ง เหมาะกับช่วงน้ำน้อย

ในช่วงภาวะที่เกษตรกรไทยต้องเจอกับวิกฤตภัยแล้งขั้นรุนแรงในปี 2563 ทุกคนต่างต้องเอาตัวรอดเพื่อความอยู่รอด และจะดีแค่ไหน ถ้าจะมีเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพมาช่วยกู้วิกฤตในช่วงภัยแล้ง

คุณอิสระ วงศ์อินทร์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ได้แนะนำข้าวโพด 2 สายพันธุ์ ที่จะมาช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ช่วงแล้ง ซึ่งในข้าวโพดทั้งสองสายพันธุ์นี้จะมีสารเคลือบเพิ่มประสิทธิภาพ ที่เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ของบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ที่คิดค้นเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเมล็ดพันธุ์พืชตราศรแดง เบื้องต้นนำสารเข้ามาใช้ในข้าวโพดหวาน สวีท ไวโอเล็ท และข้าวโพดหวาน จัมโบ้ สวีท ซึ่งสารตัวนี้จะเข้าไปช่วยป้องกันกำจัดแมลงและช่วยเพิ่มรากฝอยของข้าวโพด

ลักษณะการทำงาน เริ่มแรกใช้เพื่อกำจัดแมลง แต่เมื่อมีการทดลองเพิ่มเติมสารเคลือบตัวนี้สามารถทำให้ต้นพืชมีระบบรากที่แข็งแรงเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มรากฝอยที่เยอะขึ้นกว่าเมล็ดที่ไม่ได้เคลือบ และมีการทดลอง มีภาพถ่ายให้เห็นชัดๆ ว่าปลูกข้าวโพดพันธุ์เดียวกัน แต่ต้นที่ใช้เมล็ดเคลือบเพิ่มประสิทธิภาพกับต้นที่ไม่ได้ใช้ ปริมาณรากฝอยมีความแตกต่างกัน

ซึ่งระบบรากฝอยที่เยอะจะช่วยให้พืชหาอาหาร หาน้ำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับถ้ารากฝอยยิ่งมีมากเท่าไรนั้นหมายความว่าต่อให้พื้นที่มีน้ำไม่มากแต่ต้นก็ยังสามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะว่าระบบรากมีมากกว่าในกลุ่มพืชที่ไม่ได้ใช้สารเคลือบ เปรียบเหมือนรากเป็นมือ เมื่อมีมือเยอะก็สามารถหยิบจับอะไรได้มากขึ้น หาน้ำหาอาหารได้ดี และที่สำคัญราคาเท่าเดิม เมื่อเกิดวิกฤตภัยแล้งเช่นนี้หากเกษตรกรสนใจอยากจะปลูกข้าวโพด ทางบริษัทแนะนำให้ปลูกข้าวโพดหวาน สวีท ไวโอเล็ท และข้าวโพดหวาน จัมโบ้ สวีท เพราะปลูกง่าย มีเปอร์เซ็นต์การรอดสูง และเจริญเติบโตได้ดี แล้งหรือไม่แล้งก็ปลูกได้ แต่ถ้าเกิดภัยแล้งใช้ตัวนี้จะเหมาะที่สุด